ASTVผู้จัดการรายวัน - ไทยพาณิชย์เผยคาดการณ์ตัวเลข/ดัชนีเศรษฐกิจที่สำคัญในช่วงครึ่งปีหลัง 58 คาดจีดีพีโตร้อยละ 3 ระบุไตรมาส 2 เริ่มเห็นแนวโน้มฟื้นตัว เช่น สินเชื่อรถจักรยานยนต์-ภาคการผลิต-ค้าปลีก ส่งสัญญาณพ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว แต่ยอมรับเอสเอ็มอียังอ่วม ชี้แบงก์ต้องเข้าอุ้มเพราะอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ หวั่นการเลือกตั้งก่อสุญญากาศทางการเมือง กระทบเศรษฐกิจ อยากเห็นการปรับโครงสร้างก่อนเดินหน้าต่อ
ผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยนายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการบริหาร และนายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้จัดงานพบปะสื่อมวลชน และแลกเปลี่ยนมุมมองทางธุรกิจ โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ทางธุรกิจของ ธ.ไทยพาณิชย์ ในอนาคต ทั้งนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ให้มุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจช่วงครึ่งหลังของปี 2558 พร้อมแสดงตัวเลขที่สำคัญดังนี้ คือ
คาดการณ์การเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2558 ว่าน่าจะเติบโตได้ร้อยละ 3.0 เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่เติบโตเพียง 0.7 โดยให้เหตุผลว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในระดับปานกลาง การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการริเริ่มโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และการส่งออกยังคงมีอุปสรรคค่อนข้างมาก อย่างไรก็ดี สิ่งที่มีแนวโน้มที่ดีคือ ภาคของการท่องเที่ยว
การเติบโตของการส่งออก (คิดเป็นมูลค่าในรูปดอลลาร์) ยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่องจาก -0.4 ในปี 2557 เป็น -1.3 เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ยางพารา น้ำตาล เคมีภัณฑ์ และน้ำมันสำเร็จรูปมีการปรับลดราคาลงตามราคาน้ำมันดิบ
อัตราดอกเบี้ยนโยบาย มีแนวโน้มจะลดลงอีกเหลือร้อยละ 1.25
ค่าเงินบาท มีแนวโน้มอ่อนค่าลงเหลือ 34-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยนอกจากปัจจัยด้านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และมาตรการผ่อนคลายเรื่องเงินทุนเคลื่อนย้ายของธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว ปัจจัยภายนอกที่สำคัญคือ มีแนวโน้มว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้
การขยายตัวของสินเชื่อ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยราวร้อยละ 5.5 ด้านแรงผลักดันจากภาคการท่องเที่ยว การลงทุนภาครัฐ และการควบรวมกิจการ ขณะเดียวกัน ความต้องการเงินทุนหมุนเวียนก็มีแนวโน้มดีขึ้นเช่นกัน ในส่วนของครัวเรือนทางธนาคารพบว่า ความต้องการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยก็ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
เงินฝาก ในปี 2558 ทางไทยพาณิชย์ มองว่า การแข่งขันในการะดมเงินฝากไม่น่าจะมีความรุนแรงมากนัก ด้วยสินเชื่อที่ยังขยายตัวไม่รวดเร็วเท่าไรนัก ทำให้มองว่าอัตราการขยายตัวของเงินฝากน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 5.5 ลดลงจากปี 2557 ที่อยู่ที่ 5.9
ด้านนายญนน์ กล่าวว่า แม้ว่าธนาคารประเมินว่าจีดีพีปีนี้ไม่น่าจะโตเกินร้อยละ 3 แต่ในช่วงไตรมาส 1 และ 2 เริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัวบ้างแล้ว ยกตัวอย่างการปล่อยสินเชื่อรถจักรยานยนต์ที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนภาคการผลิตบรรดาโรงงานก็เริ่มกลับมาเพิ่มกำลังการผลิต ขณะเดียวกัน ตัวเลขของบรรดาร้านค้าปลีก สะดวกซื้อทั้งหลายที่เคยติดลบในไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้วก็เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น โดยแม้จะเป็นการเติบโตที่ไม่มาก แต่ก็อาจจะบ่งชี้ได้อย่างหนึ่งว่าภาวะเศรษฐกิจเลยจากจุดต่ำสุดมาแล้ว
***ลุยช่วย SMEs ชี้กระทบหนัก
ทั้งนี้ ผลกระทบจากภายนอกโดยเฉพาะการส่งออกที่ยังคงไม่ฟื้นตัวรวดเร็วนัก เนื่องจากอุปสงค์ของตลาดโลกยังไม่ฟื้นตัว ทำให้บรรดาลูกค้าในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ดูจะประสบปัญหามากที่สุด อย่างไรก็ตาม ทางธนาคารก็มีความพยายามที่จะเข้าไปดูแลลูกค้าเอสเอ็มอีอย่างเต็มความสามารถ
“ปีนี้ถือว่าเศรษฐกิจอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ โดยเฉพาะเมื่อมองภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีปัญหาเรื่องโกลบอล ดีมานด์ โดยเฉพาะจีน ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ท้าทายกับทางไทยพาณิชย์ว่าเราจะดูแลลูกค้าอย่างไร จะแยกแยะลูกค้า และจะช่วยเขาอย่างไร” นายอาทิตย์ เผย
นอกจากนี้ ผู้บริหาร ธ.ไทยพาณิชย์ ยังกล่าวด้วยว่า ในโลกยุคปัจจุบันที่ดิจิตอล และออนไลน์เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และกำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าของธุรกิจไป ซึ่งทางธนาคารเองมีการลงทุนในด้านนี้อย่างเต็มที่ เพราะเชื่อว่าเทคโนโลยีจะช่วยให้การคาดการณ์มีความแม่นยำมากขึ้น ลูกค้าต้องการอย่างไหน แบบไหน ด้วยความรวดเร็ว โดยเบื้องต้น เทคโนโลยีจะทำให้ธนาคารสามารถรองรับลูกค้าได้ดีขึ้น และจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ขณะที่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทางธนาคารไทยพาณิชย์มีความคาดหวังอย่างไรต่อการเมือง ซึ่งหากดำเนินการตามโรดแมปของทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็จะมีการเลือกตั้งภายในปี 2559 นายอาทิตย์ กล่าวว่า ตนอยากเห็นการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง เพราะการส่งสัญญาณเลือกตั้งอย่างชัดเจนในปีหน้าย่อมหมายความว่า ช่วงปลายปีนี้อาจเกิดสุญญากาศทางการเมือง
“ผมมองว่าถ้าปีหน้ามีการเลือกตั้ง เศรษฐกิจก็อาจจะมีผลกระทบ เพราะหากมีการเลือกตั้งในปี 2559 โดยที่ยังไม่ได้ดำเนินการปรับโครงสร้าง เศรษฐกิจเราจะเปราะบางมาก ถ้าปีหน้ามีการเลือกตั้งในช่วงครึ่งปีแรกจะทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ และก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกเลย ก็จะไม่มีการตัดสินใจอะไรเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอันนั้นก็จะเป็นตัวที่น่ากังวล ผมคิดว่าถ้าจะปล่อยให้มีการเลือกตั้งควรจะต้องปรับฐานทางเศรษฐกิจให้เกิดความสบายใจมากกว่านี้” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการบริหารธนาคารไทยพาณิชย์ แสดงความกังวล
อนึ่ง ในส่วนของการปรับโครงสร้างการบริหารใหม่ของธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อรองรับต่อความเปลี่ยนแปลง ทางผู้บริหารทั้ง 2 คนเปิดเผยว่า จะมีการจัดโครงสร้างใหม่ โดยจะมีความชัดเจนในช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้.
ผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยนายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการบริหาร และนายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้จัดงานพบปะสื่อมวลชน และแลกเปลี่ยนมุมมองทางธุรกิจ โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ทางธุรกิจของ ธ.ไทยพาณิชย์ ในอนาคต ทั้งนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ให้มุมมองแนวโน้มเศรษฐกิจช่วงครึ่งหลังของปี 2558 พร้อมแสดงตัวเลขที่สำคัญดังนี้ คือ
คาดการณ์การเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2558 ว่าน่าจะเติบโตได้ร้อยละ 3.0 เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่เติบโตเพียง 0.7 โดยให้เหตุผลว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในระดับปานกลาง การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นการริเริ่มโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และการส่งออกยังคงมีอุปสรรคค่อนข้างมาก อย่างไรก็ดี สิ่งที่มีแนวโน้มที่ดีคือ ภาคของการท่องเที่ยว
การเติบโตของการส่งออก (คิดเป็นมูลค่าในรูปดอลลาร์) ยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่องจาก -0.4 ในปี 2557 เป็น -1.3 เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ยางพารา น้ำตาล เคมีภัณฑ์ และน้ำมันสำเร็จรูปมีการปรับลดราคาลงตามราคาน้ำมันดิบ
อัตราดอกเบี้ยนโยบาย มีแนวโน้มจะลดลงอีกเหลือร้อยละ 1.25
ค่าเงินบาท มีแนวโน้มอ่อนค่าลงเหลือ 34-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยนอกจากปัจจัยด้านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และมาตรการผ่อนคลายเรื่องเงินทุนเคลื่อนย้ายของธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว ปัจจัยภายนอกที่สำคัญคือ มีแนวโน้มว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้
การขยายตัวของสินเชื่อ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยราวร้อยละ 5.5 ด้านแรงผลักดันจากภาคการท่องเที่ยว การลงทุนภาครัฐ และการควบรวมกิจการ ขณะเดียวกัน ความต้องการเงินทุนหมุนเวียนก็มีแนวโน้มดีขึ้นเช่นกัน ในส่วนของครัวเรือนทางธนาคารพบว่า ความต้องการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยก็ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
เงินฝาก ในปี 2558 ทางไทยพาณิชย์ มองว่า การแข่งขันในการะดมเงินฝากไม่น่าจะมีความรุนแรงมากนัก ด้วยสินเชื่อที่ยังขยายตัวไม่รวดเร็วเท่าไรนัก ทำให้มองว่าอัตราการขยายตัวของเงินฝากน่าจะอยู่ที่ร้อยละ 5.5 ลดลงจากปี 2557 ที่อยู่ที่ 5.9
ด้านนายญนน์ กล่าวว่า แม้ว่าธนาคารประเมินว่าจีดีพีปีนี้ไม่น่าจะโตเกินร้อยละ 3 แต่ในช่วงไตรมาส 1 และ 2 เริ่มเห็นสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัวบ้างแล้ว ยกตัวอย่างการปล่อยสินเชื่อรถจักรยานยนต์ที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนภาคการผลิตบรรดาโรงงานก็เริ่มกลับมาเพิ่มกำลังการผลิต ขณะเดียวกัน ตัวเลขของบรรดาร้านค้าปลีก สะดวกซื้อทั้งหลายที่เคยติดลบในไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้วก็เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น โดยแม้จะเป็นการเติบโตที่ไม่มาก แต่ก็อาจจะบ่งชี้ได้อย่างหนึ่งว่าภาวะเศรษฐกิจเลยจากจุดต่ำสุดมาแล้ว
***ลุยช่วย SMEs ชี้กระทบหนัก
ทั้งนี้ ผลกระทบจากภายนอกโดยเฉพาะการส่งออกที่ยังคงไม่ฟื้นตัวรวดเร็วนัก เนื่องจากอุปสงค์ของตลาดโลกยังไม่ฟื้นตัว ทำให้บรรดาลูกค้าในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี) ดูจะประสบปัญหามากที่สุด อย่างไรก็ตาม ทางธนาคารก็มีความพยายามที่จะเข้าไปดูแลลูกค้าเอสเอ็มอีอย่างเต็มความสามารถ
“ปีนี้ถือว่าเศรษฐกิจอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ โดยเฉพาะเมื่อมองภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีปัญหาเรื่องโกลบอล ดีมานด์ โดยเฉพาะจีน ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ท้าทายกับทางไทยพาณิชย์ว่าเราจะดูแลลูกค้าอย่างไร จะแยกแยะลูกค้า และจะช่วยเขาอย่างไร” นายอาทิตย์ เผย
นอกจากนี้ ผู้บริหาร ธ.ไทยพาณิชย์ ยังกล่าวด้วยว่า ในโลกยุคปัจจุบันที่ดิจิตอล และออนไลน์เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และกำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าของธุรกิจไป ซึ่งทางธนาคารเองมีการลงทุนในด้านนี้อย่างเต็มที่ เพราะเชื่อว่าเทคโนโลยีจะช่วยให้การคาดการณ์มีความแม่นยำมากขึ้น ลูกค้าต้องการอย่างไหน แบบไหน ด้วยความรวดเร็ว โดยเบื้องต้น เทคโนโลยีจะทำให้ธนาคารสามารถรองรับลูกค้าได้ดีขึ้น และจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
ขณะที่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทางธนาคารไทยพาณิชย์มีความคาดหวังอย่างไรต่อการเมือง ซึ่งหากดำเนินการตามโรดแมปของทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็จะมีการเลือกตั้งภายในปี 2559 นายอาทิตย์ กล่าวว่า ตนอยากเห็นการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง เพราะการส่งสัญญาณเลือกตั้งอย่างชัดเจนในปีหน้าย่อมหมายความว่า ช่วงปลายปีนี้อาจเกิดสุญญากาศทางการเมือง
“ผมมองว่าถ้าปีหน้ามีการเลือกตั้ง เศรษฐกิจก็อาจจะมีผลกระทบ เพราะหากมีการเลือกตั้งในปี 2559 โดยที่ยังไม่ได้ดำเนินการปรับโครงสร้าง เศรษฐกิจเราจะเปราะบางมาก ถ้าปีหน้ามีการเลือกตั้งในช่วงครึ่งปีแรกจะทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ และก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกเลย ก็จะไม่มีการตัดสินใจอะไรเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอันนั้นก็จะเป็นตัวที่น่ากังวล ผมคิดว่าถ้าจะปล่อยให้มีการเลือกตั้งควรจะต้องปรับฐานทางเศรษฐกิจให้เกิดความสบายใจมากกว่านี้” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการบริหารธนาคารไทยพาณิชย์ แสดงความกังวล
อนึ่ง ในส่วนของการปรับโครงสร้างการบริหารใหม่ของธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อรองรับต่อความเปลี่ยนแปลง ทางผู้บริหารทั้ง 2 คนเปิดเผยว่า จะมีการจัดโครงสร้างใหม่ โดยจะมีความชัดเจนในช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้.