ASTVผู้จัดการรายวัน- "อนันตพร"นั่งหัวโต๊ะ"กบง."วันนี้ (2ต.ค.)ถกเคาะราคาLPGเดือนต.ค. ลุ้น 2 ทางเลือกจ่อขยับขึ้น 40 สต./กก. หรือลดเงินนำส่งแอลพีจีเพื่อตรึงราคาไว้คงเดิม 22.29 บาทต่อกก. พร้อมจัดระเบียบราคาแก๊สโซฮอลใหม่เพิ่มส่วนต่างจูงใจใช้E20 และ E85 ด้วยการลดเงินกองทุนฯE20ลง 60 สต.ต่อลิตร และE85 ลง 2.70 บ.ต่อลิตร โดยมอบให้ดำเนินการช่วงค่าการตลาดสูงส่งผลให้ E20 จ่อลดลง 60สต.ต่อลิตรและE85 ลง2.70บ.ต่อลิตร
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ที่มีพล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงานเป็นประธาน วันนี้( 2 ต.ค.58) ว่า กบง.จะมีการพิจารณาราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ประจำเดือนต.ค. 58 ตามแนวทางการปรับโครงสร้างให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงซึ่งพบว่าราคาตลาดโลก(CP)ที่นำมาคำนวณเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมาปรับขึ้นจาก 327 เหรียญสหรัฐต่อตันเป็น 333 เหรียญสหรัฐต่อตัน และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงทำให้ราคาก๊าซรวม(Pool)ขยับสูงขึ้น ดังนั้นแอลพีจีจึงมีทิศทางปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 0.40 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)แต่ทั้งนี้อยู่ที่กบง.จะตัดสินใจว่าจะปรับขึ้นหรือตรึงราคาไว้คงเดิม
ปัจจุบันราคาขายปลีกแอลพีจีอยู่ที่ 22.29 บาทต่อกก.หากกบง.เห็นชอบให้ปรับราคาขายปลีกสะท้อนกลไกต้นทุนที่แท้จริงราคาจะขยับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 22.69 บาทต่อกก. แต่หากกบง.เลือกที่จะตรึงราคาขายปลีกไว้คงเดิมที่ 22.29 บาทต่อกก.ก็สามารถดำเนินการได้โดยให้ปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 0.40 บาทต่อกก.จากขณะนี้ที่เก็บอยู่ระดับประมาณ 0.92 บาทต่อกก. เป็น 0.52 บาทต่อกก.
" การลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฯสำหรับแอลพีจีจะทำให้รายรับกองทุนฯเหลือประมาณ 105 ล้านบาทต่อเดือน แต่กรณีที่ปรับเพิ่มราคาขายปลีกอีก 0.40 บาทต่อกก.ก็จะทำให้รายรับเข้ากองทุนฯแอลพีจีเป็นกว่า 250 ล้านบาทต่อเดือน จากปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันฯของแอลพีจีอยู่ที่ประมาณ 8,000 กว่าล้านบาท"แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากนี้กบง.จะมีการพิจารณาปรับโครงสร้างราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับลดลงเพื่อจูงใจให้เกิดการใช้เอทานอลให้มากขึ้น พร้อมๆ ไปกับการจัดระเบียบหัวจ่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ในอนาคตให้ผู้บริโภคเป็นฝ่ายเลือกว่าจะตัดสินใจใช้ชนิดใดแน่แทน เนื่องจากขณะนี้ส่วนต่างราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E10 กับ น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 และ น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 กับ น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ไม่ต่างกันมาก ส่งผลให้ยอดปริมาณการใช้ น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 และ น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ไม่เพิ่มขึ้นดังนั้นกบง.จะมีการพิจารณาเพิ่มแรงจูงใจด้วยการเพิ่มส่วนต่างราคาขายปลีกใหม่ดังนี้
ปรับเพิ่มอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 กับ และ น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 เท่ากับ 0.50 บาท/ลิตรและ ปรับลดอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันแก๊สโซฮอล E20 เท่ากับ 0.60 บาท/ลิตรและ ปรับลดอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 เท่ากับ 2.70 บาท/ลิตร ซึ่งต้องมอบหมายให้สำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)ไปดำเนินการในช่วงที่ค่าการตลาดเฉลี่ยเกิน 2 บาทต่อลิตรเพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ค้าน้ำมัน
" การดำเนินงานดังกล่าวจะทำให้ส่วนต่างราคาขายปลีกระหว่างแก๊สโซฮอล์ 95 กับ E 20 จาก 1.80 บาทต่อลิตร 2.40 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล 95 กับ E85 จาก 4.32 บาท/ลิตร เป็น 7.09 บาท/ลิตร ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวจะยังทำให้กองทุนน้ำมันฯมีสภาพคล่องเพิ่มเป็น 105 ล้านบาทต่อเดือน โดยปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯมีฐานะสุทธิ 35,391 ล้านบาท"แหล่งข่าวกล่าว
*****เห็นชอบค่าไฟขายปลีกพ.ย.ลดลง1.05สต./หน่วย
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในฐานะโฆษกของ กกพ. กล่าวถึงเรื่องการปรับโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าใหม่ว่า ภายหลังจากที่ได้เปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ของสำนักงาน กกพ. ระหว่างวันที่ 16 – 28 กันยายน 2558 โดยเมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา กกพ. ได้มีมติเห็นชอบอัตราค่าไฟฟ้าปี 2558
ประกอบด้วย โครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าขายส่ง-ขายปลีก สูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ การชดเชยรายได้ระหว่างการไฟฟ้า และแนวทางการกำกับการดำเนินงานตามแผนการลงทุน โดยทั้งหมดนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ค่าไฟฟ้าประจำเดือนพฤศจิกายน 2558 เป็นต้นไป โดยสาระสำคัญของการปรับปรุงโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าปี 2558 คือ 1) ปรับลดค่าไฟฟ้าขายปลีกเฉลี่ยลดลง 1.05 สตางค์/หน่วย
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ที่มีพล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงานเป็นประธาน วันนี้( 2 ต.ค.58) ว่า กบง.จะมีการพิจารณาราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) ประจำเดือนต.ค. 58 ตามแนวทางการปรับโครงสร้างให้สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงซึ่งพบว่าราคาตลาดโลก(CP)ที่นำมาคำนวณเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมาปรับขึ้นจาก 327 เหรียญสหรัฐต่อตันเป็น 333 เหรียญสหรัฐต่อตัน และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงทำให้ราคาก๊าซรวม(Pool)ขยับสูงขึ้น ดังนั้นแอลพีจีจึงมีทิศทางปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 0.40 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)แต่ทั้งนี้อยู่ที่กบง.จะตัดสินใจว่าจะปรับขึ้นหรือตรึงราคาไว้คงเดิม
ปัจจุบันราคาขายปลีกแอลพีจีอยู่ที่ 22.29 บาทต่อกก.หากกบง.เห็นชอบให้ปรับราคาขายปลีกสะท้อนกลไกต้นทุนที่แท้จริงราคาจะขยับเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ประมาณ 22.69 บาทต่อกก. แต่หากกบง.เลือกที่จะตรึงราคาขายปลีกไว้คงเดิมที่ 22.29 บาทต่อกก.ก็สามารถดำเนินการได้โดยให้ปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 0.40 บาทต่อกก.จากขณะนี้ที่เก็บอยู่ระดับประมาณ 0.92 บาทต่อกก. เป็น 0.52 บาทต่อกก.
" การลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฯสำหรับแอลพีจีจะทำให้รายรับกองทุนฯเหลือประมาณ 105 ล้านบาทต่อเดือน แต่กรณีที่ปรับเพิ่มราคาขายปลีกอีก 0.40 บาทต่อกก.ก็จะทำให้รายรับเข้ากองทุนฯแอลพีจีเป็นกว่า 250 ล้านบาทต่อเดือน จากปัจจุบันฐานะกองทุนน้ำมันฯของแอลพีจีอยู่ที่ประมาณ 8,000 กว่าล้านบาท"แหล่งข่าวกล่าว
นอกจากนี้กบง.จะมีการพิจารณาปรับโครงสร้างราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับลดลงเพื่อจูงใจให้เกิดการใช้เอทานอลให้มากขึ้น พร้อมๆ ไปกับการจัดระเบียบหัวจ่ายน้ำมันแก๊สโซฮอล์ในอนาคตให้ผู้บริโภคเป็นฝ่ายเลือกว่าจะตัดสินใจใช้ชนิดใดแน่แทน เนื่องจากขณะนี้ส่วนต่างราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 E10 กับ น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 และ น้ำมันแก๊สโซฮอล 95 กับ น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ไม่ต่างกันมาก ส่งผลให้ยอดปริมาณการใช้ น้ำมันแก๊สโซฮอล E20 และ น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ไม่เพิ่มขึ้นดังนั้นกบง.จะมีการพิจารณาเพิ่มแรงจูงใจด้วยการเพิ่มส่วนต่างราคาขายปลีกใหม่ดังนี้
ปรับเพิ่มอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันแก๊สโซฮอล 95 กับ และ น้ำมันแก๊สโซฮอล 91 เท่ากับ 0.50 บาท/ลิตรและ ปรับลดอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันแก๊สโซฮอล E20 เท่ากับ 0.60 บาท/ลิตรและ ปรับลดอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันแก๊สโซฮอล E85 เท่ากับ 2.70 บาท/ลิตร ซึ่งต้องมอบหมายให้สำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)ไปดำเนินการในช่วงที่ค่าการตลาดเฉลี่ยเกิน 2 บาทต่อลิตรเพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ค้าน้ำมัน
" การดำเนินงานดังกล่าวจะทำให้ส่วนต่างราคาขายปลีกระหว่างแก๊สโซฮอล์ 95 กับ E 20 จาก 1.80 บาทต่อลิตร 2.40 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล 95 กับ E85 จาก 4.32 บาท/ลิตร เป็น 7.09 บาท/ลิตร ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวจะยังทำให้กองทุนน้ำมันฯมีสภาพคล่องเพิ่มเป็น 105 ล้านบาทต่อเดือน โดยปัจจุบันกองทุนน้ำมันฯมีฐานะสุทธิ 35,391 ล้านบาท"แหล่งข่าวกล่าว
*****เห็นชอบค่าไฟขายปลีกพ.ย.ลดลง1.05สต./หน่วย
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในฐานะโฆษกของ กกพ. กล่าวถึงเรื่องการปรับโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าใหม่ว่า ภายหลังจากที่ได้เปิดให้มีการรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ของสำนักงาน กกพ. ระหว่างวันที่ 16 – 28 กันยายน 2558 โดยเมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา กกพ. ได้มีมติเห็นชอบอัตราค่าไฟฟ้าปี 2558
ประกอบด้วย โครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าขายส่ง-ขายปลีก สูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ การชดเชยรายได้ระหว่างการไฟฟ้า และแนวทางการกำกับการดำเนินงานตามแผนการลงทุน โดยทั้งหมดนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ค่าไฟฟ้าประจำเดือนพฤศจิกายน 2558 เป็นต้นไป โดยสาระสำคัญของการปรับปรุงโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าปี 2558 คือ 1) ปรับลดค่าไฟฟ้าขายปลีกเฉลี่ยลดลง 1.05 สตางค์/หน่วย