วานนี้ (5 ส.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึง การลงนามในคำสั่งให้ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ซึ่งถูกย้ายให้มาปฏิบัติราชการ ที่สำนักนายกรัฐมนตรี กลับไปปฏิบัติราชการที่ สธ.ตามเดิมว่า ให้เขากลับไป เพราะการสอบสวนยังไม่ชัดเจน ซึ่งตนเคยบอกแล้วว่า หากไม่ชัดเจนในเรื่องของความผิด ก็ให้กลับไปทำงานไปก่อน ถือว่าให้เกียรติกัน เพราะเป็นระดับผู้ใหญ่แล้ว และ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข ก็เป็นผู้ใหญ่ คงเข้าใจกัน ซึ่งเจตนารมณ์ของตน การสอบสวนก็ไม่ได้ชัดเจนว่า มีความผิดมากมายตรงไหน แต่เรื่องอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเกี่ยวข้องกับการทุจริต คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เขาก็สอบอยู่ ไม่ว่าจะเรื่องสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) หรือ เรื่องที่มีข่าว ก็สอบทั้งหมด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ต้องมาดูกฎหมายว่า รัฐธรรมนูญในช่วงที่เปลี่ยนผ่าน จะต้องมีรัฐธรรมนูญที่รัดกุมแค่ไหน ให้ความเป็นธรรมกับคนเท่าไร แล้วก็สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไหมว่า อนาคตจะเป็นอย่างไร คือถ้าเรามองว่าประชาธิปไตยอย่างเดียว สิทธิ เสรีภาพ อย่างเดียว หน้าที่มันก็หายไป แล้วก็จะวุ่นวายเหมือนเดิม ประเทศอื่นเขาก็วุ่นแบบเรา เขาวุ่นมานานแล้ว แต่เขาใช้วิธีการมาดูเรา แล้วเราจะทำอย่างไร จะแข็งขืนได้แค่ไหน แต่ก็ไม่ได้มากนัก ซึ่งเราต้องแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวว่า เรากำลังเจอปัญหากันอยู่นะ คนทั้งประเทศทั้งภาคส่วนก็ยอมรับว่า เรามีปัญหา นักการเมืองก็ยอมรับว่ามีปัญหา เรื่องกระบวนการยุติธรรม ก็ไปสู้กัน เพราะทุกคนก็ต้องกล้าทำ กล้ารับ กันอยู่แล้ว ถ้าไม่ผิด ก็ไม่มีโทษ ไม่มีภัยกันอยู่แล้ว ผิดก็ผิด เดี๋ยวก็จบ
**ยันไม่พบความผิดกรณีความขัดแย้ง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า เดิมมีการสอบข้อเท็จจริง กรณีความขัดแย้งภายในกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต และกระทรวงฯ แจ้งว่าระหว่างการสอบสวน หากนพ.ณรงค์ ยังอยู่ที่กระทรวงฯ จะทำให้การค้นหาพยานยุ่งยาก นายกฯ จึงมีคำสั่งสำนักนายกฯ ให้ นพ.ณรงค์ มาช่วยราชการเป็นการชั่วคราว แต่ยังดำรงตำแหน่งเดิม
" เมื่อผลสอบไม่พบการกระทำผิด และมีการรายงานต่อรองนายกฯ ที่รับผิดชอบแล้ว จะเอาเก็บไว้ต่อก็ยาก เพราะเอาเขาออกมาเพื่อรอสอบ สอบแล้วว่าไม่ผิด ก็ต้องส่งกลับ แต่ระหว่างที่นพ.ณรงค์ มาอยู่ที่ทำเนียบฯ มีการกล่าวหาเรื่องใหม่ เกี่ยวกับการทำผิดวินัย กระทรวงสาธารณสุข จึงตั้งกรรมการสอบของทางกระทรวง และผลที่ออกมาทำนองว่า เหมือนจะมีมูล จึงทำให้มีคนถามว่า เมื่อผลสอบมีมูล แล้วทำไมจึงส่งกลับไป คำตอบคือ ที่ส่งกลับไปก็เพราะว่า ตอนเขามา มาโดยคำสั่งสำนักนายกฯ เมื่อไม่ผิด ก็ต้องออกคำสั่งส่งเขากลับไป แต่กรณีที่ไปสอบอีกเรื่องหนึ่ง ก็เป็นเรื่องของกระทรวงฯ เมื่อกลับไปแล้ว จะสอบต่อ หรือไม่ ก็เป็นเรื่องของกระทรวงที่จะต้องดำเนินการตามอำนาจของผู้บังคับบัญชา หรือ รมว.สาธารณสุข " นายวิษณุ กล่าว
เมื่อถามว่า คำสั่งให้ นพ.ณรงค์ กลับไปปฏิบัติหน้าที่เดิม มีการกำหนดเงื่อนไข หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นเงื่อนไขที่เอาเป็นเอาตาย แต่เรารู้ว่า ปัญหามันมี จึงต้องทำความเข้าใจ และแนะนำว่า ระหว่าง 1-2 เดือน ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ หากมีการบริหารงานบุคคล หรือทำงานเกี่ยวข้องกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ขอให้มีการปรึกษากับ รมว.สาธารณสุข และปฏิบัติตามนโยบายของ รมว. ตามแบบอย่างที่ปลัดกระทรวงพึงปฏิบัติ แต่ก็มีบางเรื่องที่เป็นอำนาจปลัด เหมือนที่มีคำพูดว่า ในกระทรวง รมต.ตั้งได้คนเดียว คือ ปลัด นอกจากนั้นปลัดเป็นคนตั้งทั้งหมด จะบอกให้ปรึกษากับรมต.ทั้งหมด ก็ไม่ใช่ แต่ให้ลองคุยร่วมกัน หรือประสานงานกับรมต.ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเช้าวานนี้ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ได้เดินทางไปทำงานที่กระทรวง โดยมีข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สธ.จำนวนมาก มารอต้อนรับ พร้อมชูป้ายให้กำลังใจ และขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่คืนความสุขให้แก่คนกระทรวงสาธารณสุข นอกจากนี้ ยังพบว่า มีบุคลากรสาธารณสุขส่วนหนึ่งได้นำแห่ขบวนกลองยาวรอบสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 3 รอบ เพื่อรำแก้บน ถวายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หลังเคยบนไว้ว่าให้นพ.ณรงค์ ได้กลับกระทรวงฯ
ทั้งนี้ นพ.ณรงค์ ได้เข้าสักการะสิ่งศักด์สิทธิ์ประจำกระทรวงฯ อาทิ พระพุทธนิรามัย ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ศาลพระพรหม พระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งระหว่างนั้น บุคลากรที่มารอต้อนรับต่างตะโกนร้องต้อนรับว่า "กลับบ้านเรา รักรออยู่" พร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจ จากนั้นจึงขึ้นไปสักการะพระพุทธรูป และพระสยามเทวาธิราช ในห้องทำงานบริเวณชั้น 3 ของอาคารสำนักงานปลัดฯ ก่อนเข้าไปยังห้องประชุม เพื่อพบปะกับบุคลากรทั้งจากส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคที่มาต้อนรับ
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ขอบคุณนายกฯ ที่ช่วยคืนศักดิ์ศรีข้าราชการให้แก่ตนเอง ครอบครัว และข้าราชการทั้งประเทศ เพราะเมื่อตรวจสอบแล้วไม่พบอะไร ก็ต้องคืนศักดิ์ศรี ซึ่งที่ผ่านมา ตนเคารพในการตัดสินใจของนายกฯ ซึ่งมีภาระที่หนักมากในการปฏิรูปประเทศ โดยนายกฯอยากเห็นภาพ สธ. ในความปรองดองและสมานฉันท์ สำหรับการเดินหน้างานในกระทรวงฯ ก่อนที่จะเกษียณในอีก 2 เดือนนี้ คือ
1. อยากให้ทุกคนก้าวข้ามความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในอดีต และก้ามข้ามตัวบุคคล เพราะไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี หรือปลัดฯ ก็ไม่มีใครอยู่ไปตลอด โดยขอให้มองไปในอนาคตว่า จะทำอย่างไรให้กระทรวงฯ เป็นปึกแผ่น ร่วมเดินไปด้วยกันอย่างไร ทำงานอย่างจริงจัง เมื่อถึงเวลาเกษียณกลับไปก็อยากให้คนพูดถึงเรา ว่าได้ทำอะไรให้กับกระทรวงฯ บ้าง
2. การปฏิรูปนั้นมีกลไกระดับชาติ ทั้งในส่วนของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็คงให้ความร่วมมือเพื่อแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ
3. จัดทำกรอบแผนกำลังคนของ สธ. เพื่อแก้ปัญหาความขาดแคลน และความเหลื่อมล้ำ เพื่อบอกต่อสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ว่า เมื่อขาดบุคลากรเมื่อเทียบกับปริมาณงานจะหาทางออกอย่างไร โดยจะทำให้เห็นเป็นรูปธรรมเพื่อเสนอต่อนายกฯ 4. จะเดินหน้างานพัฒนาการเด็ก เนื่องจากนายกฯ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ส่วนค่าตอบแทนนั้นก็จะเดินหน้าตามมติเดิมที่มีอยู่ โดยช่วงสัปดาห์หน้า จะทำการเรียกประชุมผู้บริหารทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี มีเงื่อนไข 3 ข้อ ต่อปลัดสธ.ในการคืนกลับมายังสธ. โดยไม่ให้มีการโยกย้ายข้าราชการ ห้ามแตะสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และต้องปฏิบัติตามคำสั่งรมว.สธ. นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นเงื่อนไขดังกล่าว ซึ่งในส่วนของการโยกย้ายข้าราชการ เป็นช่วงที่ทุกกระทรวงมีการเกษียณ ต้องมีการปรับย้าย ก็คงต้องดูภาพใหญ่ในระดับประเทศ ว่าจะดำเนินการอย่างไร และเมื่อไร ส่วนกรณี สปสช. นั้นก็มีมติบอร์ด สปสช. ที่ต้องดำเนินการตามอยู่แล้ว ช่วงนี้ที่ต้องหารือคือ เรื่องงบกองทุนหลักประกันสุขภาพฯ ขาลงในปี 2559 จะดำเนินการอย่างไร เพื่อให้วันที่ 1 ต.ค. 58 เดินหน้าได้ ขณะที่การปฏิบัติตามคำสั่งรัฐมนตรี สธ.นั้นก็ถือเป็นเรื่องปกติที่ต้องแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกลุ่มชมรมแพทย์ชนบท ยื่นเรื่องต่อรัฐมนตรี สธ. ให้สอบสวนข้อเท็จจริง กรณีอาจผิดวินัยข้าราชการ นพ.ณรงค์ กล่าวว่า เรื่องนี้ก็ต้องไปพิสูจน์ความจริง
เมื่อถามว่า ช่วงนี้พยายามเดินหน้าเรื่องสร้างความเป็นเอกภาพใน สธ. แต่อาจยังมีบางกลุ่ม เช่น แพทย์ชนบท ที่อาจยังเห็นต่าง นพ.ณรงค์ กล่าวว่า อยากให้มองภาพใหญ่ เพราะสาธารณสุข มีมากกว่า 20 วิชาชีพ มีหลายกลุ่ม หลายระดับ ก็ต้องพยายามทำให้ความเห็นตรงกัน ซึ่งเรื่องเขตสุขภาพนั้น จะช่วยแก้ปัญหาที่มีอยู่ แต่ยอมรับว่า ความเห็นไม่ตรงกันถือเป็นเรื่องธรรมดา ก็อยากให้มองว่า คนส่วนน้อยหรือคนส่วนใหญ่ ที่เราต้องนึกถึง
** "รัชตะ" พร้อมทำงานร่วมปลัด สธ.
ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆ ว่า จากนี้ไปก็คงทำงานด้วยกันต่อ คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนผลสอบข้อเท็จจริงวินัย ปลัดสธ. ตามที่ชมรมแพทย์ชนบท ยื่นเรื่องมานั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาอยู่
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีกระแสข่าวหากปลัด สธ. กลับคืนกระทรวงฯ แล้ว ศ.นพ.รัชตะ จะลาออกจากตำแหน่งรมว.สธ. นั้น ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงข่าวลือ ยืนยันว่ายังคงทำงานต่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ณรงค์ ได้เข้าพบ ศ.นพ.รัชตะ และ นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รมช.สาธารณสุข ที่ห้องทำงานชั้น 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อรายงานตัว ก่อนที่จะลงมาร่วมประชุมผู้บริหารกระทรวงฯ ร่วมกันในเวลา 14.00 น.
นพ.ธานินทร์ สีวราภรณ์สกุล ผู้อำนวยการ รพ.พระนครศรีอยุธยา และประธานชมรมโรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไป (รพศ.รพท.) กล่าวว่า ชมรมฯ อยู่ในกำกับของสธ. และทำงานเรื่องระบบบริการสุขภาพมาตลอด ถึงแม้ปลัด สธ. จะกลับมา หรือไม่กลับมา พวกเราชาวสธ. ก็ทำงาน เพียงแต่เมื่อนายกฯ มีคำสั่งให้ปลัดฯกลับคืน ถือเป็นเรื่องดีในแง่การสร้างขวัญและกำลังใจให้คนทำงาน โดยเฉพาะคนทำงานที่ดี จะส่งผลในแง่ของจิตใจมากกว่า
นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ประจำ รพ.สอยดาว จ.จันทบุรี กล่าวว่า วันนี้มาเพื่อให้กำลังใจ มาเพื่อต้อนรับนาย ส่วนกรณีที่นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ ถึงเงื่อนไข 3 ข้อนั้น ในเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้ายเป็นเรื่องธรรมดาที่ดำเนินการตามวาระอยู่แล้ว ที่สำคัญ นพ.ณรงค์ กำลังจะเกษียณอายุราชการในอีก 2 เดือน คงไม่มีใครเข้าไปยุ่ง ส่วนที่ห้ามยุ่งเกี่ยวกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นเรื่องธรรมดา ต่างคนต่างทำงาน ใครกดขี่ใคร ใครเอารัดเอาเปรียบ ใครเบียดบังประชาชนก็รู้กัน และกรณีที่ต้องปฏิบัติตามนโยบายของ นพ.รัชตะ นั้นเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว เพราะที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นนโยบายของปลัดกระทรวงทั้งนั้น ทั้งเรื่องเด็ก เรื่องผู้สูงอายุ ที่ผ่านมาไม่ได้มีการกระทำที่เป็นการขัดนโยบายเลย
**หมอชนบทยังหวังสอบวินัยร้ายแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชมรมแพทย์ชนบท ได้มีการโพสต์ข้อความย้ำว่า "การกลับมาครั้งนี้ ทางรัฐมนตรีดูนิ่งมาก เพราะอาจรับไม้ต่อจากการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่ชมรมแพทย์ชนบทร้องไว้ โดยอาจมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ จากนั้น ก็แจ้งข้อกล่าวหา เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา และดำเนินการไปตามแนวทางการสอบวินัย ที่ระเบียบกฎหมายกำหนดต่อไป และแม้หมอณรงค์ จะพ้นราชการไปแล้ว การสอบก็ต้องดำเนินการต่อไป"
ทั้งนี้ ชมรมแพทย์ชนบท ยังโพสต์เอกสารโดยสรุปถึงผลการสืบสวนข้อเท็จจริง นพ.ณรงค์ โดยกรณีดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสุขภาพจิตมีการเบิกค่ารถประจำตำแหน่ง และมีการใช้รถยนต์ของทางราชการอีก โดยกรณีนี้คณะกรรมการตรวจสอบเห็นว่า มีมูล และควรตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงต่อไป แต่กรรมการ 1 ท่าน แย้งว่า ควรตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ต้องมาดูกฎหมายว่า รัฐธรรมนูญในช่วงที่เปลี่ยนผ่าน จะต้องมีรัฐธรรมนูญที่รัดกุมแค่ไหน ให้ความเป็นธรรมกับคนเท่าไร แล้วก็สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไหมว่า อนาคตจะเป็นอย่างไร คือถ้าเรามองว่าประชาธิปไตยอย่างเดียว สิทธิ เสรีภาพ อย่างเดียว หน้าที่มันก็หายไป แล้วก็จะวุ่นวายเหมือนเดิม ประเทศอื่นเขาก็วุ่นแบบเรา เขาวุ่นมานานแล้ว แต่เขาใช้วิธีการมาดูเรา แล้วเราจะทำอย่างไร จะแข็งขืนได้แค่ไหน แต่ก็ไม่ได้มากนัก ซึ่งเราต้องแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวว่า เรากำลังเจอปัญหากันอยู่นะ คนทั้งประเทศทั้งภาคส่วนก็ยอมรับว่า เรามีปัญหา นักการเมืองก็ยอมรับว่ามีปัญหา เรื่องกระบวนการยุติธรรม ก็ไปสู้กัน เพราะทุกคนก็ต้องกล้าทำ กล้ารับ กันอยู่แล้ว ถ้าไม่ผิด ก็ไม่มีโทษ ไม่มีภัยกันอยู่แล้ว ผิดก็ผิด เดี๋ยวก็จบ
**ยันไม่พบความผิดกรณีความขัดแย้ง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า เดิมมีการสอบข้อเท็จจริง กรณีความขัดแย้งภายในกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต และกระทรวงฯ แจ้งว่าระหว่างการสอบสวน หากนพ.ณรงค์ ยังอยู่ที่กระทรวงฯ จะทำให้การค้นหาพยานยุ่งยาก นายกฯ จึงมีคำสั่งสำนักนายกฯ ให้ นพ.ณรงค์ มาช่วยราชการเป็นการชั่วคราว แต่ยังดำรงตำแหน่งเดิม
" เมื่อผลสอบไม่พบการกระทำผิด และมีการรายงานต่อรองนายกฯ ที่รับผิดชอบแล้ว จะเอาเก็บไว้ต่อก็ยาก เพราะเอาเขาออกมาเพื่อรอสอบ สอบแล้วว่าไม่ผิด ก็ต้องส่งกลับ แต่ระหว่างที่นพ.ณรงค์ มาอยู่ที่ทำเนียบฯ มีการกล่าวหาเรื่องใหม่ เกี่ยวกับการทำผิดวินัย กระทรวงสาธารณสุข จึงตั้งกรรมการสอบของทางกระทรวง และผลที่ออกมาทำนองว่า เหมือนจะมีมูล จึงทำให้มีคนถามว่า เมื่อผลสอบมีมูล แล้วทำไมจึงส่งกลับไป คำตอบคือ ที่ส่งกลับไปก็เพราะว่า ตอนเขามา มาโดยคำสั่งสำนักนายกฯ เมื่อไม่ผิด ก็ต้องออกคำสั่งส่งเขากลับไป แต่กรณีที่ไปสอบอีกเรื่องหนึ่ง ก็เป็นเรื่องของกระทรวงฯ เมื่อกลับไปแล้ว จะสอบต่อ หรือไม่ ก็เป็นเรื่องของกระทรวงที่จะต้องดำเนินการตามอำนาจของผู้บังคับบัญชา หรือ รมว.สาธารณสุข " นายวิษณุ กล่าว
เมื่อถามว่า คำสั่งให้ นพ.ณรงค์ กลับไปปฏิบัติหน้าที่เดิม มีการกำหนดเงื่อนไข หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นเงื่อนไขที่เอาเป็นเอาตาย แต่เรารู้ว่า ปัญหามันมี จึงต้องทำความเข้าใจ และแนะนำว่า ระหว่าง 1-2 เดือน ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ หากมีการบริหารงานบุคคล หรือทำงานเกี่ยวข้องกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ขอให้มีการปรึกษากับ รมว.สาธารณสุข และปฏิบัติตามนโยบายของ รมว. ตามแบบอย่างที่ปลัดกระทรวงพึงปฏิบัติ แต่ก็มีบางเรื่องที่เป็นอำนาจปลัด เหมือนที่มีคำพูดว่า ในกระทรวง รมต.ตั้งได้คนเดียว คือ ปลัด นอกจากนั้นปลัดเป็นคนตั้งทั้งหมด จะบอกให้ปรึกษากับรมต.ทั้งหมด ก็ไม่ใช่ แต่ให้ลองคุยร่วมกัน หรือประสานงานกับรมต.ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเช้าวานนี้ นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)ได้เดินทางไปทำงานที่กระทรวง โดยมีข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สธ.จำนวนมาก มารอต้อนรับ พร้อมชูป้ายให้กำลังใจ และขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่คืนความสุขให้แก่คนกระทรวงสาธารณสุข นอกจากนี้ ยังพบว่า มีบุคลากรสาธารณสุขส่วนหนึ่งได้นำแห่ขบวนกลองยาวรอบสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข 3 รอบ เพื่อรำแก้บน ถวายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หลังเคยบนไว้ว่าให้นพ.ณรงค์ ได้กลับกระทรวงฯ
ทั้งนี้ นพ.ณรงค์ ได้เข้าสักการะสิ่งศักด์สิทธิ์ประจำกระทรวงฯ อาทิ พระพุทธนิรามัย ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ศาลพระพรหม พระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งระหว่างนั้น บุคลากรที่มารอต้อนรับต่างตะโกนร้องต้อนรับว่า "กลับบ้านเรา รักรออยู่" พร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจ จากนั้นจึงขึ้นไปสักการะพระพุทธรูป และพระสยามเทวาธิราช ในห้องทำงานบริเวณชั้น 3 ของอาคารสำนักงานปลัดฯ ก่อนเข้าไปยังห้องประชุม เพื่อพบปะกับบุคลากรทั้งจากส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคที่มาต้อนรับ
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ขอบคุณนายกฯ ที่ช่วยคืนศักดิ์ศรีข้าราชการให้แก่ตนเอง ครอบครัว และข้าราชการทั้งประเทศ เพราะเมื่อตรวจสอบแล้วไม่พบอะไร ก็ต้องคืนศักดิ์ศรี ซึ่งที่ผ่านมา ตนเคารพในการตัดสินใจของนายกฯ ซึ่งมีภาระที่หนักมากในการปฏิรูปประเทศ โดยนายกฯอยากเห็นภาพ สธ. ในความปรองดองและสมานฉันท์ สำหรับการเดินหน้างานในกระทรวงฯ ก่อนที่จะเกษียณในอีก 2 เดือนนี้ คือ
1. อยากให้ทุกคนก้าวข้ามความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในอดีต และก้ามข้ามตัวบุคคล เพราะไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี หรือปลัดฯ ก็ไม่มีใครอยู่ไปตลอด โดยขอให้มองไปในอนาคตว่า จะทำอย่างไรให้กระทรวงฯ เป็นปึกแผ่น ร่วมเดินไปด้วยกันอย่างไร ทำงานอย่างจริงจัง เมื่อถึงเวลาเกษียณกลับไปก็อยากให้คนพูดถึงเรา ว่าได้ทำอะไรให้กับกระทรวงฯ บ้าง
2. การปฏิรูปนั้นมีกลไกระดับชาติ ทั้งในส่วนของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก็คงให้ความร่วมมือเพื่อแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ
3. จัดทำกรอบแผนกำลังคนของ สธ. เพื่อแก้ปัญหาความขาดแคลน และความเหลื่อมล้ำ เพื่อบอกต่อสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ว่า เมื่อขาดบุคลากรเมื่อเทียบกับปริมาณงานจะหาทางออกอย่างไร โดยจะทำให้เห็นเป็นรูปธรรมเพื่อเสนอต่อนายกฯ 4. จะเดินหน้างานพัฒนาการเด็ก เนื่องจากนายกฯ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ส่วนค่าตอบแทนนั้นก็จะเดินหน้าตามมติเดิมที่มีอยู่ โดยช่วงสัปดาห์หน้า จะทำการเรียกประชุมผู้บริหารทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี มีเงื่อนไข 3 ข้อ ต่อปลัดสธ.ในการคืนกลับมายังสธ. โดยไม่ให้มีการโยกย้ายข้าราชการ ห้ามแตะสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และต้องปฏิบัติตามคำสั่งรมว.สธ. นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นเงื่อนไขดังกล่าว ซึ่งในส่วนของการโยกย้ายข้าราชการ เป็นช่วงที่ทุกกระทรวงมีการเกษียณ ต้องมีการปรับย้าย ก็คงต้องดูภาพใหญ่ในระดับประเทศ ว่าจะดำเนินการอย่างไร และเมื่อไร ส่วนกรณี สปสช. นั้นก็มีมติบอร์ด สปสช. ที่ต้องดำเนินการตามอยู่แล้ว ช่วงนี้ที่ต้องหารือคือ เรื่องงบกองทุนหลักประกันสุขภาพฯ ขาลงในปี 2559 จะดำเนินการอย่างไร เพื่อให้วันที่ 1 ต.ค. 58 เดินหน้าได้ ขณะที่การปฏิบัติตามคำสั่งรัฐมนตรี สธ.นั้นก็ถือเป็นเรื่องปกติที่ต้องแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกลุ่มชมรมแพทย์ชนบท ยื่นเรื่องต่อรัฐมนตรี สธ. ให้สอบสวนข้อเท็จจริง กรณีอาจผิดวินัยข้าราชการ นพ.ณรงค์ กล่าวว่า เรื่องนี้ก็ต้องไปพิสูจน์ความจริง
เมื่อถามว่า ช่วงนี้พยายามเดินหน้าเรื่องสร้างความเป็นเอกภาพใน สธ. แต่อาจยังมีบางกลุ่ม เช่น แพทย์ชนบท ที่อาจยังเห็นต่าง นพ.ณรงค์ กล่าวว่า อยากให้มองภาพใหญ่ เพราะสาธารณสุข มีมากกว่า 20 วิชาชีพ มีหลายกลุ่ม หลายระดับ ก็ต้องพยายามทำให้ความเห็นตรงกัน ซึ่งเรื่องเขตสุขภาพนั้น จะช่วยแก้ปัญหาที่มีอยู่ แต่ยอมรับว่า ความเห็นไม่ตรงกันถือเป็นเรื่องธรรมดา ก็อยากให้มองว่า คนส่วนน้อยหรือคนส่วนใหญ่ ที่เราต้องนึกถึง
** "รัชตะ" พร้อมทำงานร่วมปลัด สธ.
ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆ ว่า จากนี้ไปก็คงทำงานด้วยกันต่อ คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนผลสอบข้อเท็จจริงวินัย ปลัดสธ. ตามที่ชมรมแพทย์ชนบท ยื่นเรื่องมานั้น อยู่ระหว่างการพิจารณาอยู่
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีกระแสข่าวหากปลัด สธ. กลับคืนกระทรวงฯ แล้ว ศ.นพ.รัชตะ จะลาออกจากตำแหน่งรมว.สธ. นั้น ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงข่าวลือ ยืนยันว่ายังคงทำงานต่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ณรงค์ ได้เข้าพบ ศ.นพ.รัชตะ และ นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รมช.สาธารณสุข ที่ห้องทำงานชั้น 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อรายงานตัว ก่อนที่จะลงมาร่วมประชุมผู้บริหารกระทรวงฯ ร่วมกันในเวลา 14.00 น.
นพ.ธานินทร์ สีวราภรณ์สกุล ผู้อำนวยการ รพ.พระนครศรีอยุธยา และประธานชมรมโรงพยาบาลศูนย์โรงพยาบาลทั่วไป (รพศ.รพท.) กล่าวว่า ชมรมฯ อยู่ในกำกับของสธ. และทำงานเรื่องระบบบริการสุขภาพมาตลอด ถึงแม้ปลัด สธ. จะกลับมา หรือไม่กลับมา พวกเราชาวสธ. ก็ทำงาน เพียงแต่เมื่อนายกฯ มีคำสั่งให้ปลัดฯกลับคืน ถือเป็นเรื่องดีในแง่การสร้างขวัญและกำลังใจให้คนทำงาน โดยเฉพาะคนทำงานที่ดี จะส่งผลในแง่ของจิตใจมากกว่า
นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ประจำ รพ.สอยดาว จ.จันทบุรี กล่าวว่า วันนี้มาเพื่อให้กำลังใจ มาเพื่อต้อนรับนาย ส่วนกรณีที่นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ ถึงเงื่อนไข 3 ข้อนั้น ในเรื่องของการแต่งตั้งโยกย้ายเป็นเรื่องธรรมดาที่ดำเนินการตามวาระอยู่แล้ว ที่สำคัญ นพ.ณรงค์ กำลังจะเกษียณอายุราชการในอีก 2 เดือน คงไม่มีใครเข้าไปยุ่ง ส่วนที่ห้ามยุ่งเกี่ยวกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นเรื่องธรรมดา ต่างคนต่างทำงาน ใครกดขี่ใคร ใครเอารัดเอาเปรียบ ใครเบียดบังประชาชนก็รู้กัน และกรณีที่ต้องปฏิบัติตามนโยบายของ นพ.รัชตะ นั้นเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว เพราะที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นนโยบายของปลัดกระทรวงทั้งนั้น ทั้งเรื่องเด็ก เรื่องผู้สูงอายุ ที่ผ่านมาไม่ได้มีการกระทำที่เป็นการขัดนโยบายเลย
**หมอชนบทยังหวังสอบวินัยร้ายแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชมรมแพทย์ชนบท ได้มีการโพสต์ข้อความย้ำว่า "การกลับมาครั้งนี้ ทางรัฐมนตรีดูนิ่งมาก เพราะอาจรับไม้ต่อจากการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่ชมรมแพทย์ชนบทร้องไว้ โดยอาจมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์ จากนั้น ก็แจ้งข้อกล่าวหา เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา และดำเนินการไปตามแนวทางการสอบวินัย ที่ระเบียบกฎหมายกำหนดต่อไป และแม้หมอณรงค์ จะพ้นราชการไปแล้ว การสอบก็ต้องดำเนินการต่อไป"
ทั้งนี้ ชมรมแพทย์ชนบท ยังโพสต์เอกสารโดยสรุปถึงผลการสืบสวนข้อเท็จจริง นพ.ณรงค์ โดยกรณีดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสุขภาพจิตมีการเบิกค่ารถประจำตำแหน่ง และมีการใช้รถยนต์ของทางราชการอีก โดยกรณีนี้คณะกรรมการตรวจสอบเห็นว่า มีมูล และควรตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงต่อไป แต่กรรมการ 1 ท่าน แย้งว่า ควรตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรง