xs
xsm
sm
md
lg

ฟรีแต่ไม่ไร้ค่า 'หมอบาทเดียว' ปรึกษาออนไลน์ 24 ช.ม.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


 
“ลูกสาวอายุ 10 ขวบค่ะ มีเหงื่อออกมือและเท้าเยอะมาก ไม่ทราบว่าเป็นอาการของโรคอะไรคะ”
“หมอครับ ผมเป็นโรคนอนหลับยากมาก กินยาสมุนไพรแล้ว ออกกำลังกายก็แล้ว แต่ยังไม่ดีขึ้นเลย”
“ถุงน้ำในตับเป็นอันตรายร้ายแรงไหมคะ”

หลายคำถามถูกเอ่ยขึ้นโดยกลุ่มคนที่ต้องเผชิญหน้ากับโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ บางคำถามมีเพียงความว่างเปล่าเป็นคำตอบ บางข้อสงสัยไม่ใช่คำอธิบายที่ถูกต้องด้วยการเคาะนิ้วบนแป้นคีย์บอร์ดเสิร์ชข้อมูล ทว่า ความรวดเร็วของโลกอินเตอร์เน็ตอาจมีซักพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่รับฟังความกลุ้มใจของคนเหล่านี้และเป็นที่ให้คำปรึกษาในช่วงเวลาที่โรคภัยไข้เจ็บรุกคืบเข้ามาใกล้ตัว

“หมอเกมส์-นพ.อดุลย์ชัย ธรรมาแสงเสริฐ” แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง ผู้ปิ๊งไอเดียสร้างเว็บไซต์ 'แพทย์เฉพาะทางบาทเดียว' หรือ http://www.sosspecialist.com/ พร้อมกับระดมกลุ่มเพื่อนหมอจิตอาสากว่า 30 ชีวิต เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องด้วยหลักทางการแพทย์ ให้คำปรึกษาเรื่องสุขภาพ 24ชั่วโมงผ่านทางออนไลน์ เรื่องราวการเริ่มต้นกว่าจะถึงจุดนี้ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่ใครหลายคนคิด มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขายืนหยัดอยู่ได้นั่นคือ 'สุข' ที่เกิดจากการให้..

“ถ้าไม่ทำ..มันจะไม่เกิดอะไรขึ้น”

“เริ่มจากเพื่อนที่อยู่ต่างจังหวัดถ่ายภาพเคสคนไข้ ฟิล์มเอกเรย์บ้าง ส่งมาถามเพื่อนหมอด้วยกันในกลุ่มปิดว่าฟิล์มแบบนี้ต้องทำยังไง ลักษณะคนไข้เป็นแบบนี้ต้องทำยังไง ด้วยความที่เราอยู่ในกลุ่มเราก็มองว่าถ้าจริงๆ แล้วมันเป็นกลุ่มเปิดขึ้นมา มันน่าจะได้ประโยชน์”

สิ้นเสียงบอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นการริเริ่มไอเดียเปิดกลุ่มสาธารณะให้การช่วยเหลือคนไข้ผ่านทางออนไลน์ แม้วินาทีแห่งการจุดประกายความคิดนั้นดูเหมือนจะมองภาพไม่ออกว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน ทว่า ด้วยความตั้งใจหมอเกมส์จึงเริ่มชักชวนเพื่อนในกลุ่มให้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว

“ในรุ่นแพทย์ศิริราชชั้นปีมี 180 คน แต่ละคนไปเรียนเฉพาะทางแต่ละด้าน บางคนเป็นหมอเด็ก บางคนเป็นหมอกระดูก บางคนเป็นศัลยแพทย์ จบมา 20 กว่าปี แต่ละคนก็มีความเชี่ยวชาญในด้านที่ตัวเองเฉพาะทาง เราก็เลยรวมๆ กลุ่มกันชวนเขาทำ ตอนแรกๆ เพื่อนก็ยังมองไม่ออกว่าจะออกมาเป็นแบบไหน เหมือนพูดว่าเป็นเฟซบุคเขาก็จะกลัวในเรื่องความเป็นส่วนตัว”

 
“นิสัยหมอแปลกอย่างหนึ่ง คือคิดแล้วต้องทำ เป็นมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนแพทย์ คือคิดแล้วต้องทำถ้าคิดแล้วไม่ทำมันจะไม่เกิดอะไรขึ้น” หมอเกมส์เอ่ยขึ้น ดวงตาส่องประกายความมุ่งมั่น ด้วยความที่เป็นคนคิดแล้วต้องทำในทันที เขาจึงเริ่มวางแผนเพื่อให้ภาพฝันที่คิดไว้ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง โดยเริ่มต้นจากการถามคนรอบข้างว่าสนใจโครงการนี้หรือไม่ รวมถึงเข้าไปตั้งกระทู้หาหมอที่สนใจในเว็บบอร์ดชื่อดังอีกด้วย

“เราถามในกลุ่มเพื่อนว่าใครสนใจบ้าง บางคนก็สนใจ บางคนก็เงียบ ช่วงแรกเป็นช่วงที่ลำบากมากหาหมอก็ไม่ครบเฉพาะด้าน สมมุตมี 10 กว่าสาขา มีคนมาตอบรับเข้า 2-3 คน ก็เลยต้องไปหาหมอเพิ่มในพันทิพเพราะเห็นมีคุณหมอชอบตอบอยู่ ปรากฏว่าสิ่งแรกที่เราโดนทำคือขุดค้นประวัติเราหมดเลย คิดว่าเราหลอก คิดว่าเราโกง”

การค้นหาหมอเข้าร่วมโครงการด้วยการตั้งกระทู้ในเว็บไซต์พันทิพ เปรียบเทียบได้ก็คือการงมเข็มในมหาสมุทรดีๆ นี่เอง เพราะไม่เพียงแต่ถูกกล่าวหาว่าหลอกลวงเท่านั้น ยังมีการคอมเมนต์ในลักษณะที่บั่นทอนความตั้งใจให้รู้สึกท้ออยู่บ่อยครั้ง

“มีคนมาตอบกลับด้วยประโยคที่ว่า มีหมอท่านหนึ่งเคยบอกไว้ว่าการตอบปัญหาออนไลน์อย่าใช้ตัวตนที่แท้จริงตอบ เพราะกลัวเรื่องการโดนฟ้องร้องให้ใช้เป็นชื่อหมา แมว หมู ตอบดีกว่า ไม่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองโพสต์ไป ซึ่งเรามองว่าต่อให้คุณเป็นหมอแล้วคุณโพสต์อะไรไป มันจะน่าเชื่อถือเหรอ การหาหมอด้วยการตั้งกระทู้มันก็เลยล้มเหลว”

 
คล้ายว่าความหวังจะเลือนลางเต็มที การตามหาหมอเข้าร่วมโครงการช่างยากเย็นเหลือเกิน วินาทีนั้นเขาฮึดแรงใจที่เหลืออยู่ลงมือทำด้วยสมาชิกข้างกายเพียงไม่กี่คน เสียงในหัวใจดังกึกก้องออกมาว่า “เอาก็เอาวะ!!”

“พอหาไม่ได้มันก็ท้อนะก็ทำคนเดียวก็ได้วะ เราก็ทำกับเพื่อนอีก 2-3 คน พอเราทำเราก็สร้างเว็บไซต์ และเราก็ไปโพสต์ขอเพื่อนอีกได้ไหม ก็เลยมีมาเพิ่มอีกสักคนสองคน เราก็พยายามดูว่าคนนี้จบไปทางด้านไหน เราก็จะมองย้อนกลับไปสมัยเรียนว่าคนนี้เขามีจิตอาสาไหม เป็นคนที่เคยร่วมกิจกรรมกันมาตั้งแต่สมัยเรียนหรือเปล่า”
“ผ่านไปสัก 2-3 เดือนก็มีการฟอร์เวิร์ดไลน์กัน วันนั้นเป็นวันที่เพจนี้ถล่มทลาย เว็บไซต์ล่ม มีการแชร์ข้อมูลกันว่ามีหมอเข้ามาทำ คราวนี้ส่งไปในกลุ่มแพทย์ที่เป็นโรงพยาบาลเอกชนบ้าง กลุ่มแพทย์ที่มีในกรุ๊ปไลน์ก็เริ่มสนใจ” 

'หมอเฉพาะทางบาทเดียว' ของฟรีที่ไม่ดูไร้ค่า!

“เราคิดว่ามันเป็นการให้คำปรึกษาฟรี แต่เราก็มองว่าให้คำปรึกษาฟรีมันดูไร้ค่า”

ประโยคนี้ดูเหมือนจะเป็นคำอธิบายที่มาที่ไปของชื่อเรียก ซึ่งกลายเป็นที่รู้จักในโลกออนไลน์ได้อย่างถนัดหู เหตุผลที่ได้ชื่อเรียกนี้มาคงเพราะเขาต้องการให้มันเป็นของฟรีที่ไม่ดูไร้ค่า หมอจิตอาสาที่ตอบคำถามออนไลน์ทุกคนล้วนสละเวลาที่มีอยู่ เพื่อช่วยเหลือคนไข้เหล่านี้ ชื่อเรียกของโครงการนี้จึงเหมาะสมที่สุดแล้ว

“หมอแต่ละคนเขาเสียสละเวลาที่มีค่าของเขามาตอบ เราเลยไม่อยากให้มองว่ามันไร้ค่า อยากให้มองว่ามันมีมูลค่าของมัน อย่างน้อยคนไข้ต้องเสียค่าอินเตอร์เน็ต แต่พวกเราเต็มใจให้อยู่แล้ว อย่างแรกคนที่มาตอบคือแพทย์เฉพาะทางอยู่แล้ว
ส่วนที่สองคือคิดยังไงดีที่ให้รู้สึกว่ามันไม่แพง ให้มันรู้สึกเหมือนฟรี เพราะเรามองว่าถ้ามันเป็นของฟรีจริงๆ คนก็จะมาใช้บริการ แต่เรารู้สึกว่าฟรีก็ไม่เวิร์ค เลยเป็นที่มาของชื่อแพทย์เฉพาะทางบาทเดียวแล้วกัน”

 
แน่นอนว่าการเข้ามาทำตรงนี้กฏระเบียบที่ตั้งไว้ต้องชัดเจน หมอเกมส์เอ่ยขึ้นพร้อมขยายความให้ทีมงานเข้าใจว่า การให้คำปรึกษาฟรีทางออนไลน์ไม่ใช่การวินิจฉัยโรค เพราะด้วยหลักการวินิจฉัยโรคจริงๆ ต้องเข้าพบคุณหมอแล้วปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ทั้งนี้ทั้งนั้น การพูดคุยกันผ่านทางโลกออนไลน์จึงเป็นได้แค่การให้คำปรึกษาในเบื้องต้นเท่านั้น

“กฏมันชัดเจนที่ว่าไม่มีการวินิจฉัยโรค ไม่มีการจ่ายยา บางครั้งเวลาคนไข้มาถามว่ารักษาที่ไหนจะตามไปหา หมอบางคนบอกอยู่สกลฯ ค่ะ ก็ไม่ต้องรักษาแล้ว (หัวเราะ) พอคนไข้มาถามแบบนี้ เราก็จะถามว่าคุณอยู่จังหวัดอะไร แถวไหน เราจะแนะนำโรงพยาบาลให้ทั้งรัฐบาลและเอกชน สิ่งที่เราทำมันไม่ได้มีการหากำไรอยู่แล้ว”

นึกย้อนไปตอนที่ใครหลายคนจำเป็นต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาล ความรู้สึกเกร็งเวลาคุยกับคุณหมอ การมีคำถามต่างๆ นานา แต่ไม่กล้าถามเพราะเห็นคุณหมอมีสีหน้าเข้มขรึม บรรยากาศพาให้อึมครึม สิ่งเหล่านี้กลายเป็นภาพชินตาเมื่อต้องไปหาหมอไปเสียแล้ว ทว่า หมอเกมส์กลับมองว่าช่องทางที่จะช่วยลดความรู้สึกไม่ดีระหว่างหมอกับคนไข้ได้นั้น คือการสร้างความรู้สึกใหม่ด้วยการพูดคุย

“สิ่งที่เราแนะนำให้กับเขาเพราะอะไร เพราะมันจะได้ลดความสัมพันธ์ที่ไม่ดี อย่างบางทีเราป่วยเราไปเจอหมอ หมอบอกให้อ้าปากและจ่ายยา ซึ่งตรงนี้พอความสัมพันธ์มันไม่คุยกัน ไม่สื่อสารกัน ความรู้สึกอบอุ่นมันจะไม่มี มันจะเป็นความรู้สึกไม่พอใจ การมีเว็บไซต์นี้มันจะช่วยคลายตรงนี้ลงได้ หมอหลายคนที่มองว่าไม่ดีหรอกตอบคำถามออนไลน์เดี๋ยวโดนฟ้อง แต่เว็บไซต์นี้มันช่วยคุณนะ”

หมอเกมส์ยังขยายความให้ฟังต่อว่า ในหลายเคสที่คุณหมอและคนไข้สื่อสารกันไม่เข้าใจ การที่คนไข้มาปรึกษาผ่านทางเว็บไซต์แล้วหมออาสาในนั้นได้อธิบายความเป็นไปทั้งหมด มันล้วนมีส่วนช่วยให้ความเกิดความเข้าใจและสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างหมอกับคนไข้ได้อีกทาง แม้การพูดคุยจะผ่านทางออนไลน์ แต่ด้วยการเป็นออนไลน์นี่แหละคือข้อดีของมันอย่างหนึ่ง

 
“บางคนทะเลาะเบาะแว้งกับหมอที่รักษามา แล้วเรามาเคลียด้วยเหตุผลหนึ่ง สอง สาม สี่ คนไข้ก็จะเข้าใจ อันนี้คือสิ่งที่มันเกิดขึ้นมาว่ามันไม่ใช่การวินิจฉัยโรค แต่มันคือการให้คำแนะนำ มันเป็นการเพิ่มสัมพันธภาพที่ดีระหว่างหมอกับคนไข้ให้ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น แม้ว่ามันจะห่างกันเพราะเป็นออนไลน์ แต่ด้วยความเป็นออนไลน์มันจะทำให้เราใกล้กัน โลกมันเล็กลงเรื่อยๆ”

ยังไงหมอเป็นหมอ หมอต้องรักอาชีพหมออยู่แล้ว หมอก็อยากให้หมอคนอื่นๆ ได้เห็นว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นพิษภัย แต่มันกลับเป็นการลดความขัดแย้ง หมอไม่คุยกับคนไข้ หมอมีการสนทนาน้อย นี่แหละคือปัญหา ตรงนี้จะเป็นการแก้ปัญหาได้

'เงิน' ไม่ใช่ความสุขทั้งหมด!?

“เราพูดกันตรงๆ คือชีวิตเราเป็นศัลยแพทย์ตกแต่ง เราผ่าตัดพอแล้ว คือได้เงินในระดับที่เลี้ยงดูครอบครัวได้ไม่ลำบาก ไม่ยากจนพอแล้ว แต่เรารู้สึกว่าที่เรียนมาเยอะแยะมันไม่ได้ช่วยใคร วันๆ จะเอาแต่ทำจมูก ทำตาเหรอ ทำแต่สิ่งสวยงามเหรอ มันก็ไม่ใช่” ถ้อยคำถูกเอ่ยมาทำให้ทีมงานรู้สึกเห็นด้วยอย่างไม่มีข้อสงสัย ฟังดูแล้วอาจเป็นเหตุผลหลักๆ เลยก็ว่าได้ที่ทำให้หมอเกมส์ลุกขึ้นมาทำอะไรดีๆ เพื่อสังคม

“ตั้งแต่สมัยเรียนเราเป็นคนทำกิจกรรมมาตั้งแต่ต้น สมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ทำโครงการอยู่ฝ่ายบำเพ็ญประโยชน์ จัดโครงการพาเด็กตาบอดที่โรงเรียนสอนคนตาบอดพญาไทไปปลูกป่า และจัดนักศึกษาแพทย์ไปเป็นบัดดี้ เรามองว่าไม่มีใครสนใจคนพิการ คนอยากปลูกป่าเขาก็ไปปลูกกัน แต่เด็กเหล่านี้ไม่มีคนพาไป”

“ด้วยความเป็นหมอคือเราชอบแบบนี้อยู่แล้ว เราโตมาในตอนที่ทุกอย่างมันพร้อมแล้ว เงินก็ไม่ได้ลำบาก คือเราก็ได้ในระดับหนึ่ง เวลายังมีเหลือเราก็ช่วยคน มันมีความสุขนะ” นี่อาจเป็นความสุขของคนเป็นหมอในช่วงเวลาที่ทุกอย่างมีพร้อมแล้วสำหรับชีวิตหนึ่ง การได้ใช้เวลาที่เหลือจากนี้ทำสิ่งที่คิดว่าช่วยเหลือคนได้อีกหลายๆ คน อาจเป็นความเสียสละที่เขาเต็มใจยอมแลกมาด้วยความสุขใจ

 
“เวลามีคำถามมาแต่ละห้อง บางคนส่งรูปภาพมาถาม หมอบางคนในคำถามเดียวกันก็ช่วยกันตอบ ช่วยกันให้คำปรึกษา คือมันไม่ได้อะไรหรอกนอกจากคำขอบคุณ แต่มันมีความสุขนะจริงๆ เวลาได้ทำแล้วมันจะรู้สึกเลยว่ามันมีความสุข หมอเสพติดว่ามันคือความสุขอย่างหนึ่ง ทุกเย็นหรือเวลาว่างเราก็เข้ามาตอบคำถาม เงินไม่ได้ แต่เงินมันก็ไม่ใช่ความสุขของทั้งหมด เราต้องเข้าใจตรงนี้อย่างหนึ่ง”

“คนที่รวยล้นฟ้าหมอรู้จัก หมอเห็นเขากินข้าวน้อยเหมือนแมวดมเพราะกลัวอ้วน”
“ใช้ชีวิตถือกระเป๋า 7 แสน”
ถ้าคุณเอาเงินพันล้านที่คุณมีมาช่วยคน ชาตินี้คุณใช้ไม่หมดอยู่แล้ว หรือคิดอะไรที่ช่วยคนได้มันจะมีความสุขกว่า อย่างที่บอกหมอแต่ละคนที่มาช่วยก็มาด้วยจิตอาสาทั้งนั้น

คงเหมือนกับการได้รื้อฟื้นความรู้เก่าก่อนที่ได้เล่าเรียนมาสมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ บางตำราถูกหยิบมาปัดฝุ่นอีกครั้ง เพียงเพราะต้องการให้คนไข้ได้คลายข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคที่เป็นอยู่ ถือว่าได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

“บางทีการตอบปัญหาคนไข้มันก็ทำให้เราได้ค้นคว้าไปด้วย ค้นคว้าในเรื่องที่เราเคยลืมไปแล้ว เหมือนเป็นการปัดฝุ่นให้ได้ตอบได้อะไร มันก็โอเค อย่างที่บอกว่าถ้าทำแล้วมันมีความสุข เว็บนี้มันก็จะไปได้เรื่อยๆ”

จู่ๆ ก็มีคำถามผุดขึ้นมา 'คุณหมอไม่เหนื่อยเหรอ?' ลำพังการทำอาชีพหมอในตารางงานแต่ละวันก็เหนื่อยล้ามากพอตัว ในช่วงเวลาหลังเลิกงานหมอเกมส์ต้องเปิดคอมพิวเตอร์ นั่งตอบคำถามคนไข้ออนไลน์เช่นนี้ คุณหมอมองด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มก่อนเริ่มตอบคำถาม

“มีอาจารย์ศัลยแพทย์คนหนึ่งชื่อ 'อาจารย์เกษม ลิ่มวงศ์' ตอนที่หมอเป็นนักศึกษาแพทย์ถามว่าเหนื่อยไหม นักศึกษาแพทย์ก็บอกว่าเหนื่อยค่ะวันนี้ยังไม่ได้นอนเลย แล้วแกพูดมาคำเดียวว่า ถ้าคุณรักสิ่งที่คุณทำอยู่ มันจะไม่เหนื่อย แต่ตอนนี้คุณยังไม่ได้รักสิ่งที่คุณทำ พอได้ฟังแล้วมันก็จริง มันก็เหมือนกันมานั่งตอบคำถามมันเหนื่อยไหม แต่มันมีความสุขนะ ไม่มีคนมาถามรู้สึกหงุดหงิด แต่การที่ได้ตอบ การที่ได้ช่วยเราคิดว่ามันคือความสุข”

เว็บไซต์แพทย์เฉพาะทางบาทเดียว http://www.sosspecialist.com/
ข่าวโดย : ทีมข่าว MGR Feel Good
เรื่อง : พิมพรรณ มีชัยศรี
 




กำลังโหลดความคิดเห็น