วานนี้ (3 ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวตอนหนึ่งบนเวทีการมอบนโยบาย ในการเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสุดยอดเอสเอ็มอีจังหวัด (SME Provincial Champions) ซึ่งจัดโดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว. ) ว่า ระหว่างนี้ในเมื่อตนยืนยันว่า ยังอยู่ในช่วงเวลาที่เราเหลืออยู่ประมาณสักหนึ่งปี เราต้องทำให้ได้ เราต้องขับเคลื่อนประเทศให้ได้ สร้างรากฐานให้เข้มแข็งทุกภาคส่วน ทั้งความมั่นคงเศรษฐกิจ สังคม แต่ขณะนี้เรื่องประชาธิปไตย กำลังสับสนกันอยู่ ระหว่างที่เป็นประชาธิปไตยเสรีภาพ สิทธิเป็นหลัก และ เรื่องของคะแนนเสียงอะไรก็แล้วแต่ แต่วันนี้ตนไม่มีคะแนนเสียง ใครจะเกลียดก็ไม่เป็นไร ใครจะชม ก็ดีชื่นใจ มีกำลังใจ แต่ถึงใครจะเกลียด จะไล่ ตนก็ไม่ไปอยู่แล้ว เพราะจะอยู่ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว ของตนนี่แหละ มีแค่ไหนก็แค่นั้น
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง รัฐธรรมนูญ ฉบับนี้ ว่า หรือตนคิดผิดเรื่องการปฏิรูป หรือประชาชนคาดหวังว่า คนอื่นจะทำให้ท่านต่อ หรือจะเขียนรัฐธรรมนูญแค่ มาตราหนึ่ง เกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัว และสถาบันฯ ส่วนมาตรา 2 บอกว่า ทุกอย่างเชิญตามสบาย ใครจะทำอะไรก็ทำ ทั้งนี้รัฐธรรมนูญเขามีเพื่อทำให้เกิดความเป็นธรรม ซึ่งตนพูดเสมอว่า ไม่มีอะไรในโลกที่เท่าเทียมกันจริง แต่กฎหมาย กติกา สัญญา ทุกคนต้องได้ประโยชน์อย่างทั่วถึง เท่าเทียมมากน้อยตามศักยภาพ
" กฎหมายไม่ได้เอาไว้ฆ่าท่าน ไม่ได้รังแกคนจน กฎหมายมีประโยชน์ทั้งสองข้าง แต่ฝ่ายรัฐเป็นคนบังคับใช้ เขาก็บังคับใช้อย่างทั่วถึง เป็นธรรม ทั้งหลักรัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ ความขัดแย้งก็ลดลง ก็นำไปสู่การขับเคลื่อนไปพร้อมกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า ตนพูดจนเมาหมัดไปหมดแล้ว และเดี๋ยวนี้นึกอะไรไม่ออก จะนึกคำพูดที่มันเจ็บๆก็ยังนึกไม่ออก เพราะว่าสมองมันแย่แล้ว แต่ไม่เป็นไร ยังไม่แฮงก์ ไม่เป็นไร ยังทำได้ เพราะได้เห็นรอยยิ้มที่ยิ้มแย้มแจ่มใสก็มีกำลังใจ ที่จะทำต่อเท่าที่มีโอกาส มีเวลาทำตามที่กำหนดไว้ ส่วนจะอยู่หรือไม่อยู่ ให้ไปดูที่รัฐธรรมนูญ เพราะตนสั่งรัฐธรรมนูญไม่ได้ ว่าจะผ่าน หรือไม่ ถ้าผ่านก็ไม่ชอบ พอไม่ผ่านอีก พวกก็หาว่าตนสั่งการ ตนลำเอียง ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
นายกฯ กล่าวอีกว่า แม้กระทั่งการออกมาพูดทีวี ถ้ากลุ่มนี้พูด กลุ่มนั้นก็ต้องพูด ถ้าไอ้กลุ่มไหนพูดแล้วมันไม่ขัดแย้งกับรัฐบาล ผมก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร แต่ถ้ากลุ่มไหนพูดแล้วขัดแย้ง ก็ไม่ให้พูด เพราะตนเป็นกรรมการ ไม่เช่นนั้นตนก็ไม่มายืนตรงนี้ ให้ใครขึ้นมาก็ได้ ลูกน้องพลขับ ก็มาได้ สั่งง่ายๆ
"ถ้าผมเป็นกรรมการ ให้เวลาท่านเป็นกรรมการมานานแล้ว แล้วท่านทำไม่ได้ วันนี้ผมเป็นกรรมการ แล้วผมจะทำให้ได้ ถ้าท่านคิดว่าจะไม่เอากรรมการแบบเดิม ก็ไปว่ากันมา ตัดสินใจกันมา" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า ถ้าประชาชนเรียกร้องมากๆจากรัฐ รัฐก็ไม่มีให้ แต่ที่ผ่านมาให้เฉพาะกลุ่ม เฉพาะพวก เฉพาะที่รู้จัก ก็ธรรมดา ประเทศไทยเขาเรียกว่า เป็นระบบเครือญาติ ก็แก้ได้ยาก ต่อมาก็เรียกว่ากตัญญูรู้คุณ ซึ่งเราควรกตัญญูรู้คุณ แต่คนดี คนที่มีศีลธรรม มีคุณธรรม และถามว่า ที่ผ่านมาที่เขาให้เรามันถูกหรือเปล่า ถ้าไม่ถูก ก็แสดงว่าไอ้คนนี้มันใช้ไม่ได้ ถ้าเราแข็งใจแบบนี้ ประเทศก็ไปได้
วันนี้ปวดหัวเพราะรับทุกเรื่อง ถ้าตนใช้อำนาจอย่างเดียว ก็ไม่ปวดหัวอย่างนี้ ใช้อำนาจอย่างเดียว ทำงานมันง่ายจะตาย ใครทำไม่ได้ก็เอาออกไป ไล่ออกไป แต่ท้ายที่สุดจะเหลือกี่คนทำงานด้วยก็ไม่รู้เหมือนกัน ดังนั้นต้องร่วมมือกัน เพราะใครคนใดคนหนึ่งทำไม่ได้ และตนไม่โทษใครทั้งนั้น แต่ตนโทษคนกำกับดูแลที่ผ่านมา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ทำงานเต็มที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ก็ทำเต็มที่ และครม.เก่า ก็ทำงานเต็มที่ เมื่อวาน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ก็ทำเต็มที่ และท่านยังสรุปงานเป็นเอกสารมาถึงตน ซึ่งวิธีการต้องเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ ตนไม่ทำร้ายใครอยู่แล้ว พวกเราทุกคนเป็นทีมงาน เป็นเพื่อนร่วมตายกัน
ต่อมาพล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ชี้แจงต่อกรณีการขออนุญาตแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ ร่างรัฐธรรมนูญ ของกลุ่มนปช. ว่า ทุกประเทศในโลก ถ้าเป็นประชาธิปไตย 100% ใครอยากพูดอะไรก็พูดได้ แต่ก็รู้กันอยู่ว่า ประเทศไทยไม่ได้ 100% ดังนั้น อย่าเอาเรื่องนี้มาพูดกับตน ใครก็ตาม ที่พูดแล้วสนับสนุนแนวทางรัฐบาล โดยสนับสนุนให้เป็นไปตามโรดแมป สามารถพูดได้ แต่ถ้าพูดเพื่อมาต่อต้านตน ก็จะทำให้โรดแมปเดินต่อไปไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ต้องแยกออกจากกันให้ได้ ไม่ใช่คนนี้พูดได้ คนนั้นก็ต้องพูดได้บ้าง ไม่ใช่ว่าใครมาพูดเข้าข้างตน เขาพูดตามโรดแมปของเขา ทั้ง 2 พวก ตนก็ให้พูดมาโดยตลอด หรือจะมาบอกว่าไม่เคยได้พูด
"เรื่องที่รัฐธรรมนูญ จะผ่าน หรือไม่ผ่าน มันไม่ใช่ผมสั่ง หรือไม่สั่ง แต่อยู่ที่พวกท่านจะเรียนรู้ว่า จะอยู่กันอย่างไรในอนาคต จะอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง จะอยู่ท่ามกลางการเมืองที่ไม่เหมือนปัจจุบัน ถ้าจะเอาแบบนั้น ก็เอา แต่สิ่งที่จะเตือนไว้คือ รัฐธรรมนูญ มีอยู่หลายหมวด หลายมาตรา อย่าไปดู แต่ 1 2 3 4 5 ว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ถ้าอย่างนั้นมันก็คงจะไม่เป็นประชาธิปไตย ต่อให้พูดให้เป็น มันก็ไม่เป็น แต่ความชั่วร้ายที่มันเกิดขึ้น ที่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ มันจะมีหรือไม่ ชัดเจนนะ ชัดเจน " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวด้วยว่า หลายประเทศ ในสถานการณ์ปกติ ที่ไม่ใช่การปฏิวัติรัฐประหาร เขายังออกกฎหมายมาตั้งเท่าไหร่ ก็เพราะเขาต้องการให้บ้านเมืองสงบ พัฒนาประเทศได้ บ้านเมืองเขายิ่งกว่าเราอีก ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย สหรัฐฯ ยังรับรองเขาหมด แต่เขาจำเป็น ก็ต้องเห็นใจเขา เพราะบ้านเมืองจะสับสนไม่ได้ ซึ่งขนาดบ้านเมืองสับสนแบบนั้น เขายังไม่ยอมเลย แต่บ้านเราสับสนแล้วยังใช้อาวุธอีก แน่ใจหรือไม่ว่า จะไม่มีการใช้ อาวุธอีกในรัฐบาลต่อไป รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ตอบมาซิ ตอบสังคมให้ได้ว่า จะหยุดยั้งเหตุการณ์เหล่านั้นให้ได้ จะปฏิรูปอะไร ถามเขา ไม่ใช่ ถามแต่ว่า จะรับหรือไม่รับ ร่าง รัฐธรรมนูญน แล้วมาทะเลาะกัน มันได้อะไรขึ้นมา
"ผมเป็นคนกำหนดกติกา ผมร่าง ผมทำมาแบบนี้ ทำจนแทบจะเป็นอาหาร ให้กินแล้ว ยังไม่เลือกที่จะกินอีก ถ้าจะทำใหม่ ก็ไปกินที่อื่น ไปเปิดร้าน หากินกันเอาเอง เข้าใจหรือยัง ผมไม่ใช่ศัตรูใคร ไม่ได้ว่าใคร แต่ใครที่ทำความเสียหาย ก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าจะให้ทุกอย่างเรียบร้อยก็ออกมารับผิดชอบ แต่ทุกอย่างที่ผ่านมา ผมรับผิดชอบอยู่คนเดียว พูดแบบผมพูดซิ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคดีความ หรือเรื่องศาล ผมจะผิดทั้งหมด ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก มีใครพูดแบบนี้หรือไม่ ว่าวันหน้า ถ้าเลือกตั้งแล้วจะทำให้บ้านเมืองสงบ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างเดิมอีก ถ้าประท้วงก็จะต้องแก้ปัญหา ให้ได้ ถ้ายิงกัน ฆ่ากัน ระเบิดกัน เป็นรัฐบาลจะแก้ปัญหาเหล่านี้ ให้ได้ มีพูดหรือไม่ วันนี้มาตีผมเรื่องเศรษฐกิจประชานิยม ว่า เหมือนประชานิยมรัฐบาลในอดีต มันเหมือนตรงไหน มันเหมือนเพียงแค่เอาเงินลงไปให้ถึงหมู่บ้านเท่านั้น เขามีการคัดกรองหรือไม่ คัดกรองก็ไม่ทั่วถึง ไปลงให้เฉพาะกลุ่ม เฉพาะพวก ซึ่งร้องเรียนกันมามากมาย มาตอนนี้ ผมไปดูว่าจะช่วยเขาอย่างไร อาจให้ทหาร ให้ คสช.ไปช่วยดูที่เขาล้มๆ เจ๊งๆ อยู่ และจะทำให้ยั่งยืน" นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึง รัฐธรรมนูญ ฉบับนี้ ว่า หรือตนคิดผิดเรื่องการปฏิรูป หรือประชาชนคาดหวังว่า คนอื่นจะทำให้ท่านต่อ หรือจะเขียนรัฐธรรมนูญแค่ มาตราหนึ่ง เกี่ยวกับพระเจ้าอยู่หัว และสถาบันฯ ส่วนมาตรา 2 บอกว่า ทุกอย่างเชิญตามสบาย ใครจะทำอะไรก็ทำ ทั้งนี้รัฐธรรมนูญเขามีเพื่อทำให้เกิดความเป็นธรรม ซึ่งตนพูดเสมอว่า ไม่มีอะไรในโลกที่เท่าเทียมกันจริง แต่กฎหมาย กติกา สัญญา ทุกคนต้องได้ประโยชน์อย่างทั่วถึง เท่าเทียมมากน้อยตามศักยภาพ
" กฎหมายไม่ได้เอาไว้ฆ่าท่าน ไม่ได้รังแกคนจน กฎหมายมีประโยชน์ทั้งสองข้าง แต่ฝ่ายรัฐเป็นคนบังคับใช้ เขาก็บังคับใช้อย่างทั่วถึง เป็นธรรม ทั้งหลักรัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ ความขัดแย้งก็ลดลง ก็นำไปสู่การขับเคลื่อนไปพร้อมกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า ตนพูดจนเมาหมัดไปหมดแล้ว และเดี๋ยวนี้นึกอะไรไม่ออก จะนึกคำพูดที่มันเจ็บๆก็ยังนึกไม่ออก เพราะว่าสมองมันแย่แล้ว แต่ไม่เป็นไร ยังไม่แฮงก์ ไม่เป็นไร ยังทำได้ เพราะได้เห็นรอยยิ้มที่ยิ้มแย้มแจ่มใสก็มีกำลังใจ ที่จะทำต่อเท่าที่มีโอกาส มีเวลาทำตามที่กำหนดไว้ ส่วนจะอยู่หรือไม่อยู่ ให้ไปดูที่รัฐธรรมนูญ เพราะตนสั่งรัฐธรรมนูญไม่ได้ ว่าจะผ่าน หรือไม่ ถ้าผ่านก็ไม่ชอบ พอไม่ผ่านอีก พวกก็หาว่าตนสั่งการ ตนลำเอียง ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง
นายกฯ กล่าวอีกว่า แม้กระทั่งการออกมาพูดทีวี ถ้ากลุ่มนี้พูด กลุ่มนั้นก็ต้องพูด ถ้าไอ้กลุ่มไหนพูดแล้วมันไม่ขัดแย้งกับรัฐบาล ผมก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร แต่ถ้ากลุ่มไหนพูดแล้วขัดแย้ง ก็ไม่ให้พูด เพราะตนเป็นกรรมการ ไม่เช่นนั้นตนก็ไม่มายืนตรงนี้ ให้ใครขึ้นมาก็ได้ ลูกน้องพลขับ ก็มาได้ สั่งง่ายๆ
"ถ้าผมเป็นกรรมการ ให้เวลาท่านเป็นกรรมการมานานแล้ว แล้วท่านทำไม่ได้ วันนี้ผมเป็นกรรมการ แล้วผมจะทำให้ได้ ถ้าท่านคิดว่าจะไม่เอากรรมการแบบเดิม ก็ไปว่ากันมา ตัดสินใจกันมา" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า ถ้าประชาชนเรียกร้องมากๆจากรัฐ รัฐก็ไม่มีให้ แต่ที่ผ่านมาให้เฉพาะกลุ่ม เฉพาะพวก เฉพาะที่รู้จัก ก็ธรรมดา ประเทศไทยเขาเรียกว่า เป็นระบบเครือญาติ ก็แก้ได้ยาก ต่อมาก็เรียกว่ากตัญญูรู้คุณ ซึ่งเราควรกตัญญูรู้คุณ แต่คนดี คนที่มีศีลธรรม มีคุณธรรม และถามว่า ที่ผ่านมาที่เขาให้เรามันถูกหรือเปล่า ถ้าไม่ถูก ก็แสดงว่าไอ้คนนี้มันใช้ไม่ได้ ถ้าเราแข็งใจแบบนี้ ประเทศก็ไปได้
วันนี้ปวดหัวเพราะรับทุกเรื่อง ถ้าตนใช้อำนาจอย่างเดียว ก็ไม่ปวดหัวอย่างนี้ ใช้อำนาจอย่างเดียว ทำงานมันง่ายจะตาย ใครทำไม่ได้ก็เอาออกไป ไล่ออกไป แต่ท้ายที่สุดจะเหลือกี่คนทำงานด้วยก็ไม่รู้เหมือนกัน ดังนั้นต้องร่วมมือกัน เพราะใครคนใดคนหนึ่งทำไม่ได้ และตนไม่โทษใครทั้งนั้น แต่ตนโทษคนกำกับดูแลที่ผ่านมา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ทำงานเต็มที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ก็ทำเต็มที่ และครม.เก่า ก็ทำงานเต็มที่ เมื่อวาน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ก็ทำเต็มที่ และท่านยังสรุปงานเป็นเอกสารมาถึงตน ซึ่งวิธีการต้องเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ ตนไม่ทำร้ายใครอยู่แล้ว พวกเราทุกคนเป็นทีมงาน เป็นเพื่อนร่วมตายกัน
ต่อมาพล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ชี้แจงต่อกรณีการขออนุญาตแสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์ ร่างรัฐธรรมนูญ ของกลุ่มนปช. ว่า ทุกประเทศในโลก ถ้าเป็นประชาธิปไตย 100% ใครอยากพูดอะไรก็พูดได้ แต่ก็รู้กันอยู่ว่า ประเทศไทยไม่ได้ 100% ดังนั้น อย่าเอาเรื่องนี้มาพูดกับตน ใครก็ตาม ที่พูดแล้วสนับสนุนแนวทางรัฐบาล โดยสนับสนุนให้เป็นไปตามโรดแมป สามารถพูดได้ แต่ถ้าพูดเพื่อมาต่อต้านตน ก็จะทำให้โรดแมปเดินต่อไปไม่ได้ สิ่งเหล่านี้ต้องแยกออกจากกันให้ได้ ไม่ใช่คนนี้พูดได้ คนนั้นก็ต้องพูดได้บ้าง ไม่ใช่ว่าใครมาพูดเข้าข้างตน เขาพูดตามโรดแมปของเขา ทั้ง 2 พวก ตนก็ให้พูดมาโดยตลอด หรือจะมาบอกว่าไม่เคยได้พูด
"เรื่องที่รัฐธรรมนูญ จะผ่าน หรือไม่ผ่าน มันไม่ใช่ผมสั่ง หรือไม่สั่ง แต่อยู่ที่พวกท่านจะเรียนรู้ว่า จะอยู่กันอย่างไรในอนาคต จะอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง จะอยู่ท่ามกลางการเมืองที่ไม่เหมือนปัจจุบัน ถ้าจะเอาแบบนั้น ก็เอา แต่สิ่งที่จะเตือนไว้คือ รัฐธรรมนูญ มีอยู่หลายหมวด หลายมาตรา อย่าไปดู แต่ 1 2 3 4 5 ว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ถ้าอย่างนั้นมันก็คงจะไม่เป็นประชาธิปไตย ต่อให้พูดให้เป็น มันก็ไม่เป็น แต่ความชั่วร้ายที่มันเกิดขึ้น ที่เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ มันจะมีหรือไม่ ชัดเจนนะ ชัดเจน " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวด้วยว่า หลายประเทศ ในสถานการณ์ปกติ ที่ไม่ใช่การปฏิวัติรัฐประหาร เขายังออกกฎหมายมาตั้งเท่าไหร่ ก็เพราะเขาต้องการให้บ้านเมืองสงบ พัฒนาประเทศได้ บ้านเมืองเขายิ่งกว่าเราอีก ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย สหรัฐฯ ยังรับรองเขาหมด แต่เขาจำเป็น ก็ต้องเห็นใจเขา เพราะบ้านเมืองจะสับสนไม่ได้ ซึ่งขนาดบ้านเมืองสับสนแบบนั้น เขายังไม่ยอมเลย แต่บ้านเราสับสนแล้วยังใช้อาวุธอีก แน่ใจหรือไม่ว่า จะไม่มีการใช้ อาวุธอีกในรัฐบาลต่อไป รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ตอบมาซิ ตอบสังคมให้ได้ว่า จะหยุดยั้งเหตุการณ์เหล่านั้นให้ได้ จะปฏิรูปอะไร ถามเขา ไม่ใช่ ถามแต่ว่า จะรับหรือไม่รับ ร่าง รัฐธรรมนูญน แล้วมาทะเลาะกัน มันได้อะไรขึ้นมา
"ผมเป็นคนกำหนดกติกา ผมร่าง ผมทำมาแบบนี้ ทำจนแทบจะเป็นอาหาร ให้กินแล้ว ยังไม่เลือกที่จะกินอีก ถ้าจะทำใหม่ ก็ไปกินที่อื่น ไปเปิดร้าน หากินกันเอาเอง เข้าใจหรือยัง ผมไม่ใช่ศัตรูใคร ไม่ได้ว่าใคร แต่ใครที่ทำความเสียหาย ก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าจะให้ทุกอย่างเรียบร้อยก็ออกมารับผิดชอบ แต่ทุกอย่างที่ผ่านมา ผมรับผิดชอบอยู่คนเดียว พูดแบบผมพูดซิ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคดีความ หรือเรื่องศาล ผมจะผิดทั้งหมด ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก มีใครพูดแบบนี้หรือไม่ ว่าวันหน้า ถ้าเลือกตั้งแล้วจะทำให้บ้านเมืองสงบ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างเดิมอีก ถ้าประท้วงก็จะต้องแก้ปัญหา ให้ได้ ถ้ายิงกัน ฆ่ากัน ระเบิดกัน เป็นรัฐบาลจะแก้ปัญหาเหล่านี้ ให้ได้ มีพูดหรือไม่ วันนี้มาตีผมเรื่องเศรษฐกิจประชานิยม ว่า เหมือนประชานิยมรัฐบาลในอดีต มันเหมือนตรงไหน มันเหมือนเพียงแค่เอาเงินลงไปให้ถึงหมู่บ้านเท่านั้น เขามีการคัดกรองหรือไม่ คัดกรองก็ไม่ทั่วถึง ไปลงให้เฉพาะกลุ่ม เฉพาะพวก ซึ่งร้องเรียนกันมามากมาย มาตอนนี้ ผมไปดูว่าจะช่วยเขาอย่างไร อาจให้ทหาร ให้ คสช.ไปช่วยดูที่เขาล้มๆ เจ๊งๆ อยู่ และจะทำให้ยั่งยืน" นายกฯ กล่าว