ASTV ผู้จัดการรายวัน - “ดับเบิ้ลยูพี กรุ๊ป” สบช่องธุรกิจอี-คอมเมิร์ซโตต่อเนื่องปีละ 20% เปิดบริการรับส่งสินค้าออนไลน์และพัสดุบนสถานีรถไฟฟ้า เร่งพัฒนาแอพฯ ก่อนเปิดเว็บไซต์เอื้อธุรกิจเอสเอ็มอีใช้เป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าออนไลน์ จับมือ “เอคอมเมิร์ซ” รุกตลาดเออีซี
นายอภิพัฒน์ เลิศฤทธิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับเบิ้ลยูพี กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ใช้เงินทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท เมื่อปี 2556 และมีการลงทุนภายในต่อเนื่องประมาณ 5 ล้านบาท ในการดำเนินธุรกิจ “สกายบ็อกซ์” (SKYBOX) ซึ่งเป็นบริการจัดส่งพัสดุรูปแบบใหม่ภายในสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสไปยังสถานีอื่นๆ ภายในวันเดียว รวมถึงบริการรับ-คืนสินค้าที่ช้อปปิ้งผ่านร้านค้าออนไลน์ ตลอดจนจัดส่งพัสดุภายนอกระบบจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสไปยังสถานที่อื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมให้บริการแบบครบวงจร (One Stop Service) อาทิ ชำระค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบัตรเครดิต ค่าโทรศัพท์ และอื่นๆ
ปัจจุบันมีจุด “สกายบ๊อกซ์” บนบีทีเอส 6 สถานี ได้แก่ หมอชิต, อารีย์, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, ทองหล่อ, สนามกีฬาแห่งชาติ และช่องนนทรี เปิดให้บริการวันจันทร์ถึงวันศุกร์ โดยให้บริการ Cash on Deliver (COD) ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถชำระเงินเมื่อรับของทั้งในลักษณะองค์กรกับผู้บริโภค (B2C) สัดส่วน 40% และผู้บริโภคกับผู้บริโภค (C2C) สัดส่วน 60% ที่ผ่านมาเติบโตสูงกว่า 50% ต่อเดือน
นายอภิพัฒน์ กล่าวว่า ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในไทยเติบโตมาก โดยช่วง 3 ปีนี้มากกว่า 20% ต่อปี โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการธุรกิจอี-คอมเมิร์ซผ่านช่องทางต่างๆ ประมาณ 5 แสนราย มีคนไทยซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากกว่า 23 ล้านคน คาดว่าในปี 2558 มูลค่าตลาดรวมธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในส่วนการซื้อขายตรงไปยังผู้บริโภคจะมีมูลค่าประมาณ 1.82 แสนล้านบาท
“ปัจจุบัน สกายบ๊อกซ์ มีการเชื่อมโยงธุรกิจกับเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์แล้ว เช่น alibaba, amazon, lazada, luxora และอื่นๆ โดยตั้งเป้าหมายว่า สกายบ็อกซ์ จะเป็นจุดรับสินค้าของทุกเว็บอีคอมเมิร์ชในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2558 และภายใน 3 เดือนนับจากนี้บริษัทฯ ยังมีการพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอีมีช่องทางจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น พร้อมเปิดเว็บไซต์ www.attskybox.com ให้ผู้ประกอบการสามารถจองพื้นที่หน้าร้านออนไลน์ประมาณ 1 พันราย ”
ล่าสุด บริษัทฯ ร่วมมือกับ บริษัท เอคอมเมิร์ซ จำกัด นำเสนอบริการการขนส่งสินค้า การขนส่งด่วน ระบบด้านอี-คอมเมิร์ซ และระบบบันทึกและจัดการข้อมูลที่มีความปลอดภัยตั้งเป้าหมายว่าในปี 2559 จะมีจุดให้บริการครบทุกจุดบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส และขายแฟรนไชส์ต้นปี 2559 ให้ครบ 100 สาขา ก่อนที่จะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ SET ในปี 2560
“บริษัทฯมีแผนขยายธุรกิจสู่กลุ่มประเทศอาเซียนให้ได้ 50 สาขา จะเริ่มในประเทศที่ บริษัท เอคอมเมิรซ์ให้บริการอยู่แล้ว ได้แก่ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย นอกนั้นที่สนใจคือกัมพูชา และมาเลเซีย” นายอภิพัฒน์ กล่าว
นายกริช ศรีวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำประเทศไทย บริษัท เอคอมเมิร์ซ จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซของประเทศไทยในปัจจุบันถือว่าเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปี และคาดการณ์ว่าจะมีสัดส่วนเป็น 2% ของทั้งตลาดค้าปลีกภายในสิ้นปี 2558 เนื่องจากคนไทยมีการใช้งานสมาร์ทโฟนอย่างแพร่หลาย โดย 50% ของตลาดอี-คอมเมิร์ซอยู่บนโทรศัพท์มือถือซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับการเติบโต เนื่องจากผู้บริโภคไทยใช้เวลาบนสื่อออนไลน์มากกว่าใช้เวลาบนสื่ออื่นๆกว่า 40 ล้านคน ขณะนี้มีผู้บริโภคมากกว่า 20 ล้านคนที่ซื้อสินค้าออนไลน์ และ 30% ของจำนวนนั้นซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ต่างชาติ
นายอภิพัฒน์ เลิศฤทธิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับเบิ้ลยูพี กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ใช้เงินทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท เมื่อปี 2556 และมีการลงทุนภายในต่อเนื่องประมาณ 5 ล้านบาท ในการดำเนินธุรกิจ “สกายบ็อกซ์” (SKYBOX) ซึ่งเป็นบริการจัดส่งพัสดุรูปแบบใหม่ภายในสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสไปยังสถานีอื่นๆ ภายในวันเดียว รวมถึงบริการรับ-คืนสินค้าที่ช้อปปิ้งผ่านร้านค้าออนไลน์ ตลอดจนจัดส่งพัสดุภายนอกระบบจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสไปยังสถานที่อื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมให้บริการแบบครบวงจร (One Stop Service) อาทิ ชำระค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบัตรเครดิต ค่าโทรศัพท์ และอื่นๆ
ปัจจุบันมีจุด “สกายบ๊อกซ์” บนบีทีเอส 6 สถานี ได้แก่ หมอชิต, อารีย์, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, ทองหล่อ, สนามกีฬาแห่งชาติ และช่องนนทรี เปิดให้บริการวันจันทร์ถึงวันศุกร์ โดยให้บริการ Cash on Deliver (COD) ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถชำระเงินเมื่อรับของทั้งในลักษณะองค์กรกับผู้บริโภค (B2C) สัดส่วน 40% และผู้บริโภคกับผู้บริโภค (C2C) สัดส่วน 60% ที่ผ่านมาเติบโตสูงกว่า 50% ต่อเดือน
นายอภิพัฒน์ กล่าวว่า ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในไทยเติบโตมาก โดยช่วง 3 ปีนี้มากกว่า 20% ต่อปี โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการธุรกิจอี-คอมเมิร์ซผ่านช่องทางต่างๆ ประมาณ 5 แสนราย มีคนไทยซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากกว่า 23 ล้านคน คาดว่าในปี 2558 มูลค่าตลาดรวมธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในส่วนการซื้อขายตรงไปยังผู้บริโภคจะมีมูลค่าประมาณ 1.82 แสนล้านบาท
“ปัจจุบัน สกายบ๊อกซ์ มีการเชื่อมโยงธุรกิจกับเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์แล้ว เช่น alibaba, amazon, lazada, luxora และอื่นๆ โดยตั้งเป้าหมายว่า สกายบ็อกซ์ จะเป็นจุดรับสินค้าของทุกเว็บอีคอมเมิร์ชในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2558 และภายใน 3 เดือนนับจากนี้บริษัทฯ ยังมีการพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอีมีช่องทางจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น พร้อมเปิดเว็บไซต์ www.attskybox.com ให้ผู้ประกอบการสามารถจองพื้นที่หน้าร้านออนไลน์ประมาณ 1 พันราย ”
ล่าสุด บริษัทฯ ร่วมมือกับ บริษัท เอคอมเมิร์ซ จำกัด นำเสนอบริการการขนส่งสินค้า การขนส่งด่วน ระบบด้านอี-คอมเมิร์ซ และระบบบันทึกและจัดการข้อมูลที่มีความปลอดภัยตั้งเป้าหมายว่าในปี 2559 จะมีจุดให้บริการครบทุกจุดบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส และขายแฟรนไชส์ต้นปี 2559 ให้ครบ 100 สาขา ก่อนที่จะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ SET ในปี 2560
“บริษัทฯมีแผนขยายธุรกิจสู่กลุ่มประเทศอาเซียนให้ได้ 50 สาขา จะเริ่มในประเทศที่ บริษัท เอคอมเมิรซ์ให้บริการอยู่แล้ว ได้แก่ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย นอกนั้นที่สนใจคือกัมพูชา และมาเลเซีย” นายอภิพัฒน์ กล่าว
นายกริช ศรีวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำประเทศไทย บริษัท เอคอมเมิร์ซ จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซของประเทศไทยในปัจจุบันถือว่าเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปี และคาดการณ์ว่าจะมีสัดส่วนเป็น 2% ของทั้งตลาดค้าปลีกภายในสิ้นปี 2558 เนื่องจากคนไทยมีการใช้งานสมาร์ทโฟนอย่างแพร่หลาย โดย 50% ของตลาดอี-คอมเมิร์ซอยู่บนโทรศัพท์มือถือซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับการเติบโต เนื่องจากผู้บริโภคไทยใช้เวลาบนสื่อออนไลน์มากกว่าใช้เวลาบนสื่ออื่นๆกว่า 40 ล้านคน ขณะนี้มีผู้บริโภคมากกว่า 20 ล้านคนที่ซื้อสินค้าออนไลน์ และ 30% ของจำนวนนั้นซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ต่างชาติ