00 มันต้องแบบนี้ซีถึงจะเรียกว่า "ชัดเจน" แบบสิ้นข้อสงสัยกันเสียที หลังจากที่มีการประชุมคณะกรรมการพิจารณาถอดยศ ทักษิณ ชินวัตร (อีกที) ที่คราวนี้มี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เป็นประธาน หลังจากมีการประชุมสอบถามข้อมูล ระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ผลก็ออกมาเพียงแค่วันเดียว คือ "ถอดยศได้" ไม่มีปัญหาอะไร และที่ผ่านมาสาเหตุที่ไม่ได้ เพราะ "ไม่ทำ" เพราะ "ยื้อ" เพราะความห่วยแตกของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ "เลือกปฏิบัติ" ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งจะต้องไปไล่บี้กันในภายหลังอีกรอบ หลังจากนี้ !!
00 ผลการของพิจารณาจากคณะกรรมการชุดที่มี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็นประธานดังกล่าว ว่า "ถอดยศ" ทักษิณ ชินวัตร ได้แบบไม่มีข้อกังขา สามารถตอบคำถามได้หมดทุกคำถามอย่างที่ประกาศเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรก เพราะมีทั้งคำตอบจากกฤษฎีกา จากคณะกรรมการพิจารณาถอดยศฝ่ายตำรวจที่นำโดย พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ฝ่ายกฎหมายของกระทรวงยุติธรรม ประชุมหารือกันเพียงแค่ "หนึ่งชั่วโมงเศษ" ก็จบ สามารถให้คำตอบกับสังคมได้อย่างชัดเจน
00 ผลจากข้อสรุปว่า "ถอดยศได้" ดังกล่าวทำให้ได้เห็น"จุดซ่อนเร้น" ที่เคยเกิดขึ้นมากมาย เพราะเมื่อพิจารณาจากคำแถลงของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยติธรรม ที่ระบุว่า มีข้อสรุปให้ถอดยศ ทักษิณ ชินวัตร มาตั้งแต่ปี 52-58 รวมทั้งคำพูดของเลขาฯกฤษฎีกา ดิสทัต โหตระกิตย์ ที่ย้ำว่า ที่ผ่านมา สตช. เคยทำหนังสือมาถามเรื่องการถอดยศ ทักษิณ ชินวัตร มาแล้วถึงสองครั้ง ดังนั้นคำพูดของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ที่อ้างว่าต้องทำหนังสือไปปรึกษาข้อกฎหมายกับกฤษฎีกา เพื่อความรอบคอบอีกครั้ง ซึ่งในความจริงก็คือทำหนังสือไปเป็น "ครั้งที่สาม" ความหมายก็คือ "มีเจตนาเตะถ่วง" หรือ "มีเจตนามิชอบ" ก็สามารถมองแบบนั้นได้ เพราะดูแล้วมัน "ส่อ" จริงๆ ผ่าซี !!
00 กรณีของ ทักษิณ ชินวัตร เป็นตัวอย่างสะท้อนให้เห็นถึงความ "ล้าหลัง" ในทุกระบบการเมืองไทยได้เป็นอย่างดี ว่านี่คือความ "ไร้มาตรฐาน" และนี่คือสาเหตุของความวุ่นวายในบ้านเมืองที่ผ่านมา และนี่คือ "อภิสิทธิ์ชน" อย่างแท้จริง เพราะเรื่องดังกล่าวถ้าพิจารณาไปตามกฎเกณฑ์ที่มีอยู่แล้วโดยไม่จำเป็นต้องพิจารณาว่า "เป็นใคร" หรือคนนั้น ชื่ออะไร เรื่องมันก็จบไปแล้ว แต่เป็นเพราะคนที่มีหน้าที่แต่กลับไม่ทำหน้าที่ คอยเข้าด้วยช่วยเหลือบิดเบือนเรื่องมันถึงไม่จบ จนกระทั่งมาจบเมื่อได้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา มารับผิดชอบก็ "ฟันฉับ" ทันที เพราะง่ายมาก หากไม่มีนอกมีใน "ไม่มีวาระซ่อนเร้น" มันก็สามารถอธิบายได้ เนื่องจากเพียงแค่นำเอาผลสรุปที่เคยมีอยู่เอามาจัดการตามนั้นก็จบกลายเป็น "นายทักษิณ" ในอีกไม่นานข้างหน้า รวมไปถึงจะมีการ "ริบคืนเครื่องราชย์ฯ" จะตามมาอีกด้วย !!
00 เปิดเผยออกมาแล้วจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ว่าได้ "ปรับครม." เรียบร้อยแล้ว และเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯเท่านั้นเอง นั่นก็แสดงว่า รายชื่อครม.ชุดใหม่น่าจะมีบางคนที่เป็นอดีตขรก. หรือ "บิ๊กกองทัพ" ที่กำลังเกษียณฯ มาร่วมด้วย ขณะเดียวกันถ้าให้เดาคราวนี้ยังเชื่อว่า น่าจะเป็นการ "ปรับชุดใหญ่"เพราะเป็นการปรับครบรอบ 1 ปีเต็ม น่าจับตาว่าจะยังมี "หม่อมอุ๋ย" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจอยู่หรือเปล่า !!
00 ผลการของพิจารณาจากคณะกรรมการชุดที่มี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็นประธานดังกล่าว ว่า "ถอดยศ" ทักษิณ ชินวัตร ได้แบบไม่มีข้อกังขา สามารถตอบคำถามได้หมดทุกคำถามอย่างที่ประกาศเอาไว้ตั้งแต่ตอนแรก เพราะมีทั้งคำตอบจากกฤษฎีกา จากคณะกรรมการพิจารณาถอดยศฝ่ายตำรวจที่นำโดย พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ฝ่ายกฎหมายของกระทรวงยุติธรรม ประชุมหารือกันเพียงแค่ "หนึ่งชั่วโมงเศษ" ก็จบ สามารถให้คำตอบกับสังคมได้อย่างชัดเจน
00 ผลจากข้อสรุปว่า "ถอดยศได้" ดังกล่าวทำให้ได้เห็น"จุดซ่อนเร้น" ที่เคยเกิดขึ้นมากมาย เพราะเมื่อพิจารณาจากคำแถลงของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยติธรรม ที่ระบุว่า มีข้อสรุปให้ถอดยศ ทักษิณ ชินวัตร มาตั้งแต่ปี 52-58 รวมทั้งคำพูดของเลขาฯกฤษฎีกา ดิสทัต โหตระกิตย์ ที่ย้ำว่า ที่ผ่านมา สตช. เคยทำหนังสือมาถามเรื่องการถอดยศ ทักษิณ ชินวัตร มาแล้วถึงสองครั้ง ดังนั้นคำพูดของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ที่อ้างว่าต้องทำหนังสือไปปรึกษาข้อกฎหมายกับกฤษฎีกา เพื่อความรอบคอบอีกครั้ง ซึ่งในความจริงก็คือทำหนังสือไปเป็น "ครั้งที่สาม" ความหมายก็คือ "มีเจตนาเตะถ่วง" หรือ "มีเจตนามิชอบ" ก็สามารถมองแบบนั้นได้ เพราะดูแล้วมัน "ส่อ" จริงๆ ผ่าซี !!
00 กรณีของ ทักษิณ ชินวัตร เป็นตัวอย่างสะท้อนให้เห็นถึงความ "ล้าหลัง" ในทุกระบบการเมืองไทยได้เป็นอย่างดี ว่านี่คือความ "ไร้มาตรฐาน" และนี่คือสาเหตุของความวุ่นวายในบ้านเมืองที่ผ่านมา และนี่คือ "อภิสิทธิ์ชน" อย่างแท้จริง เพราะเรื่องดังกล่าวถ้าพิจารณาไปตามกฎเกณฑ์ที่มีอยู่แล้วโดยไม่จำเป็นต้องพิจารณาว่า "เป็นใคร" หรือคนนั้น ชื่ออะไร เรื่องมันก็จบไปแล้ว แต่เป็นเพราะคนที่มีหน้าที่แต่กลับไม่ทำหน้าที่ คอยเข้าด้วยช่วยเหลือบิดเบือนเรื่องมันถึงไม่จบ จนกระทั่งมาจบเมื่อได้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา มารับผิดชอบก็ "ฟันฉับ" ทันที เพราะง่ายมาก หากไม่มีนอกมีใน "ไม่มีวาระซ่อนเร้น" มันก็สามารถอธิบายได้ เนื่องจากเพียงแค่นำเอาผลสรุปที่เคยมีอยู่เอามาจัดการตามนั้นก็จบกลายเป็น "นายทักษิณ" ในอีกไม่นานข้างหน้า รวมไปถึงจะมีการ "ริบคืนเครื่องราชย์ฯ" จะตามมาอีกด้วย !!
00 เปิดเผยออกมาแล้วจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ว่าได้ "ปรับครม." เรียบร้อยแล้ว และเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯเท่านั้นเอง นั่นก็แสดงว่า รายชื่อครม.ชุดใหม่น่าจะมีบางคนที่เป็นอดีตขรก. หรือ "บิ๊กกองทัพ" ที่กำลังเกษียณฯ มาร่วมด้วย ขณะเดียวกันถ้าให้เดาคราวนี้ยังเชื่อว่า น่าจะเป็นการ "ปรับชุดใหญ่"เพราะเป็นการปรับครบรอบ 1 ปีเต็ม น่าจับตาว่าจะยังมี "หม่อมอุ๋ย" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจอยู่หรือเปล่า !!