00 เรียกว่าเรียบร้อยโรงเรียน "เจ๊" กันไปแล้วสำหรับ บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ รวมทั้ง มนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ที่ถูก สนช. ลงมติลับ ถอดถอนและตัดสิทธิ์การเมืองเป็นเวลา 5 ปีโดยอัตโนมัติ งานนี้ถือว่าเป็นการทำลายวงจรอุบาทว์ เครือข่ายตระกูลการเมืองได้อย่างมีนัยสำคัญเลยทีเดียว ถามว่าทั้งสามคนที่ "โดน" คราวนี้ใช่ตัวจริง ก็ต้องบอกว่า "จริง" หากแต่เป็น "ลิ่วล้อร่างทรง" แบบเด็กในบ้านเท่านั้น แต่คนที่อยู่เบื้องหลัง สั่งการจริงๆ นั้น ยังเป็นอีกคนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครถ้าพอรู้แบ็กกราวด์ด้านการเมืองบ้าง ก็ต้องรู้กันทุกคน ดังนั้นขึ้นอยู่กับว่า จะมีการสืบค้นกันต่อไปได้ลึกแค่ไหน เท่านั้นเอง
00 หลังจากเจอดาบแรกฟันถอดถอนไปแล้ว สิ่งที่ทั้งสามคนดังกล่าวจะต้องเจอดาบสองฟันต่อไปก็คือ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ได้รับฟ้องคดีทุจริตขายข้าวแบบจีทูจีลวงโลก ซึ่งรายการนี้เป็นคดีอาญา เสี่ยงคุกตะราง และแน่นอนว่า เมื่อสนช.ลงมติถอดถอนด้วยเสียงท่วมท้นหลังจากฟังคำแถลงปิดคดีจากฝ่ายป.ป.ช. ที่ชี้ให้เห็นหลักฐานการทุจริตแบบแจ่มแจ้งแดงแจ๋ มันก็ย่อมมองเห็นแววล่วงหน้าแล้วว่า อนาคตจะมีคำพิพากษาออกไปทางไหน เพราะเมื่อพิจารณาจากมติของ สนช. ดังกล่าวมันช่าง "มีน้ำหนัก" !!
00 พูดถึงเรื่องแบบนี้ก็ต้องไม่ลืม "แม่นางประชาธิปไตยกินได้" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังจากถูกสนช.ถอดถอน และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปแล้ว 5 ปี ในวันที่ 19 พ.ค.ที่จะถึงนี้ เธอก็จะต้องไปปรากฏตัวที่ศาลฎีกาฯ เพื่อรับฟังการพิจารณาแถลงเปิดคดี และในวันดังกล่าว เธอต้องไปปรากฏตัว แน่นอนว่าในทางกม. อาจมีลูกยื้อบ้าง เช่น อ้างป่วย หรือไม่ก็เรื่องสำคัญ อาจส่งทนายไปขอเลื่อน แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ว่าจะอนุญาตหรือไม่ ถ้าไม่ ก็จะถูกออกหมายจับ แต่ก็เชื่อว่าคงไม่มีเรื่องแบบนั้น เพราะก่อนหน้านั้น เธอยืนยันว่าจะสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ก็ต้องรอดูกันในวันนั้นก่อน แต่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ทั้งตัวเธอ และคนที่ส่งเธอเข้ามาเป็นนอมินี คือ ทักษิณ ชินวัตร เนื่องจากคาดไม่ถึงว่า จะมีชะตากรรมแบบนี้ไปได้ !!
00 เรื่อง รธน.ที่ช่วงนี้ กมธ.ยกร่างฯ อยู่ระหว่างหยุดพักการประชุมราวหนึ่งเดือน เพื่อรอให้ฝ่ายต่างๆได้มีการหารือ เพื่อระดมความคิดเห็นในการเสนอขอแก้ไขในประเด็นต่างๆ เข้ามา ซึ่งก็คงไม่เกินวันที่ 19 พ.ค. ซึ่งก็แน่นอนว่าต้องมี "สีสัน" ให้ดูหวือหวากันบ้าง ทำนองว่า ถ้าเสนอไปแล้ว กมธ.ยกร่างฯ ไม่แก้ไข ก็จะคว่ำหรือไม่ผ่านอะไรประมาณนี้ ก็อย่าไปมีอารมณ์ร่วมกับมันมากนัก แต่ขอให้ดูของจริงกันดีกว่า ให้รอดูผลการหารือแบบรวบยอดของสององค์กรหลักคือ ครม. และ คสช. เท่านั้นว่าจะให้แก้เรื่องใด ให้ตัดเรื่องใดออกไป และที่สำคัญที่สุดก็คือ ความเห็นจาก "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น เพราะจะได้ไม่เสียเวลา
00 แน่นอนว่า รธน.ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกใบ้เอาไว้ก็คือ ต้องได้รับการยอมรับจากนานาชาติ และคนในชาติ เพื่อเป็นหลักประกันในการคงอยู่ที่ถาวร โดยเฉพาะต้องเป็นหลักในด้านธรรมาภิบาล มีความเป็นประชาธิปไตย ป้องกันการทุจริต แม้ว่ายังสงวนทาาทีไม่ปริปากเรื่องการลงประชามติ แต่เชื่อในท้ายที่สุดแล้วก็จะอ้างว่าประชาชนเรียกร้อง ก็ต้อง "ไฟเขียว" แม้จะทำเป็นบ่นว่าเสียดายงบตั้งสามพันล้านบาท แต่การทำประชามติมันเป็นการปิดเงื่อนไขป่วนที่จะตามมาได้อีกชั้นหนึ่ง โดยเฉพาะพวกนักการเมือง ที่เสียประโยชน์จาก รธน.ฉบับนี้ !!
00 เงียบไปเลยสำหรับ "ขงเบ๊จิ๋ว" พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หลังจากถูก "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เบรกหัวทิ่ม ในทำนองว่า "แก่แล้วอยู่บ้านเงียบๆ เถอะ" เชื่อว่าสาเหตุที่ต้อง"เบรกแรง" แบบนี้คงเห็นสัญญาณไม่ดีบางอย่างแน่นอน และเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวที่ "ทำให้ดูเนียน" แต่ไม่เนียนอย่างที่เคยทำแบบนี้มานาน มันก็ย่อมจับสัญญาณได้ไม่ยาก การพบปะกับพวกอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยในภาคอีสาน ในเวลาใกล้เคียงกับการปรากฏตัวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่จ.นครพนม จนกระทั่งมาถึงจุดที่ทำให้ต้อง "ตะบะแตก" ก็คือการไปพบกับชาวนาในภาคกลาง แบบนี้จะวางเฉยต่อไปไม่ได้ เพราะถ้าไม่ "เบรกเด็ดขาด" แล้วรับรองลามแน่ งานนี้ถึงได้บอกว่า ทั้งคนแอบสั่งและคนรับงานต้อง "หยุดกึก" ทันที เพราะรู้ว่า "เอาจริง" แน่ !!
00 หลังจากเจอดาบแรกฟันถอดถอนไปแล้ว สิ่งที่ทั้งสามคนดังกล่าวจะต้องเจอดาบสองฟันต่อไปก็คือ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ ได้รับฟ้องคดีทุจริตขายข้าวแบบจีทูจีลวงโลก ซึ่งรายการนี้เป็นคดีอาญา เสี่ยงคุกตะราง และแน่นอนว่า เมื่อสนช.ลงมติถอดถอนด้วยเสียงท่วมท้นหลังจากฟังคำแถลงปิดคดีจากฝ่ายป.ป.ช. ที่ชี้ให้เห็นหลักฐานการทุจริตแบบแจ่มแจ้งแดงแจ๋ มันก็ย่อมมองเห็นแววล่วงหน้าแล้วว่า อนาคตจะมีคำพิพากษาออกไปทางไหน เพราะเมื่อพิจารณาจากมติของ สนช. ดังกล่าวมันช่าง "มีน้ำหนัก" !!
00 พูดถึงเรื่องแบบนี้ก็ต้องไม่ลืม "แม่นางประชาธิปไตยกินได้" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังจากถูกสนช.ถอดถอน และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปแล้ว 5 ปี ในวันที่ 19 พ.ค.ที่จะถึงนี้ เธอก็จะต้องไปปรากฏตัวที่ศาลฎีกาฯ เพื่อรับฟังการพิจารณาแถลงเปิดคดี และในวันดังกล่าว เธอต้องไปปรากฏตัว แน่นอนว่าในทางกม. อาจมีลูกยื้อบ้าง เช่น อ้างป่วย หรือไม่ก็เรื่องสำคัญ อาจส่งทนายไปขอเลื่อน แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ว่าจะอนุญาตหรือไม่ ถ้าไม่ ก็จะถูกออกหมายจับ แต่ก็เชื่อว่าคงไม่มีเรื่องแบบนั้น เพราะก่อนหน้านั้น เธอยืนยันว่าจะสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเอง ก็ต้องรอดูกันในวันนั้นก่อน แต่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ทั้งตัวเธอ และคนที่ส่งเธอเข้ามาเป็นนอมินี คือ ทักษิณ ชินวัตร เนื่องจากคาดไม่ถึงว่า จะมีชะตากรรมแบบนี้ไปได้ !!
00 เรื่อง รธน.ที่ช่วงนี้ กมธ.ยกร่างฯ อยู่ระหว่างหยุดพักการประชุมราวหนึ่งเดือน เพื่อรอให้ฝ่ายต่างๆได้มีการหารือ เพื่อระดมความคิดเห็นในการเสนอขอแก้ไขในประเด็นต่างๆ เข้ามา ซึ่งก็คงไม่เกินวันที่ 19 พ.ค. ซึ่งก็แน่นอนว่าต้องมี "สีสัน" ให้ดูหวือหวากันบ้าง ทำนองว่า ถ้าเสนอไปแล้ว กมธ.ยกร่างฯ ไม่แก้ไข ก็จะคว่ำหรือไม่ผ่านอะไรประมาณนี้ ก็อย่าไปมีอารมณ์ร่วมกับมันมากนัก แต่ขอให้ดูของจริงกันดีกว่า ให้รอดูผลการหารือแบบรวบยอดของสององค์กรหลักคือ ครม. และ คสช. เท่านั้นว่าจะให้แก้เรื่องใด ให้ตัดเรื่องใดออกไป และที่สำคัญที่สุดก็คือ ความเห็นจาก "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น เพราะจะได้ไม่เสียเวลา
00 แน่นอนว่า รธน.ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกใบ้เอาไว้ก็คือ ต้องได้รับการยอมรับจากนานาชาติ และคนในชาติ เพื่อเป็นหลักประกันในการคงอยู่ที่ถาวร โดยเฉพาะต้องเป็นหลักในด้านธรรมาภิบาล มีความเป็นประชาธิปไตย ป้องกันการทุจริต แม้ว่ายังสงวนทาาทีไม่ปริปากเรื่องการลงประชามติ แต่เชื่อในท้ายที่สุดแล้วก็จะอ้างว่าประชาชนเรียกร้อง ก็ต้อง "ไฟเขียว" แม้จะทำเป็นบ่นว่าเสียดายงบตั้งสามพันล้านบาท แต่การทำประชามติมันเป็นการปิดเงื่อนไขป่วนที่จะตามมาได้อีกชั้นหนึ่ง โดยเฉพาะพวกนักการเมือง ที่เสียประโยชน์จาก รธน.ฉบับนี้ !!
00 เงียบไปเลยสำหรับ "ขงเบ๊จิ๋ว" พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หลังจากถูก "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เบรกหัวทิ่ม ในทำนองว่า "แก่แล้วอยู่บ้านเงียบๆ เถอะ" เชื่อว่าสาเหตุที่ต้อง"เบรกแรง" แบบนี้คงเห็นสัญญาณไม่ดีบางอย่างแน่นอน และเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวที่ "ทำให้ดูเนียน" แต่ไม่เนียนอย่างที่เคยทำแบบนี้มานาน มันก็ย่อมจับสัญญาณได้ไม่ยาก การพบปะกับพวกอดีตผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยในภาคอีสาน ในเวลาใกล้เคียงกับการปรากฏตัวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่จ.นครพนม จนกระทั่งมาถึงจุดที่ทำให้ต้อง "ตะบะแตก" ก็คือการไปพบกับชาวนาในภาคกลาง แบบนี้จะวางเฉยต่อไปไม่ได้ เพราะถ้าไม่ "เบรกเด็ดขาด" แล้วรับรองลามแน่ งานนี้ถึงได้บอกว่า ทั้งคนแอบสั่งและคนรับงานต้อง "หยุดกึก" ทันที เพราะรู้ว่า "เอาจริง" แน่ !!