นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธามูลนิธิมัลลิกาเพื่อประชาชน กล่าวว่าอยากเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ใช้อำนาจ มาตรา 44 ในรัฐธรรมนูญ ชั่วคราวปี 2557 ให้เป็นประโยชน์สูงสุดต่อแผ่นดิน และประชาชนมากกว่านี้ โดยเฉพาะเกี่ยวกับปัญหาในคดีที่กฎหมายปกติ และกระบวนยุติธรรมปกติ ทำไม่ได้หรือทำได้ช้า เพราะความล่าช้าคือความไม่เป็นธรรมเช่นกัน เช่น คดีที่ดินของชาวหนองกินเพล อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี หลังถูกอดีต ส.ส. นายทุน และเจ้าหน้าที่รัฐ ร่วมกันออกโฉนดที่ดิน ในที่ดินของชาวบ้านเป็นหมื่นๆไร่ และยังมีคดีลักษณะเดียวกันนี้ยังมีอยู่มาก จึงขอให้พล.อ.ประยุทธ์ ได้ออกคำสั่งตรวจสอบทุกจังหวัด ถ้าจังหวัดใดข้อมูลเล็ดรอดให้ลงโทษผู้ว่าฯและผู้บังคับการจังหวัดทหารบก พร้อมทั้งเปิดรับเรื่องร้องทุกข์ด้านคดีพิเศษจากประชาชนโดยตรงถึงนายกรัฐมนตรีในช่วงอำนาจพิเศษนี้
นางมัลลิกา กล่าวต่อว่า นายกฯ สามารถสั่งปฏิรูปทุกหน่วยงานด้านที่ดินทั้งหมด ให้บูรณาการร่วมกันในภารกิจหลัก โดยกำหนดเป็นนโยบายและกำหนดระยะเวลาดำเนินการให้ชัดเจน เช่น สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร กระทรวงเกษตรฯ กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ สำนักงานโฉนดชุมชน สำนักนายกรัฐมนตรี กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เป็นต้น โดย ต้องออกสำรวจข้อมูลปัจจุบันแล้ว สรุปรายงานการถือครองที่ดินที่ถูกต้อง และไม่ถูกต้อง หรือที่กำลังแก้ไข โดยเฉพาะสำนักงาน สปก.ซึ่งมีอยู่ทุกจังหวัด ต้องควบคุมเป็นพิเศษ เพราะขณะนี้มีการถือครองทำประโยชน์และทำกินที่ไม่ใช่เกษตรกรตามระเบียบและกฎหมายจำนวนมาก รวมทั้งข้อมูลในท้องที่จะสามารถระบุได้ว่าผู้ครอบครองประโยชน์ใช้นอมินีมาแอบอ้างหรือไม่
" มาตรา 44 ของท่านนายกฯ ควรใช้กับเรื่องยากๆ ไม่ใช่ไปใช้ทับกับอำนาจของ ผบ.ตร. ประเภท ปิดผับ จับเด็กแว้น เรื่องพวกนี้ถ้าผบ.ตร. ทำไม่ได้ ก็ต้องพิจารณาตัวเอง แต่เรื่องใหญ่ๆ ระดับชาติที่หมักหมม พล.อ.ประยุทธ์ ต้องพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ผ่าตัดเปลี่ยนแปลงแก้ไขปัญหาใหญ่ๆที่ไม่มีใครกล้าแตะ เช่น เรื่องอิทธิพล เรื่องที่ดินทำกินชาวบ้านกับการถือครองที่ผิดกฎหมาย จากการใช้อำนาจรัฐหรือข้าราชการของรัฐเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุน มีจำนวนมาก ที่ทำเป็นไฟไหม้ฟาง ไม่ทำจริง บางรายถึงขนาดออกเงินกู้นอกระบบ คิดดอกแพงๆ แล้วฮุบที่ดินทั้งแปลงก่อนจะปล่อยให้เจ้าของที่ดินเช่าทำกินด้วยซ้ำมีหลายรูปแบบ" นาง มัลลิกา กล่าว
นางมัลลิกา กล่าวต่อว่า นายกฯ สามารถสั่งปฏิรูปทุกหน่วยงานด้านที่ดินทั้งหมด ให้บูรณาการร่วมกันในภารกิจหลัก โดยกำหนดเป็นนโยบายและกำหนดระยะเวลาดำเนินการให้ชัดเจน เช่น สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร กระทรวงเกษตรฯ กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ สำนักงานโฉนดชุมชน สำนักนายกรัฐมนตรี กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เป็นต้น โดย ต้องออกสำรวจข้อมูลปัจจุบันแล้ว สรุปรายงานการถือครองที่ดินที่ถูกต้อง และไม่ถูกต้อง หรือที่กำลังแก้ไข โดยเฉพาะสำนักงาน สปก.ซึ่งมีอยู่ทุกจังหวัด ต้องควบคุมเป็นพิเศษ เพราะขณะนี้มีการถือครองทำประโยชน์และทำกินที่ไม่ใช่เกษตรกรตามระเบียบและกฎหมายจำนวนมาก รวมทั้งข้อมูลในท้องที่จะสามารถระบุได้ว่าผู้ครอบครองประโยชน์ใช้นอมินีมาแอบอ้างหรือไม่
" มาตรา 44 ของท่านนายกฯ ควรใช้กับเรื่องยากๆ ไม่ใช่ไปใช้ทับกับอำนาจของ ผบ.ตร. ประเภท ปิดผับ จับเด็กแว้น เรื่องพวกนี้ถ้าผบ.ตร. ทำไม่ได้ ก็ต้องพิจารณาตัวเอง แต่เรื่องใหญ่ๆ ระดับชาติที่หมักหมม พล.อ.ประยุทธ์ ต้องพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ผ่าตัดเปลี่ยนแปลงแก้ไขปัญหาใหญ่ๆที่ไม่มีใครกล้าแตะ เช่น เรื่องอิทธิพล เรื่องที่ดินทำกินชาวบ้านกับการถือครองที่ผิดกฎหมาย จากการใช้อำนาจรัฐหรือข้าราชการของรัฐเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุน มีจำนวนมาก ที่ทำเป็นไฟไหม้ฟาง ไม่ทำจริง บางรายถึงขนาดออกเงินกู้นอกระบบ คิดดอกแพงๆ แล้วฮุบที่ดินทั้งแปลงก่อนจะปล่อยให้เจ้าของที่ดินเช่าทำกินด้วยซ้ำมีหลายรูปแบบ" นาง มัลลิกา กล่าว