วานนี้ (4พ.ค.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงเรียกร้องให้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.และนายกรัฐมนตรี แก้ปัญหาราคาสินค้ากษตรตกต่ำหลายประเภท ประกอบด้วย มะละกอ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปาล์มน้ำมัน โดยระบุว่าได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรที่ปลูกมะละกอว่า ราคาตกต่ำอย่างมากโดยชนิดกลมเหลือเพียงกิโลกรัมละ 1 บาท ส่วนชนิดยาวเหลือเพียงกิโลกรัมละ 1.50 บาท เป็นราคาต่ำที่สุด นับจากมีประเทศไทย ทั้งที่ราคาควรอยู่ที่กิโลกรัมละ 4-5 บาท ชาวสวนจึงจะอยู่ได้ โดยในอดีตที่ผ่านมามีราคาสูงสุดที่ 8 บาท
ส่วนปัญหาเกษตรกรข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ประสบปัญหาการผูกขาดเมล็ดพันธุ์ และราคาตกต่ำ โดยในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังค้างชำระการเยียวยาเกษตรเป็นจำนวนเงินกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลควรใช้งบกลางมาช่วยเหลือเกษตรกร การจ่ายเงินก็ควรดำเนินการผ่าน ธ.ก.ส.โดยตรง ทั้งนี้ ปัญหาทั้งหมดตนได้ร้องเรียนกับพล..อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมแล้ว โดยท่านได้รับปากกับตนเป็นการส่วนตัว เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่าจะดำเนินการให้ และจะจัดทุนการศึกษาให้กับบุตรของชาวนาที่ฆ่าตัวตาย จากผลกระทบโครงการจำนำ ข้าวในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ด้วย
"ผมขอให้รัฐบาลช่วยเหลือเกษตรกรข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แบบเดียวกับข้าว และ ยางพารา คืออุดหนุนไร่ละหนึ่งพันบาทกับเกษตรกรไม่เกินพื้นที่ 15 ไร่ ที่มีการจดทะเบียนไว้ และให้ชะลอการนำเข้าข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้านในปลายปีนี้ และดูแลราคาปุ๋ยให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรฯ จัดหาเมล็ดข้าวโพดที่นำมาปลูกได้ โดยเกษตรกรไม่จำเป็นต้องไปซื้อเมล็ดพันธุ์จากสองบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผูกขาด เนื่องจากที่ผ่านมาเกษตรกรต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ ในราคาสูงถึงกิโลกรัมละ1,500-1,600 บาท" นายวัชระ กล่าว
นอกจากนี้ ยังขอเรียกร้องบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ เห็นแก่มนุษยธรรม เลิกจำหน่ายข้าวโพดที่มีการฉายรังสีไม่ให้สามารถนำฝักแก่ไปทำพันธุ์ ปลูกได้ในฤดูกาลต่อไป โดยขอให้เห็นแก่มนุษยธรรมด้วยการลดการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร และเสนอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดแจกจ่ายให้กับเกษตรกร เพื่อใช้ในการเพาะปลูก เป็นทางเลือกเพิ่มขึ้นจากการถูกเอาเปรียบโดยบริษัทยักษ์ใหญ่ มาเป็นเวลานาน
ส่วนราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ เนื่องจากการที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ อนุมัติให้นำเข้าน้ำมันปาล์มถึง 5หมื่นตัน ทำให้ราคาปาล์มตกต่ำเหลือเพียงแค่กิโลกรัมละ 3 บาท ไม่ถึง 4 บาท ตามที่รัฐบาลกล่าวอ้างแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่มีการเตือนแล้วว่า นโยบายดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรภายในประเทศ
"ถ้ารัฐบาลไม่มีความรู้ ก็ควรขอความรู้จากนายพิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล อดีต รมช.คลัง ที่มีความรู้เรื่องปาล์ม แต่ถ้ารัฐมนตรรีไม่มีความรู้แม้เป็นเพื่อนนายกรัฐมนตรี ก็ไม่สมควรให้อยู่ในตำแหน่งอีกต่อไป" นายวัชระ กล่าว
** รัฐบาลเปิดตลาดนัดผัก-ผลไม้
ในวันเดียวกันนี้ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ผโอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในพิธีเปิดงานเทศกาลผักผลไม้ไทยคุณภาพ ณ ตลาดริมคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล ในวันพุธที่ 6 พ.ค.นี้ เวลา 17.00 น. ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย ให้มีพื้นที่นำเสนอสินค้าดีให้เป็นที่รู้จัก มีพื้นที่จำหน่ายสินค้าราคายุติธรรม โดยเกษตรกร และผู้ประกอบการรายย่อย จะได้มีโอกาสจำหน่ายผลผลิตของตนสู่ตลาดได้โดยตรงถึงผู้บริโภคที่ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง เป็นแบบอย่างของตลาดนัดสินค้าชุมชน สร้างเครือข่ายทางธุรกิจ พร้อมส่งเสริมวัฒนธรรมและความเป็นไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ จะเป็นหน่วยงานหลักในการจัดกิจกรรมเทศกาลผักผลไม้คุณภาพ ระหว่างวันที่ 6-31 พฤษภาคม 2558 ริมคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจะมีร้านจำหน่ายสินค้า 70 บูธ แบ่งเป็น 3 โซน คือ การแสดงและจำหน่ายผัก และผลไม้ไทยคุณภาพ การจำหน่ายพันธุ์ และกิ่งพันธุ์ไม้ผล และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปผักและผลไม้
ในสัปดาห์แรกของงาน (6-10 พ.ค.58) ผลผลิตที่นำมาจำหน่ายจะเน้นความ “หวานซ่อนเปรี้ยว มะม่วงหลากพันธุ์ อร่อยหลากรส” เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้ รสชาติหอมหวานคุณภาพส่งออกจากจังหวัดสระแก้ว , มะม่วงเขียวเสวย หอม หวาน กรอบเนื้อแน่น ผลใหญ่ จากจังหวัดอ่างทอง , มะม่วงจินหัว รสชาติอร่อยทั้งดิบและสุก ผลดิบสีผลจะเป็นสีม่วงตลอดผล ผลแก่จะมีรสชาติมันกรอบ และปนหวานเล็กน้อย และมะม่วงอาร์ทูอีทู ซึ่งนิยมรับประทานสุก มีขนาดผลใหญ่คล้ายแอปเปิ้ล ทั้งมะม่วงจินหัว และอาร์ทูอีทู มาจากจังหวัดเชียงใหม่
สัปดาห์ที่ 2 (11-17 พ.ค.58) “หวานฉ่ำ อร่อยล้ำ สับปะรด แตงโต ส้มโอลิ้นจี่” ผลผลิตเด่น อาทิ สับปะรดฉีกตา จากประจวบคีรีขันธ์, สับปะรดห้วยมุ่น จากอุตรดิตถ์, สับปะรดไร่ม่วง จากจ.เลย, สับปะรดนางแล จากเชียงราย, แตงโมหลากสายพันธุ์จากชลบุรี, ส้มโอท่าข่อยจากพิจิตร, ส้มโอขาวแตงกวาจากชัยนาท, ลิ้นจี่ หลากพันธุ์จากพะเยา เป็นต้น
สัปดาห์ที่ 3 (18-24 พ.ค.58) “หอมหวาน สุดยอดราชา ราชินีผลไม้ ทุเรียน มังคุด” ผลผลิตเด่น เช่น ทุเรียนหลินหลง ลับแล จากอุตรดิตถ์, ทุเรียนพวงมณี ก้านยาว นกกระจิบ ของระยอง, มังคุดจากตราด ปราจีนบุรี จันทบุรี ระยอง
สัปดาห์ที่ 4 (25-31 พ.ค.58) “ใหม่สดปลอดภัย ผักอินทรีย์ กล้วยหอมทองส่งออก ผลไม้แปรรูป” ผลผลิตเด่น อาทิ กล้วยหอมทองจากเพชรบุรี, สละอินโดฯ จากนราธิวาส, ลำไยอบแห้งสีทอง จากเชียงรายและลำพูน, ผักปลอดภัย ไร้สารจากโครงการหลวงดอยอินทนนท์ เชียงใหม่ และกทม. เป็นต้น
พร้อมกันนั้น ในบริเวณงาน กระทรวงวัฒนธรรม จะจัด ถนนคนเดิน ตลาดกลางคืน เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยววิถีไทย ในช่วงของวันที่ 8-30 พ.ค.58 เฉพาะในวันศุกร์และเสาร์ ตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น. โดยจะมีการแสดงศิลปวัฒนธรรม 4 ภาค การแสดงพื้นบ้าน และสินค้าวัฒนธรรม ของดีเด่นของภูมิภาค 4 ภาคด้วย
ส่วนปัญหาเกษตรกรข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ประสบปัญหาการผูกขาดเมล็ดพันธุ์ และราคาตกต่ำ โดยในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังค้างชำระการเยียวยาเกษตรเป็นจำนวนเงินกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลควรใช้งบกลางมาช่วยเหลือเกษตรกร การจ่ายเงินก็ควรดำเนินการผ่าน ธ.ก.ส.โดยตรง ทั้งนี้ ปัญหาทั้งหมดตนได้ร้องเรียนกับพล..อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมแล้ว โดยท่านได้รับปากกับตนเป็นการส่วนตัว เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ว่าจะดำเนินการให้ และจะจัดทุนการศึกษาให้กับบุตรของชาวนาที่ฆ่าตัวตาย จากผลกระทบโครงการจำนำ ข้าวในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ด้วย
"ผมขอให้รัฐบาลช่วยเหลือเกษตรกรข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แบบเดียวกับข้าว และ ยางพารา คืออุดหนุนไร่ละหนึ่งพันบาทกับเกษตรกรไม่เกินพื้นที่ 15 ไร่ ที่มีการจดทะเบียนไว้ และให้ชะลอการนำเข้าข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้านในปลายปีนี้ และดูแลราคาปุ๋ยให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรฯ จัดหาเมล็ดข้าวโพดที่นำมาปลูกได้ โดยเกษตรกรไม่จำเป็นต้องไปซื้อเมล็ดพันธุ์จากสองบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผูกขาด เนื่องจากที่ผ่านมาเกษตรกรต้องซื้อเมล็ดพันธุ์ ในราคาสูงถึงกิโลกรัมละ1,500-1,600 บาท" นายวัชระ กล่าว
นอกจากนี้ ยังขอเรียกร้องบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ เห็นแก่มนุษยธรรม เลิกจำหน่ายข้าวโพดที่มีการฉายรังสีไม่ให้สามารถนำฝักแก่ไปทำพันธุ์ ปลูกได้ในฤดูกาลต่อไป โดยขอให้เห็นแก่มนุษยธรรมด้วยการลดการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร และเสนอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดแจกจ่ายให้กับเกษตรกร เพื่อใช้ในการเพาะปลูก เป็นทางเลือกเพิ่มขึ้นจากการถูกเอาเปรียบโดยบริษัทยักษ์ใหญ่ มาเป็นเวลานาน
ส่วนราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ เนื่องจากการที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ อนุมัติให้นำเข้าน้ำมันปาล์มถึง 5หมื่นตัน ทำให้ราคาปาล์มตกต่ำเหลือเพียงแค่กิโลกรัมละ 3 บาท ไม่ถึง 4 บาท ตามที่รัฐบาลกล่าวอ้างแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่มีการเตือนแล้วว่า นโยบายดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรภายในประเทศ
"ถ้ารัฐบาลไม่มีความรู้ ก็ควรขอความรู้จากนายพิเชษฐ์ พันธุ์วิชาติกุล อดีต รมช.คลัง ที่มีความรู้เรื่องปาล์ม แต่ถ้ารัฐมนตรรีไม่มีความรู้แม้เป็นเพื่อนนายกรัฐมนตรี ก็ไม่สมควรให้อยู่ในตำแหน่งอีกต่อไป" นายวัชระ กล่าว
** รัฐบาลเปิดตลาดนัดผัก-ผลไม้
ในวันเดียวกันนี้ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ผโอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในพิธีเปิดงานเทศกาลผักผลไม้ไทยคุณภาพ ณ ตลาดริมคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล ในวันพุธที่ 6 พ.ค.นี้ เวลา 17.00 น. ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย ให้มีพื้นที่นำเสนอสินค้าดีให้เป็นที่รู้จัก มีพื้นที่จำหน่ายสินค้าราคายุติธรรม โดยเกษตรกร และผู้ประกอบการรายย่อย จะได้มีโอกาสจำหน่ายผลผลิตของตนสู่ตลาดได้โดยตรงถึงผู้บริโภคที่ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง เป็นแบบอย่างของตลาดนัดสินค้าชุมชน สร้างเครือข่ายทางธุรกิจ พร้อมส่งเสริมวัฒนธรรมและความเป็นไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ จะเป็นหน่วยงานหลักในการจัดกิจกรรมเทศกาลผักผลไม้คุณภาพ ระหว่างวันที่ 6-31 พฤษภาคม 2558 ริมคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจะมีร้านจำหน่ายสินค้า 70 บูธ แบ่งเป็น 3 โซน คือ การแสดงและจำหน่ายผัก และผลไม้ไทยคุณภาพ การจำหน่ายพันธุ์ และกิ่งพันธุ์ไม้ผล และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปผักและผลไม้
ในสัปดาห์แรกของงาน (6-10 พ.ค.58) ผลผลิตที่นำมาจำหน่ายจะเน้นความ “หวานซ่อนเปรี้ยว มะม่วงหลากพันธุ์ อร่อยหลากรส” เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้ รสชาติหอมหวานคุณภาพส่งออกจากจังหวัดสระแก้ว , มะม่วงเขียวเสวย หอม หวาน กรอบเนื้อแน่น ผลใหญ่ จากจังหวัดอ่างทอง , มะม่วงจินหัว รสชาติอร่อยทั้งดิบและสุก ผลดิบสีผลจะเป็นสีม่วงตลอดผล ผลแก่จะมีรสชาติมันกรอบ และปนหวานเล็กน้อย และมะม่วงอาร์ทูอีทู ซึ่งนิยมรับประทานสุก มีขนาดผลใหญ่คล้ายแอปเปิ้ล ทั้งมะม่วงจินหัว และอาร์ทูอีทู มาจากจังหวัดเชียงใหม่
สัปดาห์ที่ 2 (11-17 พ.ค.58) “หวานฉ่ำ อร่อยล้ำ สับปะรด แตงโต ส้มโอลิ้นจี่” ผลผลิตเด่น อาทิ สับปะรดฉีกตา จากประจวบคีรีขันธ์, สับปะรดห้วยมุ่น จากอุตรดิตถ์, สับปะรดไร่ม่วง จากจ.เลย, สับปะรดนางแล จากเชียงราย, แตงโมหลากสายพันธุ์จากชลบุรี, ส้มโอท่าข่อยจากพิจิตร, ส้มโอขาวแตงกวาจากชัยนาท, ลิ้นจี่ หลากพันธุ์จากพะเยา เป็นต้น
สัปดาห์ที่ 3 (18-24 พ.ค.58) “หอมหวาน สุดยอดราชา ราชินีผลไม้ ทุเรียน มังคุด” ผลผลิตเด่น เช่น ทุเรียนหลินหลง ลับแล จากอุตรดิตถ์, ทุเรียนพวงมณี ก้านยาว นกกระจิบ ของระยอง, มังคุดจากตราด ปราจีนบุรี จันทบุรี ระยอง
สัปดาห์ที่ 4 (25-31 พ.ค.58) “ใหม่สดปลอดภัย ผักอินทรีย์ กล้วยหอมทองส่งออก ผลไม้แปรรูป” ผลผลิตเด่น อาทิ กล้วยหอมทองจากเพชรบุรี, สละอินโดฯ จากนราธิวาส, ลำไยอบแห้งสีทอง จากเชียงรายและลำพูน, ผักปลอดภัย ไร้สารจากโครงการหลวงดอยอินทนนท์ เชียงใหม่ และกทม. เป็นต้น
พร้อมกันนั้น ในบริเวณงาน กระทรวงวัฒนธรรม จะจัด ถนนคนเดิน ตลาดกลางคืน เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยววิถีไทย ในช่วงของวันที่ 8-30 พ.ค.58 เฉพาะในวันศุกร์และเสาร์ ตั้งแต่เวลา 18.00-22.00 น. โดยจะมีการแสดงศิลปวัฒนธรรม 4 ภาค การแสดงพื้นบ้าน และสินค้าวัฒนธรรม ของดีเด่นของภูมิภาค 4 ภาคด้วย