เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ ( 7ก.ค.) ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 7 ก.ค. เป็นวันครบรอบอายุวัฒนะมงคล (วันเกิด) ปีที่ 66 ย่างเข้าปีที่ 67 ของพระสุเทพ ปภากโร ที่บริเวณบ้านดอนรัก อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นบ้านพักอาศัยของพระสุเทพ ระหว่างที่เป็นบรรพชิต ได้จัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระ 124 รูป จากวัดสวนโมกข์ และพระชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัด โดย มีบุคคลสำคัญเข้าร่วมในการทำบุญและร่วมในงาน อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ อดีต ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู รอง หน.พรรค นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายชุมพล จุลใส นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม นายสงกรานต์ จิตสุทธิภากร นายวิรัตน์ วิริยะพงษ์ นายสกลธี ภัททิยกุล และนายณัฐพล ทีปสุวรรณ นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผจว.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ท.เดชาวัต บุตรน้ำเพชร ผบช.ภ. 8 และประชาชนที่เคารพนับถือ อีกจำนวนกว่า 500 คน โดยการจัดงานครั้งนี้ พระสุเทพ ได้กล่าวไว้ว่า เป็นการจัดกันภายในหมู่ญาติพี่น้อง และคนที่เคารพ คนที่รู้จักเท่านั้น เพราะทุกปีจัดในพื้นที่ กทม. แต่ในปีนี้อยู่ในระหว่างที่บรรพชาอยู่ มีความไม่สะดวกหลายอย่าง จึงขอจัดที่บ้านดอนรักแทน
โอกาสนี้ พระสุเทพ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการปฎิบัติธรรมบรรพชาอุปสมบทหมู่ถวายในหลวง ที่เป็นผู้ริ่เริ่มโครงการว่าหลังจากลาสิกขาบทไปแล้ว โครงการก็ยังจะเดินหน้าต่อไป เพราะเป็นโครงการฯ ที่ทำขึ้นเพื่อให้ผู้ชายชาวไทย ทำเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง และสืบสานประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามของชาวพุทธทั้งหลายต่อไป ซึ่งจากที่ทำโครงการมา มีคนคนเข้าร่วม 8 รุ่น 641 คน ส่วนรุ่นที่ 9 ก่อนเข้าพรรษา ก็คาดว่าน่าจะเกินกว่า 60 คน และหลังจากเข้าพรรษา 3 เดือน ก็จะหยุดโครงการฯ จากนั้นจะเริ่มโครงการอีกครั้งในปลายเดือนต.ค.58
ทั้งนี้ ยืนยันว่า หากลาสึกแล้วก็ยังจะมีคนที่สานต่อในโครงการ อาทิ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฏร์ธานี เจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล (สวนโมกข์) และพระชั้นผู้ใหญ่ของวัด โดยตัวเองนั้นจะไปเป็นผู้ประสานของโครงการ โดยจะจัดหากองทุนเพื่อการบวชไว้ประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อใช้ในกิจกรรมดังกล่าว
พระสุเทพ กล่าวว่าหลังการสึก ก็จะไปทำงานภาคประชาชนในนาม "มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย" จะไปสร้างวิทยาลัยอาชีวะศึกษา โดยเบื้องต้นใช้ชื่อว่า" วิทยาลัยอาชีวะศึกษาภาวนาโพธิคุณ" เป็นแนววิถีพุทธ อยู่ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ที่มีลักษณะที่เป็นต้นแบบ ที่ผลิตบุคลากรออกไปรับใช้สังคม โดยเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพควบคู่คุณธรรม นักศึกษาจะต้องมีการฝึกไหว้พระภาวนา ฝึกการพออยู่ พอกิน ทุกวัน ซึ่งทุกคนต้องทำได้ เพราะเรียนฟรีทุกคน ซึ่งความคิดนี้อาจจะไปตรงกับความคิดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เคยกล่าวไว้ว่า ควรเน้นให้เด็กนักเรียน นักศึกษา เรียนในภาคอาชีวะมากขึ้น
เมื่อถามว่า หากลาสิกขาบทออกไปแล้วอาจจะมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองของอีกฝ่าย พระสุเทพ กล่าวว่า ไม่กลัว เพราะถ้าเราทำความดี เราก็ต้องไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
โอกาสนี้ พระสุเทพ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการปฎิบัติธรรมบรรพชาอุปสมบทหมู่ถวายในหลวง ที่เป็นผู้ริ่เริ่มโครงการว่าหลังจากลาสิกขาบทไปแล้ว โครงการก็ยังจะเดินหน้าต่อไป เพราะเป็นโครงการฯ ที่ทำขึ้นเพื่อให้ผู้ชายชาวไทย ทำเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวง และสืบสานประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามของชาวพุทธทั้งหลายต่อไป ซึ่งจากที่ทำโครงการมา มีคนคนเข้าร่วม 8 รุ่น 641 คน ส่วนรุ่นที่ 9 ก่อนเข้าพรรษา ก็คาดว่าน่าจะเกินกว่า 60 คน และหลังจากเข้าพรรษา 3 เดือน ก็จะหยุดโครงการฯ จากนั้นจะเริ่มโครงการอีกครั้งในปลายเดือนต.ค.58
ทั้งนี้ ยืนยันว่า หากลาสึกแล้วก็ยังจะมีคนที่สานต่อในโครงการ อาทิ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฏร์ธานี เจ้าอาวาสวัดธารน้ำไหล (สวนโมกข์) และพระชั้นผู้ใหญ่ของวัด โดยตัวเองนั้นจะไปเป็นผู้ประสานของโครงการ โดยจะจัดหากองทุนเพื่อการบวชไว้ประมาณ 10 ล้านบาท เพื่อใช้ในกิจกรรมดังกล่าว
พระสุเทพ กล่าวว่าหลังการสึก ก็จะไปทำงานภาคประชาชนในนาม "มูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย" จะไปสร้างวิทยาลัยอาชีวะศึกษา โดยเบื้องต้นใช้ชื่อว่า" วิทยาลัยอาชีวะศึกษาภาวนาโพธิคุณ" เป็นแนววิถีพุทธ อยู่ที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ที่มีลักษณะที่เป็นต้นแบบ ที่ผลิตบุคลากรออกไปรับใช้สังคม โดยเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพควบคู่คุณธรรม นักศึกษาจะต้องมีการฝึกไหว้พระภาวนา ฝึกการพออยู่ พอกิน ทุกวัน ซึ่งทุกคนต้องทำได้ เพราะเรียนฟรีทุกคน ซึ่งความคิดนี้อาจจะไปตรงกับความคิดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เคยกล่าวไว้ว่า ควรเน้นให้เด็กนักเรียน นักศึกษา เรียนในภาคอาชีวะมากขึ้น
เมื่อถามว่า หากลาสิกขาบทออกไปแล้วอาจจะมีการเคลื่อนไหวทางการเมืองของอีกฝ่าย พระสุเทพ กล่าวว่า ไม่กลัว เพราะถ้าเราทำความดี เราก็ต้องไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น