เมื่อเวลา 12.00 น.วานนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ว่าที่ประชุมได้มีการพิจารณาแผนฟื้นฟูกองทุนหมู่บ้านฯ ตามที่นายกรัฐมนตรี กำชับในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่าให้ดูแลช่วยเหลือกองทุนหมูบ้าน โดยข้อมูลเบื้องต้นพบว่า มีจำนวน 18,566 กองทุน ที่ยังไม่ได้รับการเพิ่มทุนระยะที่ 3 กองทุนละ 1 ล้านบาท
นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า กองทุนนี้จะแบ่งออกเป็น 6 ประเภทได้แก่
1. กองทุนที่ได้มีการยื่นเรื่องขอเพิ่มทุนระยะที่สามแล้ว แต่ยังมีข้อมูลที่ยังไม่สมบูรณ์ จำนวน 2,360 กองทุน ซึ่งคณะกรรมการฯ ตั้งเป้าว่าจะสามารถอนุมัติเพิ่มทุนได้ภายในเดือนกันยายนนี้ และในที่ประชุมได้มีการอนุมัติให้เพิ่มทุนไปแล้ว 768 กองทุนในกลุ่มนี้
2. กองทุนในกลุ่มเอ และ บี ที่ถือเป็นกองทุนในระดับดีมีศักยภาพสูง แต่ไม่ประสงค์ที่จะขอเพิ่มทุนระยะที่สาม เพราะเพียงพอต่อการดำเนินการแล้ว จำนวน 5,524 กองทุน ซึ่งทางคณะกรรมการให้กองทุนดังกล่าวกลับไปทบทวน เพื่อขอเพิ่มกองทุนต่อไป
3. กองทุนระดับซี หรือปานกลาง ที่ยังคงมีจุดอ่อนข้อบกพร่อง จากการที่สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ใช้ตัวชี้วัด แต่ยังได้คะแนนไม่ดี โดยพบว่า ยังมีปัญหาเรื่องระบบการเงิน เงินออม และระบบบัญชีที่ไม่ได้มาตรฐาน จำนวน 4,594 กองทุน ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าจะต้องนำกองทุนในกลุ่มนี้เข้าแผนฟื้นฟูฯ โดยจะให้ความรู้ความช่วยเหลือในการจัดการบัญชี และเงินออมของสมาชิก โดยตั้งเป้าว่าจะสามารถเห็นผลในเดือนตุลาคม
4. กองทุนระดับดี มีหนี้ที่ค้างชำระ คณะกรรมการไม่มีการดำเนินการ จำนวน 4,769 กองทุน ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าจะต้องเข้าแผนฟื้นฟูฯ อย่างใกล้ชิดเป็นรายกองทุน
5. กองทุนที่มีปัญหาไม่สามารถขับเคลื่อน หรือเดินหน้าได้ ซึ่งต้องดูแลอย่างเข้มข้น ต้องบังคับใช้กฎหมาย และเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ จำนวน 581 กองทุน
6. กองทุนทหาร จำนวน 738 กองทุน ซึ่งถือเป็นกองทุนในรูปแบบพิเศษ เนื่องจากตั้งอยู่ในกรมกองทหาร ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าจะต้องมีการจัดอนุกรรมการพิเศษเข้าไปดูแลเพิ่มเติม
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่า ในส่วนแผนฟื้นฟูฯนั้น จะเริ่มดำเนินการในวันที่ 15 ส.ค.-15 พ.ย.58 โดยจะดำเนินการให้เป็นรูปธรรม และจำแนกว่า จะสามารถช่วยเหลือ และเพิ่มทุนได้อย่างไรบ้าง ขณะที่กลุ่มที่ไม่จำเป็นต้องใช้แผนฟื้นฟูนั้น ทางคณะกรรมการก็จะมีการพิจารณาเป็นรายเดือน และคณะกรรมการจะพยายามช่วยเหลือให้ได้มากที่สุด หากกองทุนใดไม่สามารถเดินหน้าได้จริง ก็จะมีการหามาตรการพิเศษในการช่วยเหลือ เพราะไม่อยากตัดกองทุนใดออกไป เนื่องจากสมาชิกกองทุนจะเป็นคนได้ประโยชน์
นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า กองทุนนี้จะแบ่งออกเป็น 6 ประเภทได้แก่
1. กองทุนที่ได้มีการยื่นเรื่องขอเพิ่มทุนระยะที่สามแล้ว แต่ยังมีข้อมูลที่ยังไม่สมบูรณ์ จำนวน 2,360 กองทุน ซึ่งคณะกรรมการฯ ตั้งเป้าว่าจะสามารถอนุมัติเพิ่มทุนได้ภายในเดือนกันยายนนี้ และในที่ประชุมได้มีการอนุมัติให้เพิ่มทุนไปแล้ว 768 กองทุนในกลุ่มนี้
2. กองทุนในกลุ่มเอ และ บี ที่ถือเป็นกองทุนในระดับดีมีศักยภาพสูง แต่ไม่ประสงค์ที่จะขอเพิ่มทุนระยะที่สาม เพราะเพียงพอต่อการดำเนินการแล้ว จำนวน 5,524 กองทุน ซึ่งทางคณะกรรมการให้กองทุนดังกล่าวกลับไปทบทวน เพื่อขอเพิ่มกองทุนต่อไป
3. กองทุนระดับซี หรือปานกลาง ที่ยังคงมีจุดอ่อนข้อบกพร่อง จากการที่สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ใช้ตัวชี้วัด แต่ยังได้คะแนนไม่ดี โดยพบว่า ยังมีปัญหาเรื่องระบบการเงิน เงินออม และระบบบัญชีที่ไม่ได้มาตรฐาน จำนวน 4,594 กองทุน ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าจะต้องนำกองทุนในกลุ่มนี้เข้าแผนฟื้นฟูฯ โดยจะให้ความรู้ความช่วยเหลือในการจัดการบัญชี และเงินออมของสมาชิก โดยตั้งเป้าว่าจะสามารถเห็นผลในเดือนตุลาคม
4. กองทุนระดับดี มีหนี้ที่ค้างชำระ คณะกรรมการไม่มีการดำเนินการ จำนวน 4,769 กองทุน ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าจะต้องเข้าแผนฟื้นฟูฯ อย่างใกล้ชิดเป็นรายกองทุน
5. กองทุนที่มีปัญหาไม่สามารถขับเคลื่อน หรือเดินหน้าได้ ซึ่งต้องดูแลอย่างเข้มข้น ต้องบังคับใช้กฎหมาย และเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ จำนวน 581 กองทุน
6. กองทุนทหาร จำนวน 738 กองทุน ซึ่งถือเป็นกองทุนในรูปแบบพิเศษ เนื่องจากตั้งอยู่ในกรมกองทหาร ซึ่งคณะกรรมการเห็นว่าจะต้องมีการจัดอนุกรรมการพิเศษเข้าไปดูแลเพิ่มเติม
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่า ในส่วนแผนฟื้นฟูฯนั้น จะเริ่มดำเนินการในวันที่ 15 ส.ค.-15 พ.ย.58 โดยจะดำเนินการให้เป็นรูปธรรม และจำแนกว่า จะสามารถช่วยเหลือ และเพิ่มทุนได้อย่างไรบ้าง ขณะที่กลุ่มที่ไม่จำเป็นต้องใช้แผนฟื้นฟูนั้น ทางคณะกรรมการก็จะมีการพิจารณาเป็นรายเดือน และคณะกรรมการจะพยายามช่วยเหลือให้ได้มากที่สุด หากกองทุนใดไม่สามารถเดินหน้าได้จริง ก็จะมีการหามาตรการพิเศษในการช่วยเหลือ เพราะไม่อยากตัดกองทุนใดออกไป เนื่องจากสมาชิกกองทุนจะเป็นคนได้ประโยชน์