ASTVผู้จัดการรายวัน-ผบช.ภ.1 เผยเตรียมประสานญี่ปุ่นขอข้อมูลและคำให้การ “คำรณวิทย์” คดีพกปืนจิ๋วขึ้นเครื่อง คาดเชิญตัวมาสอบสัปดาห์หน้า เผยช่วงนี้ให้เวลาพักผ่อนไปก่อน ยันตนทำงานเร็ว ไม่ล้มมวย พร้อมสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาทำงานบนข้อเท็จจริง อย่าเอาอารมณ์ส่วนตัวมาเกี่ยว
พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้รับการปล่อยตัว หลังพกพาอาวุธขึ้นเครื่องบินที่ประเทศญี่ปุ่น และเดินทางกลับถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังทำสำนวนเพื่อประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อให้ทางญี่ปุ่นส่งข้อมูลคำให้การข้อเท็จจริงทั้งหมดมาที่ประเทศไทย รวมทั้งปืนที่ยึดไว้ด้วย
สำหรับการเชิญตัว พล.ต.ท.คำรณวิทย์มาสอบนั้น น่าจะเชิญตัวมาในสัปดาห์หน้า ตอนนี้มีการประสานไปแล้วพบว่าพักผ่อนอยู่ที่ต่างจังหวัด
"ให้ท่านพักก่อน ขอยืนยันว่าผมทำงานเร็ว ไม่ช้า ไม่ทำงานจริง ไม่ใช่ผม และยังได้บอกผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนให้ทำงานกันเต็มที่ อย่าให้มีการเอาอารมณ์ส่วนตัวมาใช้ ไม่มีการล้มมวย ตนไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ แต่แค่ทำงานให้เต็มที่ ยืนอยู่บนข้อเท็จจริง"พล.ต.ท.อำนวยกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และอธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ ได้ออกมาระบุว่า ขณะนี้สำนักงานอัยการสูงสุดยังไม่ได้รับการประสานใดๆ จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่หากได้รับหนังสือจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่จะประสานขอข้อมูลคำให้การ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหากได้รับมาแล้ว ตามขั้นตอนก็ต้องมีการแปลเอกสารและคำขอต่างๆ ที่จะขอความร่วมมือจากทางการญี่ปุ่นเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด โดยการส่งหนังสือก็จะเป็นไปตาม พ.ร.บ.ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาระหว่างประเทศ พ.ศ. 2535 ที่จะมีอัยการสูงสุดลงนามในฐานะผู้ประสานงานกลาง หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดลงนาม แล้วส่งต่อผ่านวิถีทางการทูตด้วยการส่งหนังสือและคำขอไปยังกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพื่อส่งเอกสารทุกอย่างไปยังทางการญี่ปุ่น แต่อาจจะใช้ระยะเวลาในช่วงการแปลเอกสารและรวบรวมเอกสารประกอบคำร้องขอ
ส่วนจะได้รับข้อมูลจากทางการญี่ปุ่นเมื่อใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทางการญี่ปุ่น ซึ่งทางปฏิบัติระหว่างประเทศ ไทยและญี่ปุ่นได้ให้ความร่วมมือกันดี จึงคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาในการประสานขอข้อมูลคำให้การ
พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้รับการปล่อยตัว หลังพกพาอาวุธขึ้นเครื่องบินที่ประเทศญี่ปุ่น และเดินทางกลับถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังทำสำนวนเพื่อประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อให้ทางญี่ปุ่นส่งข้อมูลคำให้การข้อเท็จจริงทั้งหมดมาที่ประเทศไทย รวมทั้งปืนที่ยึดไว้ด้วย
สำหรับการเชิญตัว พล.ต.ท.คำรณวิทย์มาสอบนั้น น่าจะเชิญตัวมาในสัปดาห์หน้า ตอนนี้มีการประสานไปแล้วพบว่าพักผ่อนอยู่ที่ต่างจังหวัด
"ให้ท่านพักก่อน ขอยืนยันว่าผมทำงานเร็ว ไม่ช้า ไม่ทำงานจริง ไม่ใช่ผม และยังได้บอกผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนให้ทำงานกันเต็มที่ อย่าให้มีการเอาอารมณ์ส่วนตัวมาใช้ ไม่มีการล้มมวย ตนไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ แต่แค่ทำงานให้เต็มที่ ยืนอยู่บนข้อเท็จจริง"พล.ต.ท.อำนวยกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายวันชัย รุจนวงศ์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และอธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ ได้ออกมาระบุว่า ขณะนี้สำนักงานอัยการสูงสุดยังไม่ได้รับการประสานใดๆ จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่หากได้รับหนังสือจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่จะประสานขอข้อมูลคำให้การ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหากได้รับมาแล้ว ตามขั้นตอนก็ต้องมีการแปลเอกสารและคำขอต่างๆ ที่จะขอความร่วมมือจากทางการญี่ปุ่นเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด โดยการส่งหนังสือก็จะเป็นไปตาม พ.ร.บ.ความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาระหว่างประเทศ พ.ศ. 2535 ที่จะมีอัยการสูงสุดลงนามในฐานะผู้ประสานงานกลาง หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดลงนาม แล้วส่งต่อผ่านวิถีทางการทูตด้วยการส่งหนังสือและคำขอไปยังกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพื่อส่งเอกสารทุกอย่างไปยังทางการญี่ปุ่น แต่อาจจะใช้ระยะเวลาในช่วงการแปลเอกสารและรวบรวมเอกสารประกอบคำร้องขอ
ส่วนจะได้รับข้อมูลจากทางการญี่ปุ่นเมื่อใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทางการญี่ปุ่น ซึ่งทางปฏิบัติระหว่างประเทศ ไทยและญี่ปุ่นได้ให้ความร่วมมือกันดี จึงคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาในการประสานขอข้อมูลคำให้การ