ASTVผู้จัดการรายวัน-จับผู้ต้องหาค้ามนุษย์ได้อีก 1 คน เป็นสาวชาวมอญชาวอำเภอสังขละบุรี ส่วนนายทหารทั้ง 4 นาย ต้นสังกัดได้ประสานขอเข้ามอบตัวแล้ว แต่ยังไม่ระบุรายละเอียดที่แน่ชัด ขณะที่ ป.ป.ง. ตามยึดทรัพย์ทะลุ 200 ล้านบาทแล้ว ด้าน "บิ๊กโด่ง" พร้อมส่งตัวทหารมีเอี่ยวค้ามนุษย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งเดินหน้าสืบสวนสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจาและคดีฟอกเงินอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณีการออกหมายจับ 4 นายทหารที่เกี่ยวข้องต่อคดีนี้ ประกอบด้วยทหารบก 3 นาย คือ พ.อ.ณัฐสิทธิ์ มากสุวรรณ ร.อ.วิสูตร บุนนาค และ ร.อ.สันทัด เพชรน้อย ส่วนทหารเรือ 1 นาย คือ น.ท.กัมปนาท สังข์ทองจีน
ล่าสุด วานนี้ (23 ก.ย.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาตำรวจภูธรภาค 8 ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสอบสวนคดี ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนทั้งฝ่ายตำรวจและอัยการ พร้อมกับเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ได้อีก 1 คน คือ น.ส.โย ชาวมอญ ที่อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
ส่วนนายทหารทั้ง 4 คนนั้น ได้รับการประสานจากต้นสังกัด ทั้งนายทหารพระธรรมนูญทัพเรือภาคที่ 3 และกองทัพภาคที่ 4 แล้วว่าได้แจ้งให้นายทหารทั้ง 4 นาย เข้ามอบตัวกับคณะทำงานฝ่ายสอบสวนแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการกำหนดวันเวลาและสถานที่ที่แน่ชัดว่าจะมอบตัวในวันใด
เช่นเดียวกับคดีฟอกเงินและการติดตามยึดทรัพย์เครือข่ายค้ามนุษย์ ทางคณะกรรมการธุรกรรมทางการเงินของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ยึดทรัพย์ผู้ต้องหาเพิ่มเติมเกิน 200 ล้านบาท และยังคงดำเนินการควบคุมไปกับการติดตามจับกุมผู้ต้องหาค้ามนุษย์ ซึ่งหลายคนมีความเชื่อมโยงกัน
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่ศาลจังหวัดนาทวีออกหมายจับนายทหารสังกัดกองทัพบกที่พัวพันการค้ามนุษย์ ว่า หากมีความเกี่ยวพันในเรื่องความผิด ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งเราจะไม่ช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น เพราะผู้กระทำผิดจะต้องได้รับการลงโทษจากผลของการกระทำนั้นๆ
ทั้งนี้ การออกหมายจับเป็นฐานข้อมูลระดับหนึ่ง ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกออกหมายจับด้วย เพราะอาจเขาอาจมีพยานหลักฐานที่เขาไม่ได้ทำผิด
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรม จะชี้ความถูกต้องได้ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน โดยกองทัพบกมีรายชื่อนายทหาร 3 คนแล้ว และพร้อมส่งตัวทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป ซึ่งขณะนี้ทางกองทัพบกได้ประสานกองทัพภาคที่ 4 ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อแจ้งกลับมายังกองทัพบก ให้ดำเนินการส่งตัวตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป อีกทั้งทางกองทัพบกไม่ได้ดึงเรื่องให้ช้า แต่อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ
เมื่อถามว่า เบื้องต้นจะมีนายทหารเกี่ยวข้องเพิ่มเติมหรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบ เป็นเรื่องของพยานหลักฐานจะสาวไปถึงใคร อีกทั้งอย่าไปชี้ชัดว่าผิด เพราะกำลังพลที่เกี่ยวข้อง หรือถูกพาดพิง อาจมีพยานหลักฐานว่าเขาไม่ได้กระทำผิด จึงเป็นเรื่องของกระบวนการของศาลที่จะสืบสวนต่อไป
เมื่อถามย้ำว่า นายทหารที่ถูกออหมายจับดังกล่าว ต้องเข้ารายงานตัวต่อกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) หรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า หากถึงขั้นตอนส่งตัวก็ต้องส่ง แต่ขณะนี้ยังรอรายละเอียดจากกองทัพภาคที่ 4 อยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งเดินหน้าสืบสวนสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจาและคดีฟอกเงินอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณีการออกหมายจับ 4 นายทหารที่เกี่ยวข้องต่อคดีนี้ ประกอบด้วยทหารบก 3 นาย คือ พ.อ.ณัฐสิทธิ์ มากสุวรรณ ร.อ.วิสูตร บุนนาค และ ร.อ.สันทัด เพชรน้อย ส่วนทหารเรือ 1 นาย คือ น.ท.กัมปนาท สังข์ทองจีน
ล่าสุด วานนี้ (23 ก.ย.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาตำรวจภูธรภาค 8 ในฐานะหัวหน้าฝ่ายสอบสวนคดี ได้เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนทั้งฝ่ายตำรวจและอัยการ พร้อมกับเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์ได้อีก 1 คน คือ น.ส.โย ชาวมอญ ที่อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี
ส่วนนายทหารทั้ง 4 คนนั้น ได้รับการประสานจากต้นสังกัด ทั้งนายทหารพระธรรมนูญทัพเรือภาคที่ 3 และกองทัพภาคที่ 4 แล้วว่าได้แจ้งให้นายทหารทั้ง 4 นาย เข้ามอบตัวกับคณะทำงานฝ่ายสอบสวนแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการกำหนดวันเวลาและสถานที่ที่แน่ชัดว่าจะมอบตัวในวันใด
เช่นเดียวกับคดีฟอกเงินและการติดตามยึดทรัพย์เครือข่ายค้ามนุษย์ ทางคณะกรรมการธุรกรรมทางการเงินของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ยึดทรัพย์ผู้ต้องหาเพิ่มเติมเกิน 200 ล้านบาท และยังคงดำเนินการควบคุมไปกับการติดตามจับกุมผู้ต้องหาค้ามนุษย์ ซึ่งหลายคนมีความเชื่อมโยงกัน
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่ศาลจังหวัดนาทวีออกหมายจับนายทหารสังกัดกองทัพบกที่พัวพันการค้ามนุษย์ ว่า หากมีความเกี่ยวพันในเรื่องความผิด ก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งเราจะไม่ช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น เพราะผู้กระทำผิดจะต้องได้รับการลงโทษจากผลของการกระทำนั้นๆ
ทั้งนี้ การออกหมายจับเป็นฐานข้อมูลระดับหนึ่ง ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกออกหมายจับด้วย เพราะอาจเขาอาจมีพยานหลักฐานที่เขาไม่ได้ทำผิด
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่ากระบวนการยุติธรรม จะชี้ความถูกต้องได้ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน โดยกองทัพบกมีรายชื่อนายทหาร 3 คนแล้ว และพร้อมส่งตัวทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป ซึ่งขณะนี้ทางกองทัพบกได้ประสานกองทัพภาคที่ 4 ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อแจ้งกลับมายังกองทัพบก ให้ดำเนินการส่งตัวตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป อีกทั้งทางกองทัพบกไม่ได้ดึงเรื่องให้ช้า แต่อยากให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ
เมื่อถามว่า เบื้องต้นจะมีนายทหารเกี่ยวข้องเพิ่มเติมหรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบ เป็นเรื่องของพยานหลักฐานจะสาวไปถึงใคร อีกทั้งอย่าไปชี้ชัดว่าผิด เพราะกำลังพลที่เกี่ยวข้อง หรือถูกพาดพิง อาจมีพยานหลักฐานว่าเขาไม่ได้กระทำผิด จึงเป็นเรื่องของกระบวนการของศาลที่จะสืบสวนต่อไป
เมื่อถามย้ำว่า นายทหารที่ถูกออหมายจับดังกล่าว ต้องเข้ารายงานตัวต่อกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) หรือไม่ พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า หากถึงขั้นตอนส่งตัวก็ต้องส่ง แต่ขณะนี้ยังรอรายละเอียดจากกองทัพภาคที่ 4 อยู่