xs
xsm
sm
md
lg

“ทีวีแดง-เจ๊ติ๋ม”ฟ้องกสทช. เหตุปิดช่อง-ละเลยแผนแม่บท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- "พีซทีวี" ฟ้องศาลปกครองกรณีสถานีถูกปิด พร้อมเรียกค่าเสียหาย 15 ล้าน ด้าน "เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล" ฟ้องขอยกเลิกสัมปทานไทยทีวี เรียกชดใช้กว่า 700 ล้าน เลขาธิการกสทช.ยันทวงเงินเพื่อส่งรายได้เข้าแผ่นดิน พร้อมเดินหน้าทำตามกระบวนการเดิมจนกว่าศาลจะมีคำสั่ง ส่วนเรื่องพีซทีวีฟ้องก็สามารถทำได้ เพราะเข้าใจเรื่องการทำธุรกิจ แต่ติดใจเรื่องเรียกร้องค่าเสียหาย

วานนี้ (30มิ.ย.) นายธนเดช พ่วงพูล ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจจาก บริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด นายจตุพร พรหมพันธุ์ และพวกรวม 5 ราย เข้ายื่นฟ้อง คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาสำนักงาน กสทช. พ.อ.นที ศุกลรัตน์ พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ งามสง่า นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการ กิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ (กสท.) เสียงข้างมาก ที่มีมติเพิกถอนใบอนุญาตออกอากาศ พีซทีวี ต่อศาลปกครอง เพื่อขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่ง กสทช. ที่เพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการของบริษัท พีซ เทเลวิชั่น จำกัด และ คำสั่งที่ให้บริษัท วีซายท์ เทเลคอม จำกัด ระงับการให้บริการออกอากาศช่องพีซทีวี ในฐานะเป็นผู้ให้บริการโครงข่าย รวมทั้งให้ ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งหมดชดใช้ค่าเสียหายจากการที่สถานีถูกปิดจำนวน 15 ล้านบาท พร้อมอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี

นายธนเดช กล่าวว่า เหตุที่เพิ่งมาฟ้องคดีเนื่องจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) เพิ่งจะมีความเห็นว่า การสั่งปิดสถานีเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยก่อนมีมติสั่งปิดสถานี กรรมการกสท. ไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดว่า ให้มีการแจ้งเตือนให้มีการเรียกผู้ประกอบการมาชี้แจง จึงถือว่าคำสั่งที่ออกมาไม่ชอบ ซึ่งในการฟ้องครั้งนี้ได้ขอให้ กสทช. ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 15 ล้านบาท เนื่องจากระยะที่ถูกปิด 2 เดือน บริษัทมีค่าเสียหายจากการไม่ได้ออกอากาศ เดือนละ 7.5 ล้านบาท พร้อมกับขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวระหว่างการพิจารณาคดี โดยสั่งให้ระงับคำสั่งปิดพีซทีวี ของ กสทช.ไว้ก่อนและให้สถานีสามารถออกอากาศได้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา

วันเดียวกันนี้ นายสุชาติ ชมกุล ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย หรือ "ติ๋ม ทีวีพูล" กรรมการผู้มีอำนาจบริษัทไทยทีวี จำกัด เข้ายื่นฟ้องคณะกรรมการ กสทช. ขอให้ศาลมีคำสั่งให้การประมูลคลื่นความถี่เพื่อให้บริการโทรทัศน์ในระบบดิจิตอลของบริษัทไทยทีวีเป็นโมฆะทั้งหมด เพิกถอนหนังสือ กสทช. ฉบับลงวันที่ 28 พ.ค.58 ฉบับลงวันที่ 5 มิ.ย. 58 ที่ให้บริษัทไทยทีวี ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตใช้คลื่นความถี่งวดที่ 2 และฉบับลงวันที่ 22 มิ.ย.58 ที่ยกเลิกให้บริษัทไทยทีวีได้รับอนุญาตให้ใช้คลื่นฯ พร้อมกับให้ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่ให้ใช้คลื่นความถี่ฯ และให้ศาลสั่ง กสทช.คืนหนังสือค้ำประกันของธนาคารกรุงเทพ จำนวน 16 ฉบับ ลงวันที่ 10 ก.พ.57 รวมทั้งคืนค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ฯที่บริษัทได้ชำระไปแล้วก่อนหน้านี้เป็นเงิน 365,512,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 บาทต่อปี นับแต่วันฟ้องจนชำระเสร็จสิ้น และค่าเสียหายจากการกระทำของ กสทช.จำนวน 713,828,282.94 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อปี

นายสุชาติ กล่าวว่า ที่มาฟ้องเพราะกสทช. ละเลยต่อหน้าที่ตามที่แผนแม่บทกิจการวิทยุโทรทัศน์กำหนด และผิดต่อ พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 และระหว่างพิจารณาดี ขอให้ศาลสั่งให้ไม่ให้กสทช. ยึดเงินค้ำประกันของธนาคารกรุงเทพ ซึ่งตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา กสทช.ไม่ได้ดำเนินการตามแผนแม่บทที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการขยายโครงข่ายสัญญาณทีวีดิจิตอลที่ล่าช้า การประชาสัมพันธ์ ล้มเหลว ทำให้ผู้ชมไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่ให้ไทยทีวีชำระเงินค่าสัมปทานตรงตามกำหนด การที่ยื่นขอให้ศาลสั่งให้การให้บริการของไทยทีวีเป็นโมฆะ ไม่ได้กระทบต่อสาธารณประโยชน์มากนั้น เพราะทุกวันนี้ผู้ชมก็ไม่ได้เข้าถึงอยู่แล้ว

***'ฐากร'ลั่นต้องทวงเงินช่อง'เจ๊ติ๋ม'ส่งเข้ารัฐ

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า ช่องพีซทีวีสามารถฟ้องกสทช.ที่ศาลปกครองได้ โดยในกรณีไทยทีวีนั้น กสทช.ยืนยันว่าสิ่งที่ทำ ไม่ได้ทำเพราะเป็นเงินส่วนตัวแต่เป็นเงินของรัฐ ซึ่งกสทช.ต้องนำเงินที่ได้จากการประมูลส่งเข้าเป็นรายได้ของแผ่นดิน ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลว่าจะตัดสินอย่างไร โดยที่ผ่านมาทีวีดิจิตอลทั้ง22ช่องต่างก็จ่ายทั้งค่าประมูลงวดที่ 2และ ค่าธรรมเนียมรายปีกันมาครบหมดแล้ว ขาดแค่ 2ช่องของบริษัท ไทยทีวี คือ ช่องไทยทีวี และช่องโลก้า เท่านั้น

ดังนั้นการฟ้องร้องจึงไม่ควรฟ้องกสทช.ด้วยเหตุผลว่าจะไม่จ่ายเงินจำนวนดังกล่าว แต่หากจะฟ้องควรฟ้องเฉพาะเรื่องที่กสทช.ไม่ดำเนินการเยียวยาความเสียหายที่เกิดจากการทำธุรกิจซึ่งกสทช.เข้าใจได้ ตนเองจึงมองว่า ไทยทีวี ไม่ควรจะนำ2เรื่องมาโยงกัน เพราะเงินค่าประมูลกับค่าธรรมเนียมยังไงก็ต้องจ่ายตามเงื่อนไขการประมูล

'เรื่องนี้ถ้าคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ไม่ทำ และผมไม่ทำตาม ก็จะผิดมาตรา157ฐานละเลยการปฏิบัติหน้าที่ได้ ดังนั้น หากไทยทีวียืนยันว่าจะไม่จ่ายเงินกสทช.ก็ต้องเดินหน้าฟ้องศาลแพ่งกับไทยทีวี'

อย่างไรก็ตามหากศาลมีคำสั่งออกมาอย่างไร กสทช.ก็ต้องปฏิบัติตาม แต่ระหว่างนี้หากศาลยังไม่มีคำสั่งใดๆเมื่อครบ1เดือน คือวันที่ 22ก.ค.58ซึ่งครบกำหนดการยึดหนังสือค้ำประกัน (แบงก์การันตี) งวดที่ 2จากธนาคารกรุงเทพ ทางสำนักงานกสทช.ก็จะส่งหนังสือถึงอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมทั้งแจ้งกระทรวงการคลังถึงเหตุผลที่ไม่สามารถนำเงินส่งเข้าแผ่นดินได้ ทั้งนี้หากศาลสั่งให้ระงับการจ่ายแบงก์การันตี กสทช.ก็ต้องแจ้งกรมบัญชีกลาง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วธนาคารไม่สามารถระงับแบงก์การันตีได้ไม่เช่นนั้นธนาคารนั้นๆจะถูกแบล็กลิสต์
กำลังโหลดความคิดเห็น