วานนี้ (11 มิ.ย.) มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ทำหน้าที่ประธานในการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระ นายพรเพชร ได้ขอหารือกับสามชิก ถึงกรณีที่ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย 248 ราย ที่ถูกมติคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลให้ถอดถอน ได้ทำหนังสือถึงตน เพื่อขอคัดสำนวนคดีถอดถอน ทั้งหมด ดังนั้นจึงขอหารือต่อที่ประชุมว่า จะอนุญาตให้ผู้ถูกกล่าวหา คัดสำเนาสำนวนคดีหรือไม่
นายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช. ลุกขึ้นอภิปรายว่า สำนวนดังกล่าว แยกออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. สำนวนที่เป็นคำให้การของผู้ถูกกล่าวหา ส่วนสำนวนที่ 2. และ 3. เป็นสำนวนคำให้การของพยานผู้กล่าวหาและเป็นสำนวนการประชุมของป.ป.ชใ ซึ่งตนเห็นว่า ในกลุ่มที่1. ควรจะให้มีการคัดสำเนาได้ ขณะที่กลุ่มที่ 2 และ 3 ไม่ควรอนุญาตให้คัดสำเนา
ขณะที่ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช. ได้ยกข้อบังคับการประชุม สนช. ข้อที่ 149-151 ที่เกี่ยวกับการคัดสำเนาเอกสารายงานสำนวนคดีถอดถอน ที่ระบุว่า สามารถแจกจ่ายให้กับสมาชิกเพื่อไปศึกษาได้ แต่วรรคสุดท้าย ระบุว่า ในกรณีที่เป็นสำนวนการประชุมลับ ไม่สามารถที่จะขอคัดสำเนาเอกสารลับนั้นได้ เว้นแต่ที่ประชุมมีมติให้มีการคัดสำเนานั้น
ทั้งนี้ นายกล้านรงค์ จันทิก ได้ชี้แจงว่า การคัดสำนวนของ ป.ป.ช. เมื่อผู้ถูกกล่าวหา หรือพยาน ให้การเสร็จสิ้นแล้ว จะให้สามารถตรวจสอบสำนวนได้ หากมีอะไรที่ไม่ถูกต้อง ก็จะแก้ไข พร้อมมีการลงรายมือชื่อ ซึ่งหากจะขอคัดเอกสารทุกฉบับต้องมีการอนุมัติจากป.ป.ช. และเท่าที่จำได้ ตนทำงานมาในป.ป.ช. คณะกรรมการไม่เคยให้คัดเอกสารลับแต่อย่างใด
จากนั้น นายพรเพชร จึงกล่าวต่อที่ประชุมว่า สรุปว่าไม่อนุญาตให้มีการคัดสำเนาสำนวนคดีถอดถอน อดีต ส.ส.ทั้ง 248 ราย
นายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช. ลุกขึ้นอภิปรายว่า สำนวนดังกล่าว แยกออกเป็น 3 กลุ่ม คือ 1. สำนวนที่เป็นคำให้การของผู้ถูกกล่าวหา ส่วนสำนวนที่ 2. และ 3. เป็นสำนวนคำให้การของพยานผู้กล่าวหาและเป็นสำนวนการประชุมของป.ป.ชใ ซึ่งตนเห็นว่า ในกลุ่มที่1. ควรจะให้มีการคัดสำเนาได้ ขณะที่กลุ่มที่ 2 และ 3 ไม่ควรอนุญาตให้คัดสำเนา
ขณะที่ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช. ได้ยกข้อบังคับการประชุม สนช. ข้อที่ 149-151 ที่เกี่ยวกับการคัดสำเนาเอกสารายงานสำนวนคดีถอดถอน ที่ระบุว่า สามารถแจกจ่ายให้กับสมาชิกเพื่อไปศึกษาได้ แต่วรรคสุดท้าย ระบุว่า ในกรณีที่เป็นสำนวนการประชุมลับ ไม่สามารถที่จะขอคัดสำเนาเอกสารลับนั้นได้ เว้นแต่ที่ประชุมมีมติให้มีการคัดสำเนานั้น
ทั้งนี้ นายกล้านรงค์ จันทิก ได้ชี้แจงว่า การคัดสำนวนของ ป.ป.ช. เมื่อผู้ถูกกล่าวหา หรือพยาน ให้การเสร็จสิ้นแล้ว จะให้สามารถตรวจสอบสำนวนได้ หากมีอะไรที่ไม่ถูกต้อง ก็จะแก้ไข พร้อมมีการลงรายมือชื่อ ซึ่งหากจะขอคัดเอกสารทุกฉบับต้องมีการอนุมัติจากป.ป.ช. และเท่าที่จำได้ ตนทำงานมาในป.ป.ช. คณะกรรมการไม่เคยให้คัดเอกสารลับแต่อย่างใด
จากนั้น นายพรเพชร จึงกล่าวต่อที่ประชุมว่า สรุปว่าไม่อนุญาตให้มีการคัดสำเนาสำนวนคดีถอดถอน อดีต ส.ส.ทั้ง 248 ราย
