ASTVผู้จัดการรายวัน- ประชาคม สธ.จี้รองนายกฯ เปิดเผยผลสอบสวนข้อเท็จจริงปลัด สธ. โดยไม่ต้องรอผล ก.พ.ค.และการสอบสวนบริหารงบ สปสช. มาประกอบ อ้างคำพูดกลืนน้ำลาย "ยงยุทธ" ถือเป็นคนละส่วน ด้านแพทย์ชนบทบอกไม่มีปลัด สธ.บรรยากาศทำงานดีขึ้น จะดึงกลับมาทำไมให้เหมือนเดิม
หลังจากนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรับมนตรี ออกมาเปิดเผยเบื้องต้นถึงผลการสอบสวนข้อเท็จจริง นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ศธ.) กรณีไม่สนองนโยบายรัฐบาลและ รมว.สาธารณสุข ว่า นโยบายและวิธีการทำงานที่ไม่เหมือนกัน การเดินหน้างานให้เป็นไม่อย่างเหมาะสมจึงเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตาม ต้องรอการพิจารณาของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) กรณีปลัด สธ.ร้องเรียนถูกสั่งย้ายไม่ได้รับความเป็นธรรม และการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารงบของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ที่ปรึกษาสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป(สพศท.) และหนึ่งในประชาคมสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ผลการสอบสวนออกมาเป็นอย่างไรก็ควรเปิดเผยต่อสาธารณะ โดยเฉพาะ นพ.ณรงค์ ควรรับทราบ เพราะเป็นผู้ถูกสอบสวน ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาการพิจารณาของ ก.พ.ค. มาประกอบ เพราะเป็นเรื่องที่ปลัด สธ.ร้องขอความเป็นธรรม ถือเป็นคนละส่วน ส่วนผลการสอบสวนการบริหารงบ สปสช. หากจะรอจริงๆ ก็ชัดเจน เพราะที่ผ่านมาการตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ก็ออกมาทำนองเดียวกันว่า สปสช.บริหารงบบัตรทองผิดประเภท ขัดต่อ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 แสดงว่า สปสช.มีมูลความผิดแล้ว และปลัดสธ.ไม่มีความผิดในการเป็นผู้ให้ข้อมูลและตั้งข้อสังเกตการบริหารงบของสปสช. จึงไม่เข้าใจว่า การพิจารณาเพื่อให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการคนหนึ่ง ไม่น่าจะช้าหรือมีขั้นตอนซับซ้อนจนเข้าไม่ถึงเช่นนี้
นพ.สุทัศน์ ศรีวิไล ผอ.รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ในฐานะประธานประชาคม สธ. กล่าวว่า เหตุใดต้องนำผลการสอบสวนอื่นมาประกอบการพิจารณา เพราะการตั้งคณะกรรมการสอบก็ระบุชัดว่า สอบกรณี นพ.ณรงค์ ไม่สนองนโยบายรัฐบาลและ รมว.สธ. เมื่อสอบสวนเสร็จทุกอย่างก็ต้องตัดสินได้ตามผลสอบสวนว่า นพ.ณรงค์ มีมูลความผิดหรือไม่ แต่กลับจะรอผลสอบสวนชุดอื่นอีก ซึ่งก่อนหน้านี้รองนายกฯเป็นคนพูดเองว่าคนละส่วนกัน อย่าเอาเรื่อง สปสช. มาโยง ประชาคมฯ จึงมองว่า ไม่ควรนำกรณีสอบสวนการยริหารงบ สปสช. และ ก.พ.ค.มาโยงเช่นกัน จึงอดคิดไม่ได้ว่าเป็นการยื้อเพื่อรอจนปลัดสธ.เกษียณหรือไม่
นพ.อารักษ์ วงษ์วรชาติ อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ยังไม่ได้เห็นรายละเอียดผลการสอบสวนปลัด สธ. แต่การที่รองนายกพูดว่าเป็นเพียงความคิดเห็นไม่ตรงกันนั้น อาจจะพูดให้ดูดี ดังนั้น ต้องดูที่รายละเอียดผลการสอบสวนที่เป็นเอกสาร ส่วนตัวเห็นว่าที่ผ่านมาก็เห็นข้อมูลเชิงประจักษ์ สังคมก็รู้ประชาคม สธ.ก็รู้ ปลัด สธ.ต้องอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของ รมว.สาธารณสุข แต่ที่ผ่านมาคนปฏิบัติงานสับสน รมว.สาธารณสุขสั่งอย่างหนึ่ง ปลัด สธ.สั่งอย่างหนึ่ง แต่พอมีการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศการทำงานดีขึ้น ถ้าเช่นนั้นจะย้อนกลับไปสู่บรรยากาศเดิมๆ ทำไม นายกก็เคยพูดเรื่องข้าราชการเกียร์ว่าง สั่งแล้วไม่ทำตาม อดทนมานานก็เป็นเรื่องที่เสียหายต่อรัฐบาล เพราะคนที่ต้องสนองนโยบายของรัฐบาลก็คือข้าราชการ
หลังจากนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรับมนตรี ออกมาเปิดเผยเบื้องต้นถึงผลการสอบสวนข้อเท็จจริง นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ศธ.) กรณีไม่สนองนโยบายรัฐบาลและ รมว.สาธารณสุข ว่า นโยบายและวิธีการทำงานที่ไม่เหมือนกัน การเดินหน้างานให้เป็นไม่อย่างเหมาะสมจึงเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตาม ต้องรอการพิจารณาของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) กรณีปลัด สธ.ร้องเรียนถูกสั่งย้ายไม่ได้รับความเป็นธรรม และการตรวจสอบข้อเท็จจริงการบริหารงบของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ที่ปรึกษาสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป(สพศท.) และหนึ่งในประชาคมสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ผลการสอบสวนออกมาเป็นอย่างไรก็ควรเปิดเผยต่อสาธารณะ โดยเฉพาะ นพ.ณรงค์ ควรรับทราบ เพราะเป็นผู้ถูกสอบสวน ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาการพิจารณาของ ก.พ.ค. มาประกอบ เพราะเป็นเรื่องที่ปลัด สธ.ร้องขอความเป็นธรรม ถือเป็นคนละส่วน ส่วนผลการสอบสวนการบริหารงบ สปสช. หากจะรอจริงๆ ก็ชัดเจน เพราะที่ผ่านมาการตรวจสอบสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ก็ออกมาทำนองเดียวกันว่า สปสช.บริหารงบบัตรทองผิดประเภท ขัดต่อ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 แสดงว่า สปสช.มีมูลความผิดแล้ว และปลัดสธ.ไม่มีความผิดในการเป็นผู้ให้ข้อมูลและตั้งข้อสังเกตการบริหารงบของสปสช. จึงไม่เข้าใจว่า การพิจารณาเพื่อให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการคนหนึ่ง ไม่น่าจะช้าหรือมีขั้นตอนซับซ้อนจนเข้าไม่ถึงเช่นนี้
นพ.สุทัศน์ ศรีวิไล ผอ.รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ในฐานะประธานประชาคม สธ. กล่าวว่า เหตุใดต้องนำผลการสอบสวนอื่นมาประกอบการพิจารณา เพราะการตั้งคณะกรรมการสอบก็ระบุชัดว่า สอบกรณี นพ.ณรงค์ ไม่สนองนโยบายรัฐบาลและ รมว.สธ. เมื่อสอบสวนเสร็จทุกอย่างก็ต้องตัดสินได้ตามผลสอบสวนว่า นพ.ณรงค์ มีมูลความผิดหรือไม่ แต่กลับจะรอผลสอบสวนชุดอื่นอีก ซึ่งก่อนหน้านี้รองนายกฯเป็นคนพูดเองว่าคนละส่วนกัน อย่าเอาเรื่อง สปสช. มาโยง ประชาคมฯ จึงมองว่า ไม่ควรนำกรณีสอบสวนการยริหารงบ สปสช. และ ก.พ.ค.มาโยงเช่นกัน จึงอดคิดไม่ได้ว่าเป็นการยื้อเพื่อรอจนปลัดสธ.เกษียณหรือไม่
นพ.อารักษ์ วงษ์วรชาติ อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ยังไม่ได้เห็นรายละเอียดผลการสอบสวนปลัด สธ. แต่การที่รองนายกพูดว่าเป็นเพียงความคิดเห็นไม่ตรงกันนั้น อาจจะพูดให้ดูดี ดังนั้น ต้องดูที่รายละเอียดผลการสอบสวนที่เป็นเอกสาร ส่วนตัวเห็นว่าที่ผ่านมาก็เห็นข้อมูลเชิงประจักษ์ สังคมก็รู้ประชาคม สธ.ก็รู้ ปลัด สธ.ต้องอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของ รมว.สาธารณสุข แต่ที่ผ่านมาคนปฏิบัติงานสับสน รมว.สาธารณสุขสั่งอย่างหนึ่ง ปลัด สธ.สั่งอย่างหนึ่ง แต่พอมีการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศการทำงานดีขึ้น ถ้าเช่นนั้นจะย้อนกลับไปสู่บรรยากาศเดิมๆ ทำไม นายกก็เคยพูดเรื่องข้าราชการเกียร์ว่าง สั่งแล้วไม่ทำตาม อดทนมานานก็เป็นเรื่องที่เสียหายต่อรัฐบาล เพราะคนที่ต้องสนองนโยบายของรัฐบาลก็คือข้าราชการ