นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะผลักดันซื้อเรือดำน้ำ 3 ลำจากสาธารรัฐประชาชนจีน วงเงิน 36,000 ล้านบาท ตามข้อเสนอของกองทัพเรือ โดยจะตั้งเป็นงบผูกพัน 8-10 ปี ว่า ตนฟังเสียงของประชาชนทั่วไปแล้ว เขาไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องซื้อเรือดำน้ำมาใช้รุกรานใคร หรือป้องปรามใคร แค่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีศักยภาพเหลือเฟืออยู่แล้ว ทั้ง พม่า,กัมพูชา ต่างให้การยอมรับ ดังนั้น เรือดำน้ำที่จะซื้อจากจีนจึงไม่มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ หรือทางทหารแต่ประการใด สุดท้ายจะเหมือนโครงการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่จัดซื้อแทบเล็ตจากจีนนับหมื่นล้านบาท แล้วกลายเป็นเศษขยะ ในกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งการดันทุรังจัดซื้อเรือดำน้ำให้ได้โดยเร็วแต่เพียงประการเดียว ทำให้ถูกมองในแง่ลบจากประชาชนเป็นอย่างมาก ที่จริงกองทัพเรือ ควรเปิดเผยเรื่องโครงการติดตั้งอุปกรณ์ปล่อยเป้าลวงอาวุธนำวิถีของข้าศึก บน ร.ล.นเรศวร และ ร.ล.ตากสิน ต่อสาธารณชนให้โปร่งใสก่อน ท่านควรเอางบ 36,000 ล้านบาท มาสร้างโรงพยาบาลให้ประชาชนจะดีกว่า และหากจะซื้อจริงๆ ก็ควรให้ประชาชนลงประชามติในคราวเดียวกับร่างรัฐธรรมนูญไปเลย
"ในฐานะที่ผมเป็นอดีตโฆษกกรรมาธิการงบประมาณแผ่นดิน ต้องบอกเรื่องนี้ให้รัฐบาลทราบอย่างตรงไปตรงมา หากรัฐบาลตกลงซื้อเรือดำน้ำวันไหน วันนั้นความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อ คสช. จะดำดิ่งลงสู่ก้นมหาสมุทรทันที แล้วจะกอบกู้วิกฤตศรัทธาขึ้นมายาก เพราะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนัก ของแพง และรัฐบาลแก้ไขปัญหาปากท้องของชาวบ้านไม่ได้ ทหารเก่งในเรื่องการรบ และการยึดอำนาจ แต่ทหารไม่ชำนาญการบริหารประเทศ ท่านนายพลไม่ควรมองเสียงคัดค้านการซื้อเรือดำน้ำ ด้วยอาการฉุนเฉียว หรือใครจะครหาท่านในเรื่องใต้โต๊ะ หากท่านบริหารประเทศแล้วประชาชนปากท้องอิ่ม มีความสุข มีความมั่นคงกันถ้วนหน้า ท่านจะซื้อมากกว่านี้ ก็คงไม่มีใครว่า ที่สำคัญคือมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น จึงไม่ควรตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ และสำคัญที่สุดคือ เคยมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับเรื่องเรือดำน้ำนี้ ประทานโทษ ท่านเคยอ่านและน้อมใส่เกล้าใส่กระหม่อม บ้างหรือไม่" นายวัชระ กล่าว
"ในฐานะที่ผมเป็นอดีตโฆษกกรรมาธิการงบประมาณแผ่นดิน ต้องบอกเรื่องนี้ให้รัฐบาลทราบอย่างตรงไปตรงมา หากรัฐบาลตกลงซื้อเรือดำน้ำวันไหน วันนั้นความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อ คสช. จะดำดิ่งลงสู่ก้นมหาสมุทรทันที แล้วจะกอบกู้วิกฤตศรัทธาขึ้นมายาก เพราะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนัก ของแพง และรัฐบาลแก้ไขปัญหาปากท้องของชาวบ้านไม่ได้ ทหารเก่งในเรื่องการรบ และการยึดอำนาจ แต่ทหารไม่ชำนาญการบริหารประเทศ ท่านนายพลไม่ควรมองเสียงคัดค้านการซื้อเรือดำน้ำ ด้วยอาการฉุนเฉียว หรือใครจะครหาท่านในเรื่องใต้โต๊ะ หากท่านบริหารประเทศแล้วประชาชนปากท้องอิ่ม มีความสุข มีความมั่นคงกันถ้วนหน้า ท่านจะซื้อมากกว่านี้ ก็คงไม่มีใครว่า ที่สำคัญคือมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น จึงไม่ควรตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ และสำคัญที่สุดคือ เคยมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับเรื่องเรือดำน้ำนี้ ประทานโทษ ท่านเคยอ่านและน้อมใส่เกล้าใส่กระหม่อม บ้างหรือไม่" นายวัชระ กล่าว