ASTVผู้จัดการรายวัน - ทรูวิชั่นส์ย้ำภาพ No.1 Live & Exclusive ผู้นำการถ่ายทอดสดกีฬาระดับโลก เดินหน้า เซ็นสัญญาต่อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกอาชีพไทย ต่อเนื่องอีก 4 ฤดูกาล ตั้งแต่ปี60-63 รวม4 รายการ โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก, ยามาฮ่า ลีกวัน, ช้าง เอฟเอคัพ และโตโยต้าลีกคัพ มูลค่าลิขสิทธิ์กว่า4,200 ล้านบาท
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ทรูวิชั่นส์ ได้สาต่อการผู้นำถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาทั้งใน และต่างประเทศรวมทั้งฟุตบอลไทยซึ่งได้รับความนิยม และเป็นผู้รับสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพอันดับ 1 ของประเทศ โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล2557-2559 อย่างต่อนเอง
ล่าสุดเพื่อเอาใจคอฟุตบอล บริษัท ได้เซ็นสัญญาต่อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลไทย 4 รายการหลัก ต่อเนื่อง 4 ฤดูกาลตั้งแต่ 2560-2563 นำโดย โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ครบทั้ง306 แมตช์ ยามาฮ่า ลีกวัน ครบทั้ง 306แมตช์, โตโยต้า ลีกคัพ ครบ 114 แมตช์และ ช้าง เอฟเอคัพ ครบ 85 แมตช์ ซึ่งเชื่อว่าการถ่ายทอดสดจะช่วยส่งเสริมวงการฟุตบอลไทย เป็นประโยชน์ต่อเยาวชนให้หันมาสนใจกีฬามากขึ้น
รวมทั้งมีส่วนช่วยเป็นกำลังผลักดันให้สโมสรต่างๆ และฟุตบอลไทยก้าวไปข้างหน้านอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับวงการกีฬาไทยอื่นๆ เช่นกัน โดยจะพยายามถ่ายทอดสดทุกรายการที่มีนักกีฬาไทยเข้าแข่งขัน เพื่อให้แฟนกีฬาไทยได้มีโอกาสชม และให้กำลังใจนักกีฬาที่ชื่นชอบ ทั้งแบดมินตัน, วอลเลย์บอล, สนุกเกอร์ และกอล์ฟ ทั้งนี้การถ่ายทอดสดดังกล่าว ทรูวิชั่นส์ ต้องการการส่งเสริม และยกระดับมาตรฐานวงการกีฬาไทยให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น
“การถ่ายทอดสด การแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ประจำปี2560 2563 นั้น บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ปจำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์เดิมยินดีจ่ายค่าลิขสิทธิ์ทั้งสิ้นเป็นจำนวน 4,200 ล้านบาท ในการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลรวม4 รายการ คือ การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก, การแข่งขันฟุตบอลยามาฮ่า ลีกวัน, การแข่งขันฟุตบอลช้าง เอฟเอคัพ และการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ลีกคัพ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ได้รับความสนใจจากหลายบริษัทที่สนใจจะได้ลิขสิทธิ์ดูแลการถ่ายทอดสดฟุตบอลรายการนี้ เนื่องจากธุรกิจลูกหนังไทยกำลังเฟื่องฟูสามารถต่อยอดกำไรได้มหาศาล อีกทั้งในด้านของกระแสการตอบรับ แรงศรัทธาของแฟนบอลก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกันนี้ การแข่งขันในแต่ละฤดูกาลก็ล้วนก่อเกิดปรากฏการณ์ใหม่ๆ หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ท้องถิ่นนิยม จากการติดตามชมและเชียร์ทีมในท้องถิ่นของตนเอง การพัฒนาสู่ความเป็นมืออาชีพของนักเตะและทีมสโมสร มีการนำระบบบริหารทีมเข้ามาใช้ และให้ความสำคัญกับการตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งบรรยากาศแบบนี้เป็นก้าวย่างที่ดีของฟุตบอลไทย
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ทรูวิชั่นส์ ได้สาต่อการผู้นำถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาทั้งใน และต่างประเทศรวมทั้งฟุตบอลไทยซึ่งได้รับความนิยม และเป็นผู้รับสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพอันดับ 1 ของประเทศ โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล2557-2559 อย่างต่อนเอง
ล่าสุดเพื่อเอาใจคอฟุตบอล บริษัท ได้เซ็นสัญญาต่อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลไทย 4 รายการหลัก ต่อเนื่อง 4 ฤดูกาลตั้งแต่ 2560-2563 นำโดย โตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ครบทั้ง306 แมตช์ ยามาฮ่า ลีกวัน ครบทั้ง 306แมตช์, โตโยต้า ลีกคัพ ครบ 114 แมตช์และ ช้าง เอฟเอคัพ ครบ 85 แมตช์ ซึ่งเชื่อว่าการถ่ายทอดสดจะช่วยส่งเสริมวงการฟุตบอลไทย เป็นประโยชน์ต่อเยาวชนให้หันมาสนใจกีฬามากขึ้น
รวมทั้งมีส่วนช่วยเป็นกำลังผลักดันให้สโมสรต่างๆ และฟุตบอลไทยก้าวไปข้างหน้านอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับวงการกีฬาไทยอื่นๆ เช่นกัน โดยจะพยายามถ่ายทอดสดทุกรายการที่มีนักกีฬาไทยเข้าแข่งขัน เพื่อให้แฟนกีฬาไทยได้มีโอกาสชม และให้กำลังใจนักกีฬาที่ชื่นชอบ ทั้งแบดมินตัน, วอลเลย์บอล, สนุกเกอร์ และกอล์ฟ ทั้งนี้การถ่ายทอดสดดังกล่าว ทรูวิชั่นส์ ต้องการการส่งเสริม และยกระดับมาตรฐานวงการกีฬาไทยให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น
“การถ่ายทอดสด การแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ประจำปี2560 2563 นั้น บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ปจำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์เดิมยินดีจ่ายค่าลิขสิทธิ์ทั้งสิ้นเป็นจำนวน 4,200 ล้านบาท ในการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลรวม4 รายการ คือ การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก, การแข่งขันฟุตบอลยามาฮ่า ลีกวัน, การแข่งขันฟุตบอลช้าง เอฟเอคัพ และการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ลีกคัพ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก ได้รับความสนใจจากหลายบริษัทที่สนใจจะได้ลิขสิทธิ์ดูแลการถ่ายทอดสดฟุตบอลรายการนี้ เนื่องจากธุรกิจลูกหนังไทยกำลังเฟื่องฟูสามารถต่อยอดกำไรได้มหาศาล อีกทั้งในด้านของกระแสการตอบรับ แรงศรัทธาของแฟนบอลก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกันนี้ การแข่งขันในแต่ละฤดูกาลก็ล้วนก่อเกิดปรากฏการณ์ใหม่ๆ หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ท้องถิ่นนิยม จากการติดตามชมและเชียร์ทีมในท้องถิ่นของตนเอง การพัฒนาสู่ความเป็นมืออาชีพของนักเตะและทีมสโมสร มีการนำระบบบริหารทีมเข้ามาใช้ และให้ความสำคัญกับการตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งบรรยากาศแบบนี้เป็นก้าวย่างที่ดีของฟุตบอลไทย