ASTVผู้จัดการรายวัน-ตำรวจเป็นห่วง หลังติดต่อ “พริตตี้สาว” ที่รับโอนหุ้น "ชูวงษ์" ทั้งทางมือถือและเพื่อนสนิทไม่ได้กว่า 1 สัปดาห์ ประสานผ่านทนายขอให้นำตัวมาพบตำรวจ เพื่อสอบถามประเด็นเพิ่มเติม ยันสัปดาห์หน้าออกหมายจับได้แน่ 2-3 คน ด้านญาติบุกร้องแพทยสภาตรวจสอบใบชันสูตรศพ หลังพบข้อมูลสำคัญ "แผลบวมช้ำที่ศีรษะด้านขวา" หายไป 1 ข้อ หวั่นซ้ำรอยคดีครอบครอบ "ศรีธนะขัณฑ์" ที่มีการปลอมใบชันสูตร เล็งยื่นหนังสือถึง "โตโยตา" ตรวจสอบมาตรฐานรถกับอุบัติเหตุด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ที่เสียชีวิตปริศนาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดทำงานกองปราบปรามอยู่ระหว่างการติดตามตัวกลุ่มบุคคลที่เข้าข่ายรู้เห็นการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ โดยเฉพาะการขาดการติดต่อของ น.ส.กัณฐณา ศิวธนพล พริตตี้สาว ที่ขาดการติดต่อนานกว่า 1 สัปดาห์ โดยทาง ผบ.ตร เน้นย้ำสั่งการให้ติดตามตัวมาโดยเร็ว เพื่อความปลอดภัย เกรงว่า อาจมีการทำลายพยานวัตถุ พยานบุคคล และพยานหลักฐาน โดยมีความเป็นห่วง น.ส.กัณฐณา เป็นอย่างมาก หวั่นได้รับอันตราย จากผู้อยู่เบื้องหลัง
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้พยายามติดต่อ น.ส.กัณฐณา ทางโทรศัพท์มือถือที่ให้ไว้ และส่งชุดติดตามไปที่บ้าน รวมถึงเพื่อนสนิท แต่ไม่พบ จึงต้องประสานผ่านทางทนายความของ น.ส.กัณฐณา ให้มาพบตำรวจ เพื่อสอบถามประเด็นเพิ่มเติม
ส่วนประเด็นการออกหมายจับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโอนหุ้นทั้งหมด ทราบว่า สัปดาห์หน้าจะขออำนาจศาลออกหมายจับ ซึ่งมีประมาณ 2-3 คน เนื่องจากต้องใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุม
สำหรับกระแสข่าวที่ว่าหุ้นของนายชูวงษ์ที่โอนไปนั้น เป็นหุ้นนอมินีของพรรคการเมืองที่เตรียมจะไปจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ขณะนี้หลักฐานยังไม่เชื่อมโยงถึง
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กองปราบปรามอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียด โดยเฉพาะผลการตรวจเอกสารการทำธุรกรรม คลิปเสียงในการสนทนา รวมทั้งการตรวจคอมพิวเตอร์ หลังจากที่ตรวจยึดมาได้จากบริษัท สแตนดาร์ดเพอร์ฟอแมนซ์ และได้นำส่งให้เจ้าหน้าที่ บก.ปอท.ทำการตรวจสอบ เบื้องต้นคาดว่าสัปดาห์นี้น่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ล่าสุดในส่วนของคลิปเสียงสนทนา เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งไปให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ แต่ปรากฏว่าทางกองพิสูจน์หลักฐานไม่สามารถที่จะตรวจสอบได้ จึงได้ส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อตรวจสอบต่อไป อย่างไรก็ตาม คลิปการสนทนาซื้อขายหุ้นที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้ที่บริษัทหลักทรัพย์ เออีซีเอส จำกัด (มหาชน) พบความต่างค่อนข้างชัดเจน เนื่องจากคลิปดังกล่าว ปรากฏเสียงการสนทนาที่ฟังดูแล้วมีความแตกต่างระหว่างเส้นเสียง
วันเดียวกันนี้ นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง และนางวันเพ็ญ ธนธรรมสิริ ภรรยาและพี่สาวของนายชูวงษ์ ได้เดินทางมายังแพทยสภา เพื่อขอให้พิจารณาเอกสารการชันสูตรศพของนายชูวงษ์เพิ่มเติม โดยมี ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา เป็นผู้รับเรื่อง
นางวันเพ็ญ กล่าวว่า เอกสารรายงานการตรวจศพนายชูวงษ์ ของสถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งมาจาก สน.อุดมสุข ที่ผู้สื่อข่าวกับญาติได้รับนั้นไม่ตรงกัน โดยเอกสารที่ญาติได้รับมีข้อมูลที่หายไป คือ ข้อมูลที่ระบุว่า “แผลบวมช้ำที่ศีรษะด้านขวาขนาด 5?4 ซม.” ซึ่งถือเป็นข้อมูลสำคัญที่มีผลต่อรูปคดี
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบ ยังพบว่า รูปถ่ายในที่เกิดเหตุของสถาบันนิติเวชฯ มีเพียง 2 ใบ แตกต่างจากที่ญาติมี จึงขอให้แพทยสภาตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วยว่าตามมาตรฐานแล้ว การมีรูปถ่ายเพียง 2 ใบ เป็นไปได้หรือไม่ โดยหลังจากนี้ จะยื่นเอกสารชุดเดียวกันนี้ให้ราชวิทยาลัยพยาธิแพทย์แห่งประเทศไทยตรวจสอบด้วย
นางวันเพ็ญ กล่าวว่า ยังจะไปยื่นเรื่องถึงสำนักงานใหญ่ บริษัท โตโยตามอเตอร์แห่งประเทศไทย และสำนักงานใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อขอให้ตรวจสอบด้วยว่ามาตรฐานของรถยนต์ในสังกัดกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้เสียชีวิตได้จริงๆ หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ เคยมีตัวอย่างมาแล้วในคดีของครอบครัวศรีธนะขัณฑ์ ที่พบว่า สถาบันนิติเวชฯ ปลอมใบนิติเวช แต่บริษัทเบนซ์ลงมาตรวจสอบในภายหลังเรื่องมาตรฐานของรถกับลักษณะการเกิดอุบัติเหตุแล้วพบว่า ไม่ได้เป็นการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งส่งผลให้คดีพลิกตามมา
"จากหลักฐานที่มี ทำให้ค่อนข้างมั่นใจว่านายชูวงษ์ไม่ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่ไม่ขอตอบว่าเชื่อมโยงกับการโอนหุ้นหรือไม่"
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ได้นำเอกสารชุดนี้ไปยื่นต่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วแต่ยังไม่ได้รับคำตอบกลับมา
นางศิริรัตน์ กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่านายชูวงษ์จะโอนหุ้นให้กับหญิงสาวทั้ง 2 คน เพราะไม่ใช่นิสัยของนายชูวงษ์ ที่ผ่านมา ไม่เคยมีปัญหาเรื่องชู้สาว เป็นคนรักครอบครัว และก็มั่นใจในตัวสามี วันนี้จึงทำทุกอย่างเพื่อทวงศักดิ์ศรีและความเป็นธรรมให้กับนายชูวงษ์
ด้าน ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ได้ส่งเรื่องไปราชวิทยาลัยพยาธิแพทย์ฯ ให้ดำเนินการโดยเร็วแล้ว เพราะอยู่ในความสนใจของประชาชน แต่แพทยสภาจะไม่เข้าไปยุ่งกับรูปคดี โดยจะให้ความเป็นธรรมด้านการแพทย์เท่านั้น เบื้องต้นต้องตรวจสอบว่า เอกสารชุดใดเป็นของจริง เพราะถ้าข้อมูลไม่ครบถ้วนจะมีผลต่อการพิจารณาคดี ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เปรียบเหมือนกับเวชระเบียนที่เป็นไปไม่ได้ที่จะมีข้อมูลหายไป 1 ข้อ ดังนั้น จะส่งเรื่องให้กับอนุกรรมการจริยธรรมพิจารณาเรื่องนี้ด้วย
"ถ้ามีมูลว่าเป็นการปลอมแปลงเอกสาร ก็จะตั้งคณะกรรมการสอบจริยธรรมแพทย์ และอาจเป็นไปได้ที่อนุกรรมการฯ จะทำหนังสือไปถึงบริษัท โตโยตา ขอให้ลงมาตรวจสอบเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา โดยถ้าพบว่าเป็นการปลอมแปลงเอกสารจริง ก็จะมีบทลงโทษไปตามขั้นตอน ตั้งแต่การตักเตือน การพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ หรือเพิกถอนใบอนุญาต อย่างกรณีครอบครัวศรีธนะขัณฑ์ที่มีการปลอมแปลงใบนิติเวชก็มีการพักใช้ใบอนุญาตแพทย์ที่กระทำผิดไปแล้ว"ศ.นพ.สมศักดิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ที่เสียชีวิตปริศนาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดทำงานกองปราบปรามอยู่ระหว่างการติดตามตัวกลุ่มบุคคลที่เข้าข่ายรู้เห็นการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ โดยเฉพาะการขาดการติดต่อของ น.ส.กัณฐณา ศิวธนพล พริตตี้สาว ที่ขาดการติดต่อนานกว่า 1 สัปดาห์ โดยทาง ผบ.ตร เน้นย้ำสั่งการให้ติดตามตัวมาโดยเร็ว เพื่อความปลอดภัย เกรงว่า อาจมีการทำลายพยานวัตถุ พยานบุคคล และพยานหลักฐาน โดยมีความเป็นห่วง น.ส.กัณฐณา เป็นอย่างมาก หวั่นได้รับอันตราย จากผู้อยู่เบื้องหลัง
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้พยายามติดต่อ น.ส.กัณฐณา ทางโทรศัพท์มือถือที่ให้ไว้ และส่งชุดติดตามไปที่บ้าน รวมถึงเพื่อนสนิท แต่ไม่พบ จึงต้องประสานผ่านทางทนายความของ น.ส.กัณฐณา ให้มาพบตำรวจ เพื่อสอบถามประเด็นเพิ่มเติม
ส่วนประเด็นการออกหมายจับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโอนหุ้นทั้งหมด ทราบว่า สัปดาห์หน้าจะขออำนาจศาลออกหมายจับ ซึ่งมีประมาณ 2-3 คน เนื่องจากต้องใช้เวลารวบรวมพยานหลักฐานให้รัดกุม
สำหรับกระแสข่าวที่ว่าหุ้นของนายชูวงษ์ที่โอนไปนั้น เป็นหุ้นนอมินีของพรรคการเมืองที่เตรียมจะไปจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ ขณะนี้หลักฐานยังไม่เชื่อมโยงถึง
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กองปราบปรามอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียด โดยเฉพาะผลการตรวจเอกสารการทำธุรกรรม คลิปเสียงในการสนทนา รวมทั้งการตรวจคอมพิวเตอร์ หลังจากที่ตรวจยึดมาได้จากบริษัท สแตนดาร์ดเพอร์ฟอแมนซ์ และได้นำส่งให้เจ้าหน้าที่ บก.ปอท.ทำการตรวจสอบ เบื้องต้นคาดว่าสัปดาห์นี้น่าจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ล่าสุดในส่วนของคลิปเสียงสนทนา เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งไปให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบ แต่ปรากฏว่าทางกองพิสูจน์หลักฐานไม่สามารถที่จะตรวจสอบได้ จึงได้ส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อตรวจสอบต่อไป อย่างไรก็ตาม คลิปการสนทนาซื้อขายหุ้นที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้ที่บริษัทหลักทรัพย์ เออีซีเอส จำกัด (มหาชน) พบความต่างค่อนข้างชัดเจน เนื่องจากคลิปดังกล่าว ปรากฏเสียงการสนทนาที่ฟังดูแล้วมีความแตกต่างระหว่างเส้นเสียง
วันเดียวกันนี้ นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง และนางวันเพ็ญ ธนธรรมสิริ ภรรยาและพี่สาวของนายชูวงษ์ ได้เดินทางมายังแพทยสภา เพื่อขอให้พิจารณาเอกสารการชันสูตรศพของนายชูวงษ์เพิ่มเติม โดยมี ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา เป็นผู้รับเรื่อง
นางวันเพ็ญ กล่าวว่า เอกสารรายงานการตรวจศพนายชูวงษ์ ของสถาบันนิติเวชวิทยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งมาจาก สน.อุดมสุข ที่ผู้สื่อข่าวกับญาติได้รับนั้นไม่ตรงกัน โดยเอกสารที่ญาติได้รับมีข้อมูลที่หายไป คือ ข้อมูลที่ระบุว่า “แผลบวมช้ำที่ศีรษะด้านขวาขนาด 5?4 ซม.” ซึ่งถือเป็นข้อมูลสำคัญที่มีผลต่อรูปคดี
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบ ยังพบว่า รูปถ่ายในที่เกิดเหตุของสถาบันนิติเวชฯ มีเพียง 2 ใบ แตกต่างจากที่ญาติมี จึงขอให้แพทยสภาตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วยว่าตามมาตรฐานแล้ว การมีรูปถ่ายเพียง 2 ใบ เป็นไปได้หรือไม่ โดยหลังจากนี้ จะยื่นเอกสารชุดเดียวกันนี้ให้ราชวิทยาลัยพยาธิแพทย์แห่งประเทศไทยตรวจสอบด้วย
นางวันเพ็ญ กล่าวว่า ยังจะไปยื่นเรื่องถึงสำนักงานใหญ่ บริษัท โตโยตามอเตอร์แห่งประเทศไทย และสำนักงานใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อขอให้ตรวจสอบด้วยว่ามาตรฐานของรถยนต์ในสังกัดกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้เสียชีวิตได้จริงๆ หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ เคยมีตัวอย่างมาแล้วในคดีของครอบครัวศรีธนะขัณฑ์ ที่พบว่า สถาบันนิติเวชฯ ปลอมใบนิติเวช แต่บริษัทเบนซ์ลงมาตรวจสอบในภายหลังเรื่องมาตรฐานของรถกับลักษณะการเกิดอุบัติเหตุแล้วพบว่า ไม่ได้เป็นการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งส่งผลให้คดีพลิกตามมา
"จากหลักฐานที่มี ทำให้ค่อนข้างมั่นใจว่านายชูวงษ์ไม่ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่ไม่ขอตอบว่าเชื่อมโยงกับการโอนหุ้นหรือไม่"
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ได้นำเอกสารชุดนี้ไปยื่นต่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วแต่ยังไม่ได้รับคำตอบกลับมา
นางศิริรัตน์ กล่าวว่า ตนไม่เชื่อว่านายชูวงษ์จะโอนหุ้นให้กับหญิงสาวทั้ง 2 คน เพราะไม่ใช่นิสัยของนายชูวงษ์ ที่ผ่านมา ไม่เคยมีปัญหาเรื่องชู้สาว เป็นคนรักครอบครัว และก็มั่นใจในตัวสามี วันนี้จึงทำทุกอย่างเพื่อทวงศักดิ์ศรีและความเป็นธรรมให้กับนายชูวงษ์
ด้าน ศ.นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ได้ส่งเรื่องไปราชวิทยาลัยพยาธิแพทย์ฯ ให้ดำเนินการโดยเร็วแล้ว เพราะอยู่ในความสนใจของประชาชน แต่แพทยสภาจะไม่เข้าไปยุ่งกับรูปคดี โดยจะให้ความเป็นธรรมด้านการแพทย์เท่านั้น เบื้องต้นต้องตรวจสอบว่า เอกสารชุดใดเป็นของจริง เพราะถ้าข้อมูลไม่ครบถ้วนจะมีผลต่อการพิจารณาคดี ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เปรียบเหมือนกับเวชระเบียนที่เป็นไปไม่ได้ที่จะมีข้อมูลหายไป 1 ข้อ ดังนั้น จะส่งเรื่องให้กับอนุกรรมการจริยธรรมพิจารณาเรื่องนี้ด้วย
"ถ้ามีมูลว่าเป็นการปลอมแปลงเอกสาร ก็จะตั้งคณะกรรมการสอบจริยธรรมแพทย์ และอาจเป็นไปได้ที่อนุกรรมการฯ จะทำหนังสือไปถึงบริษัท โตโยตา ขอให้ลงมาตรวจสอบเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา โดยถ้าพบว่าเป็นการปลอมแปลงเอกสารจริง ก็จะมีบทลงโทษไปตามขั้นตอน ตั้งแต่การตักเตือน การพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ หรือเพิกถอนใบอนุญาต อย่างกรณีครอบครัวศรีธนะขัณฑ์ที่มีการปลอมแปลงใบนิติเวชก็มีการพักใช้ใบอนุญาตแพทย์ที่กระทำผิดไปแล้ว"ศ.นพ.สมศักดิ์กล่าว