วานนี้ (26ก.ค.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวคัดค้าน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะทำหนังสือ และร่างกฎกระทรวงว่าด้วย การสอบสวนคดีอาญาโดยพนักงานสอบสวนฝ่ายตำรวจ เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ลงนามประกาศใช้ โดยให้อำนาจการสอบสวนในคดีอาญาแก่ตำรวจเพียงหน่วยเดียว
"ผมขอคัดค้านการเสนอร่างกฎกระทรวงดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรี และขอให้นายกฯโปรดระวังการถูกหลอกใช้จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ"
นายวัชระ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เคยลงนามใน คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 115 มาแล้ว ซึ่งเป็นการตัดอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ในการเรียกดูสำนวนการสั่งไม่ฟ้องของตำรวจและอัยการ โดยนำอำนาจดังกล่าวไปให้ผู้บัญชาการภาคของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้พิจารณาแทน ถือเป็นความไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งกับประชาชนมากรณีหนึ่งแล้ว และในกรณีนี้ นายกฯกำลังจะถูกหลอกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้งหนึ่ง ในการเสนอให้ลงนามในกฎกระทรวงดังกล่าว
ทั้งนี้ สาเหตุที่ตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการลงนามกฎกระทรวงดังกล่าว คือ 1. การที่ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ มีอำนาจตามข้อบังคับกระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2522 ในการตรวจสอบการควบคุมของตำรวจ เป็นหลักการตรวจสอบถ่วงดุลที่ดีอยู่แล้ว และเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาทุกประการ
2. การปฏิบัติที่ผ่านมาของพนักงานสอบสวน หากทำโดยสุจริต เที่ยงธรรม ระมัดระวัง จะไม่มีปัญหาแต่ประการใด
3. การที่ พล.ต.อ.สมยศ ระบุว่า มีปัญหาเรื่องอำนาจทับซ้อนในการใช้กฎหมาย ถือว่าได้รายงานเท็จ เพราะไม่มีการทับซ้อนในการใช้อำนาจแต่ประการใด ที่ผ่านมาฝ่ายปกครองในฐานะผู้บังคับบัญชาตามกฎหมาย จะใช้อำนาจได้เฉพาะในกรณีที่ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น
4. หากนายกฯ ลงนาม จะส่งผลให้ตัดทอนอำนาจของฝ่ายปกครองอย่างสิ้นเชิง ประชาชนที่เดือดร้อนทั่วประเทศจากการใช้อำนาจไม่เป็นธรรมของตำรวจ จะไม่มีที่พึ่งในระดับอำเภอ และจังหวัด ปราศจากการตรวจสอบภายนอก และยังขัดต่อร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังร่างอยู่ในปัจจุบัน ที่มุ่งเน้นให้มีการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจอีกด้วย
" ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้กรุณาระงับการลงนามใน ร่าง กฎกระทรวงดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นการลิดรอนสิทธิ เสรีภาพของพี่น้องประชาชน และกำชับให้ ผบ.ตร. ปฏิบัติตามข้อบังคับของกระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2522 ทุกประการ เพราะที่ผ่านมามีปัญหาในการใช้อำนาจของตำรวจ มีการเป่าคดี ยัดคดี ไม่ให้ความเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชน ถ้าสั่งไม่ฟ้อง ก็จะถามว่าซองอยู่ไหน แม้กระทั่งผม ซึ่งเป็นอดีต ส.ส. ก็ถูกสถานีตำรวจบ้านนาสารเป่าคดีมาแล้ว ซึ่งต้องมาฟ้องขอความเป็นธรรมต่อศาลอาญาที่กรุงเทพมหานคร และศาลอาญาได้ประทับรับฟ้อง และนัดรับฟังคำพิพากษาใน คดีนี้แล้ว ในขณะที่สถานีตำรวจบ้านนาสารนั้น เห็นควรสั่งไม่ฟ้อง ตรงนี้ชัดเจนว่า ตำรวจได้มีการตั้งศาลเตี้ย ไม่ให้ความเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชน" นายวัชระ กล่าว
**จี้สอบ ผบ.ตร.ไม่ถอดยศ"แม้ว"
นายวัชระ กล่าวด้วยว่า ตนสนับสนุนให้มีการปฏิรูปตำรวจ ให้แยกงานสอบสวนออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เป็นอิสระตามข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูปตำรจ ซึ่งมี พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป เป็นประธาน หากพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ทำการปฏิรูปตำรวจ ตนจะเสนอให้เป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ได้ต่อไป เพราะหากไม่ปฏิรูป ประชาชนจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการสืบสวนสอบสวนเท่าที่ควร
"พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รีบเร่งจะซื้ออาวุธปืน 150,000 กระบอก รีบเร่งที่จะเปิดบ่อนกาสิโน รีบเร่งที่จะเสนอกฎกระทรวง ที่จะผูกขาดอำนาจการสอบสวนไว้ที่ตำรวจฝ่ายเดียว แต่ไม่รีบเร่งปฏิบัติหน้าที่ราชการในการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ ตามกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความรวดเร็ว ขอเรียกร้องให้ท่านปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้โปรดตั้งอนุกรรมการไต่ส่วนต่อ พล.ต.อ.สมยศ ที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 157 จากกรณีที่ไม่มีการดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเจตนาชัดเจนแล้วว่าต้องการประวิงเวลา ไม่ดำเนินการถอดยศในขณะที่ตนเองมีอำนาจเป็น ผบ.ตร." นายวัชระ กล่าว
นายวัชระ ชี้แจงต่อไปว่า กฎกระทรวงดังกล่าว เป็นการซุ่มเงียบ ร่างเสนอส่งไปยังนายกฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นการหมกเม็ด ลักไก่ และยัดไส้ เบ็ดเสร็จโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งไม่สอดคล้องกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ตัดอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ไม่ให้เข้ามามีส่วนในการสืบสวนสอบสวนคดีอาญา การที่พนักงานฝ่ายปกครองมีอำนาจหน้าที่นั้น สามารถที่จะตรวจสอบถ่วงดุลกับฝ่ายพนักงานสอบสวน ไกล่เกลี่ยคดีให้จบได้โดยไม่ต้องถึงชั้นศาล และเพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนในชนบทได้ ในปัจจุบันตำรวจกับโจร แยกแยะกันไม่ออก เพราะในแต่ละวันมีเรื่องราวเกิดขึ้นเป็นประจำว่า ตำรวจทำในสิ่งผิดกฎหมาย และ วันนี้ (27 ก.ค.) เวลา 10.00 น. ตนจะไปยื่นหนังสือเพื่อคัดค้านร่างกฎกระทรวงดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ถึงนายกฯ ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล ในฐานะ อดีต ส.ส. ตนขอทักนายกฯว่า อย่ายอมให้ พล.ต.อ.สมยศ หลอกใช้อีกต่อไป ถ้าอยากรู้ว่าภาพพจน์ตำรวจเป็นอย่างไร ให้สอบถามประชาชนทั่วประเทศว่า ประชาชนไว้ใจตำรวจหรือทหารมากกว่ากัน ผบ.ตร. ควรพิจารณาตัวเองได้แล้ว เรื่องดังกล่าว หากข้าราชการไม่มาบอกสื่อ ก็ไม่มีใครทราบ เป็นการดำเนินการร่างแบบผูกขาดลับๆ ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตนไม่ยินยอมให้ใช้อำนาจเผด็จการแต่เพียงฝ่ายเดียว
**ชี้มาตรฐานการเลือก กสม.ตกต่ำลง
นายวัชระ ยังกล่าวถึงกรณีที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กำลังตรวจสอบประวัติ และคุณสมบัติ ของผู้ได้รับการสรรหาเป็น กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ทั้ง 7 คน ว่า การสรรหาคณะกรรมสิทธิฯ ชุดนี้ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ว่า องค์กรอิสระนี้ เป็นโบนัสของข้าราชการเกษียณหรือไม่ ทั้งที่เจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญระบุไว้ว่า ต้องมาจากหลากหลายกลุ่มบุคคลที่ทำงานส่งเสริม ต่อสู้เรื่องสิทธิมนุษยชน สิทธิของประชาชนเป็นที่ประจักษ์ แต่ปรากฏว่า ใน 7 คนนี้ มีหมอสองคน หนึ่งเชี่ยวชาญผ่าตัดหัวใจ ไม่ได้ทำงานทำงานช่วยเหลือในเรื่องสิทธิกันมาก่อน มี 2 คน กลุ่มคนทำงาน กฏหมายผู้พิพากษาสมทบ รวมทั้งต้องร้องเพลงคาราโอเกะกับประธาน สนช. มี 4 คน และตนรู้จักหลายคน แต่คนที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนนั้น ตนรู้จักเพียงคนเดียว
"อยากจะถามสังคมว่า เราเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปสังคม ทำไมมาตรฐาน การเลือกกรรมการสิทธิฯ ถึงมีมาตรฐานที่ต่ำลง ใครอยากทำงานด้านสิทธิฯ ก็ต้องหัดร้องเพลงคาราโอเกะกับประธาน สนช. ด้วยหรือไม่ ยุคนี้ได้ชื่อว่ายุคปฏิรูปสมัยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หากเพียงแค่จับคู่ร้องเพลงกับ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้วได้เป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือเป็นเพื่อนร่วมรุ่นวปอ. กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วจะเป็นอะไรก็ได้ หรือจบเซ็นต์คาเบรียล หรือ จปร. แล้วจะเป็นรัฐมนตรี อะไรก็ได้ คงไม่ใช่คำตอบขอวการปฏิรูปที่แท้จริง ขอท่านพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา อย่าลืมปณิธานอันแน่วแน่ในวันแรกที่ยึดอำนาจการปกครองประเทศ อย่าให้ลาภ ยศ สรรเสริญ มารบกวนตามตั้งใจในการปฏิรูปประเทศของท่าน หากมีเสียงท้วงติงการสรรหาคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชุดใหม่ สนช. ก็ควรรับฟังอย่างรอบด้าน เพราะเป็นงานที่ต้องทำด้วยจิตวิญญาณ มิใช่เพียงแฟชั้นร้องเพลงโชว์เท่านั้น" นายวัชระ กล่าว
"ผมขอคัดค้านการเสนอร่างกฎกระทรวงดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรี และขอให้นายกฯโปรดระวังการถูกหลอกใช้จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ"
นายวัชระ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เคยลงนามใน คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 115 มาแล้ว ซึ่งเป็นการตัดอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ในการเรียกดูสำนวนการสั่งไม่ฟ้องของตำรวจและอัยการ โดยนำอำนาจดังกล่าวไปให้ผู้บัญชาการภาคของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้พิจารณาแทน ถือเป็นความไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งกับประชาชนมากรณีหนึ่งแล้ว และในกรณีนี้ นายกฯกำลังจะถูกหลอกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้งหนึ่ง ในการเสนอให้ลงนามในกฎกระทรวงดังกล่าว
ทั้งนี้ สาเหตุที่ตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการลงนามกฎกระทรวงดังกล่าว คือ 1. การที่ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ มีอำนาจตามข้อบังคับกระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2522 ในการตรวจสอบการควบคุมของตำรวจ เป็นหลักการตรวจสอบถ่วงดุลที่ดีอยู่แล้ว และเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาทุกประการ
2. การปฏิบัติที่ผ่านมาของพนักงานสอบสวน หากทำโดยสุจริต เที่ยงธรรม ระมัดระวัง จะไม่มีปัญหาแต่ประการใด
3. การที่ พล.ต.อ.สมยศ ระบุว่า มีปัญหาเรื่องอำนาจทับซ้อนในการใช้กฎหมาย ถือว่าได้รายงานเท็จ เพราะไม่มีการทับซ้อนในการใช้อำนาจแต่ประการใด ที่ผ่านมาฝ่ายปกครองในฐานะผู้บังคับบัญชาตามกฎหมาย จะใช้อำนาจได้เฉพาะในกรณีที่ประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น
4. หากนายกฯ ลงนาม จะส่งผลให้ตัดทอนอำนาจของฝ่ายปกครองอย่างสิ้นเชิง ประชาชนที่เดือดร้อนทั่วประเทศจากการใช้อำนาจไม่เป็นธรรมของตำรวจ จะไม่มีที่พึ่งในระดับอำเภอ และจังหวัด ปราศจากการตรวจสอบภายนอก และยังขัดต่อร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังร่างอยู่ในปัจจุบัน ที่มุ่งเน้นให้มีการตรวจสอบถ่วงดุลอำนาจอีกด้วย
" ขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้กรุณาระงับการลงนามใน ร่าง กฎกระทรวงดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นการลิดรอนสิทธิ เสรีภาพของพี่น้องประชาชน และกำชับให้ ผบ.ตร. ปฏิบัติตามข้อบังคับของกระทรวงมหาดไทย พ.ศ. 2522 ทุกประการ เพราะที่ผ่านมามีปัญหาในการใช้อำนาจของตำรวจ มีการเป่าคดี ยัดคดี ไม่ให้ความเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชน ถ้าสั่งไม่ฟ้อง ก็จะถามว่าซองอยู่ไหน แม้กระทั่งผม ซึ่งเป็นอดีต ส.ส. ก็ถูกสถานีตำรวจบ้านนาสารเป่าคดีมาแล้ว ซึ่งต้องมาฟ้องขอความเป็นธรรมต่อศาลอาญาที่กรุงเทพมหานคร และศาลอาญาได้ประทับรับฟ้อง และนัดรับฟังคำพิพากษาใน คดีนี้แล้ว ในขณะที่สถานีตำรวจบ้านนาสารนั้น เห็นควรสั่งไม่ฟ้อง ตรงนี้ชัดเจนว่า ตำรวจได้มีการตั้งศาลเตี้ย ไม่ให้ความเป็นธรรมกับพี่น้องประชาชน" นายวัชระ กล่าว
**จี้สอบ ผบ.ตร.ไม่ถอดยศ"แม้ว"
นายวัชระ กล่าวด้วยว่า ตนสนับสนุนให้มีการปฏิรูปตำรวจ ให้แยกงานสอบสวนออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เป็นอิสระตามข้อเสนอของคณะกรรมการปฏิรูปตำรจ ซึ่งมี พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป เป็นประธาน หากพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ทำการปฏิรูปตำรวจ ตนจะเสนอให้เป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ได้ต่อไป เพราะหากไม่ปฏิรูป ประชาชนจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการสืบสวนสอบสวนเท่าที่ควร
"พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รีบเร่งจะซื้ออาวุธปืน 150,000 กระบอก รีบเร่งที่จะเปิดบ่อนกาสิโน รีบเร่งที่จะเสนอกฎกระทรวง ที่จะผูกขาดอำนาจการสอบสวนไว้ที่ตำรวจฝ่ายเดียว แต่ไม่รีบเร่งปฏิบัติหน้าที่ราชการในการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ ตามกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาล ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความรวดเร็ว ขอเรียกร้องให้ท่านปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้โปรดตั้งอนุกรรมการไต่ส่วนต่อ พล.ต.อ.สมยศ ที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 157 จากกรณีที่ไม่มีการดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเจตนาชัดเจนแล้วว่าต้องการประวิงเวลา ไม่ดำเนินการถอดยศในขณะที่ตนเองมีอำนาจเป็น ผบ.ตร." นายวัชระ กล่าว
นายวัชระ ชี้แจงต่อไปว่า กฎกระทรวงดังกล่าว เป็นการซุ่มเงียบ ร่างเสนอส่งไปยังนายกฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นการหมกเม็ด ลักไก่ และยัดไส้ เบ็ดเสร็จโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งไม่สอดคล้องกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ตัดอำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ไม่ให้เข้ามามีส่วนในการสืบสวนสอบสวนคดีอาญา การที่พนักงานฝ่ายปกครองมีอำนาจหน้าที่นั้น สามารถที่จะตรวจสอบถ่วงดุลกับฝ่ายพนักงานสอบสวน ไกล่เกลี่ยคดีให้จบได้โดยไม่ต้องถึงชั้นศาล และเพื่ออำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนในชนบทได้ ในปัจจุบันตำรวจกับโจร แยกแยะกันไม่ออก เพราะในแต่ละวันมีเรื่องราวเกิดขึ้นเป็นประจำว่า ตำรวจทำในสิ่งผิดกฎหมาย และ วันนี้ (27 ก.ค.) เวลา 10.00 น. ตนจะไปยื่นหนังสือเพื่อคัดค้านร่างกฎกระทรวงดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ถึงนายกฯ ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล ในฐานะ อดีต ส.ส. ตนขอทักนายกฯว่า อย่ายอมให้ พล.ต.อ.สมยศ หลอกใช้อีกต่อไป ถ้าอยากรู้ว่าภาพพจน์ตำรวจเป็นอย่างไร ให้สอบถามประชาชนทั่วประเทศว่า ประชาชนไว้ใจตำรวจหรือทหารมากกว่ากัน ผบ.ตร. ควรพิจารณาตัวเองได้แล้ว เรื่องดังกล่าว หากข้าราชการไม่มาบอกสื่อ ก็ไม่มีใครทราบ เป็นการดำเนินการร่างแบบผูกขาดลับๆ ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตนไม่ยินยอมให้ใช้อำนาจเผด็จการแต่เพียงฝ่ายเดียว
**ชี้มาตรฐานการเลือก กสม.ตกต่ำลง
นายวัชระ ยังกล่าวถึงกรณีที่ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กำลังตรวจสอบประวัติ และคุณสมบัติ ของผู้ได้รับการสรรหาเป็น กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ทั้ง 7 คน ว่า การสรรหาคณะกรรมสิทธิฯ ชุดนี้ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ว่า องค์กรอิสระนี้ เป็นโบนัสของข้าราชการเกษียณหรือไม่ ทั้งที่เจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญระบุไว้ว่า ต้องมาจากหลากหลายกลุ่มบุคคลที่ทำงานส่งเสริม ต่อสู้เรื่องสิทธิมนุษยชน สิทธิของประชาชนเป็นที่ประจักษ์ แต่ปรากฏว่า ใน 7 คนนี้ มีหมอสองคน หนึ่งเชี่ยวชาญผ่าตัดหัวใจ ไม่ได้ทำงานทำงานช่วยเหลือในเรื่องสิทธิกันมาก่อน มี 2 คน กลุ่มคนทำงาน กฏหมายผู้พิพากษาสมทบ รวมทั้งต้องร้องเพลงคาราโอเกะกับประธาน สนช. มี 4 คน และตนรู้จักหลายคน แต่คนที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนนั้น ตนรู้จักเพียงคนเดียว
"อยากจะถามสังคมว่า เราเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปสังคม ทำไมมาตรฐาน การเลือกกรรมการสิทธิฯ ถึงมีมาตรฐานที่ต่ำลง ใครอยากทำงานด้านสิทธิฯ ก็ต้องหัดร้องเพลงคาราโอเกะกับประธาน สนช. ด้วยหรือไม่ ยุคนี้ได้ชื่อว่ายุคปฏิรูปสมัยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หากเพียงแค่จับคู่ร้องเพลงกับ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้วได้เป็นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หรือเป็นเพื่อนร่วมรุ่นวปอ. กับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วจะเป็นอะไรก็ได้ หรือจบเซ็นต์คาเบรียล หรือ จปร. แล้วจะเป็นรัฐมนตรี อะไรก็ได้ คงไม่ใช่คำตอบขอวการปฏิรูปที่แท้จริง ขอท่านพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา อย่าลืมปณิธานอันแน่วแน่ในวันแรกที่ยึดอำนาจการปกครองประเทศ อย่าให้ลาภ ยศ สรรเสริญ มารบกวนตามตั้งใจในการปฏิรูปประเทศของท่าน หากมีเสียงท้วงติงการสรรหาคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติชุดใหม่ สนช. ก็ควรรับฟังอย่างรอบด้าน เพราะเป็นงานที่ต้องทำด้วยจิตวิญญาณ มิใช่เพียงแฟชั้นร้องเพลงโชว์เท่านั้น" นายวัชระ กล่าว