ASTVผู้จัดการรายวัน-"พาณิชย์"สั่งผู้ผลิต ตัวแทนจำหน่ายเหล็กในประเทศ รายงานราคาขายทุกวัน ป้องกันการฉวยโอกาสขึ้นราคา หลังประกาศใช้มาตรการเอดีกับเหล็กนำเข้าจากต่างประเทศ พร้อมขึ้นบัญชีติดตามดูภาวะราคาทุกวัน วอนจำหน่ายสินค้าในราคาที่เหมาะสม เหตุน้ำมันลด ต้นทุนลดลงมาก
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับผู้ผลิตและผู้ประกอบการสินค้าเหล็ก วานนี้ (3 มิ.ย.) ว่า กรมฯ ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการสินค้าเหล็กทุกชนิด ทั้งผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่าย ต้องรายงานราคาขายเหล็กทุกประเภท ได้แก่ เหล็กเส้น เหล็กแผ่น เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เป็นต้น มาให้กรมฯ ทุกวัน ตามแบบฟอร์มที่กำหนดเพื่อให้ได้รับทราบราคาจำหน่ายตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง โดยยกเว้นผู้ผลิตและจำหน่ายทินเพลตที่ใช้ทำกระป๋อง ไม่ต้องทำตามมาตรการนี้ เพราะเป็น 1 ใน 42 รายการสินค้าและบริการควบคุม ที่ใช้มาตรการต้องขออนุญาตก่อนขึ้นราคาอยู่แล้ว
ทั้งนี้ กรมฯ ยังได้ปรับให้สินค้าเหล็กมาอยู่ในบัญชีสินค้า Sensitive List (SL) ที่ต้องติดตามดูแลสถานการณ์ราคาเป็นประจำทุกวัน จากเดิมที่อยู่ในบัญชี Priority Watch List (PWL) หรือติดตามดูแลอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
"ที่ต้องดำเนินมาตรการดังกล่าว เพราะกระทรวงพาณิชย์ได้ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) กับสินค้าเหล็กหลายชนิดที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยเรียกเก็บอากรเอดีกับผู้นำเข้า เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ผลิตเหล็กในประเทศให้สามารถแข่งขันกับเหล็กนำเข้าได้อย่างเป็นธรรม ซึ่งการเรียกเก็บอากรอาจมีผลทำให้ราคาขายเหล็กนำเข้าสูงขึ้นและอาจส่งผลให้ผู้ประกอบการเหล็กในประเทศฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาขายตามได้ จึงต้องป้องกันไว้ก่อน"นายบุญยฤทธิ์กล่าว
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้จำหน่ายเหล็กในราคาที่เหมาะสมกับต้นทุน โดยเฉพาะขณะนี้ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงมาก และมีผลทำให้ราคาสินค้าเหล็กในตลาดโลกลดลงด้วยเช่นกัน ดังนั้น เมื่อต้นทุนไม่เพิ่มขึ้น จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องปรับขึ้นราคาขาย
อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกอบการจะปรับขึ้นราคาต้องทำหนังสือแจ้งการปรับขึ้นราคามาให้กรมฯ ได้รับทราบก่อน หากปรับขึ้นราคาโดยไม่สมเหตุผล กรมฯ จะใช้มาตรการทางกฎหมายทันที ซึ่งมีทั้งการควบคุมราคา หรือการกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการดำเนินตามกฎหมาย เป็นต้น
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับผู้ผลิตและผู้ประกอบการสินค้าเหล็ก วานนี้ (3 มิ.ย.) ว่า กรมฯ ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการสินค้าเหล็กทุกชนิด ทั้งผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่าย ต้องรายงานราคาขายเหล็กทุกประเภท ได้แก่ เหล็กเส้น เหล็กแผ่น เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ เป็นต้น มาให้กรมฯ ทุกวัน ตามแบบฟอร์มที่กำหนดเพื่อให้ได้รับทราบราคาจำหน่ายตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง โดยยกเว้นผู้ผลิตและจำหน่ายทินเพลตที่ใช้ทำกระป๋อง ไม่ต้องทำตามมาตรการนี้ เพราะเป็น 1 ใน 42 รายการสินค้าและบริการควบคุม ที่ใช้มาตรการต้องขออนุญาตก่อนขึ้นราคาอยู่แล้ว
ทั้งนี้ กรมฯ ยังได้ปรับให้สินค้าเหล็กมาอยู่ในบัญชีสินค้า Sensitive List (SL) ที่ต้องติดตามดูแลสถานการณ์ราคาเป็นประจำทุกวัน จากเดิมที่อยู่ในบัญชี Priority Watch List (PWL) หรือติดตามดูแลอาทิตย์ละ 2 ครั้ง
"ที่ต้องดำเนินมาตรการดังกล่าว เพราะกระทรวงพาณิชย์ได้ใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) กับสินค้าเหล็กหลายชนิดที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยเรียกเก็บอากรเอดีกับผู้นำเข้า เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ผลิตเหล็กในประเทศให้สามารถแข่งขันกับเหล็กนำเข้าได้อย่างเป็นธรรม ซึ่งการเรียกเก็บอากรอาจมีผลทำให้ราคาขายเหล็กนำเข้าสูงขึ้นและอาจส่งผลให้ผู้ประกอบการเหล็กในประเทศฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาขายตามได้ จึงต้องป้องกันไว้ก่อน"นายบุญยฤทธิ์กล่าว
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้จำหน่ายเหล็กในราคาที่เหมาะสมกับต้นทุน โดยเฉพาะขณะนี้ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงมาก และมีผลทำให้ราคาสินค้าเหล็กในตลาดโลกลดลงด้วยเช่นกัน ดังนั้น เมื่อต้นทุนไม่เพิ่มขึ้น จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องปรับขึ้นราคาขาย
อย่างไรก็ตาม หากผู้ประกอบการจะปรับขึ้นราคาต้องทำหนังสือแจ้งการปรับขึ้นราคามาให้กรมฯ ได้รับทราบก่อน หากปรับขึ้นราคาโดยไม่สมเหตุผล กรมฯ จะใช้มาตรการทางกฎหมายทันที ซึ่งมีทั้งการควบคุมราคา หรือการกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการดำเนินตามกฎหมาย เป็นต้น