"ยิ่งลักษณ์" โพสต์ รูปกับลูกชายโชว์เก็บเห็ดเก็บผักปลอดสารพิษที่ปลูกเอาไว้ ระบุต้นกรีนโอ๊คที่เพาะเอาไว้ ตอนนี้เก็บมารับประทานได้แล้ว ด้าน "ส.ศิวรักษ์" จวกหนังสือโปรโมตยิ่งลักษณ์ 2 เล่ม ทั้ง “คิดอย่างยิ่งลักษณ์” และ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร : นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย” ระบุ ผลงานของ"ปูนิ่ม" เป็นการทำความชั่วร้ายให้กับบ้านเมืองอย่างที่สุด เป็นตัว "อัปรีย์" ซึ่้งนำมาสู่การรัฐประหาร 22 พ.ค. 57
เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (26 เม.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra และ อินสตาแกรม @pouyingluck_shin เป็นภาพตนเองและบุตรชาย “น้องไปป์”ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร ในแปลงผัก พร้อมกันนั้นได้เขียนข้อความว่า
"ช่วงนี้กิจกรรมยามว่างนอกจากออกกำลังกายแล้ว ยังหันมาทานของเพื่อสุขภาพค่ะ เพราะการรับประทานอาหารที่ดี ก็จะทำให้ร่างกายดีขึ้น ก็เลยใช้พื้นที่ที่บ้านที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ ด้วยการเพาะเห็ด และปลูกผัก เช่น ต้นกรีนโอ๊ค ตอนนี้ผักเริ่มเก็บมารับประทานได้แล้วค่ะ ดิฉันกับน้องไปป์ ก็เลยมาช่วยกันชื่นชมและเก็บไปทาน เพราะทั้งสด กรอบอร่อย มีประโยชน์ ที่สำคัญปลอดสารพิษด้วยค่ะ โดยเฉพาะน้องไปป์ รู้สึกจะชอบทานผักสดขึ้นเยอะ เลยขออนุญาตเก็บมาเล่าให้แฟนเพจฟังค่ะ #เก็บมาเล่า” เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุ
ด้านนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ นักคิดนักเขียนชื่อดัง ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก วิพากษ์วิจารณ์หนังสือของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวน 2 เล่ม คือ “คิดอย่างยิ่งลักษณ์”และ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร : นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย”ที่เพิ่งมีการตีพิมพ์และวางจำหน่ายเมื่อไม่นานมานี้อย่างรุนแรง โดยระบุว่า ผลงานของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งนำมาสู่การรัฐประหาร 22 พ.ค. 57 ต้องถือว่า เป็นการทำความชั่วร้ายให้กับบ้านเมืองอย่างที่สุด
หนังสือสองเล่มนี้ ตีพิมพ์ออกมาเมื่อเจ้าหล่อนหลุดจากอำนาจไปแล้ว หาไม่ก็ย่อมต้องใช้งบประมาณแผ่นดินตีพิมพ์ผลงานของนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ที่ทำความชั่วร้ายให้กับบ้านเมืองอย่างสุดๆ
ยิ่งเรื่องที่ว่าด้วย "คิดอย่างยิ่งลักษณ์" ด้วยแล้ว เจ้าหล่อนมีความคิดละหรือ และก็ไม่แปลกใจที่ มติชน และ งานดี ตีพิมพ์ออกจำหน่าย เพราะหน่วยงานนี้รับใช้คุณเธอคนนี้ สมัยเจ้าหล่อนมีอำนาจ โดยได้รับเงินแผ่นดินไปปู้ยี่ปู้ยำ อย่างไรบ้าง
เล่มใหญ่ที่มีรูปเต็มไปหมด แสดงถึงภาพลักษณ์อันเป็นประจักษ์พยานในการใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปไหนต่อไหน ได้เฝ้าไทต่างด้าว ท้าวต่างแดนอย่างไรๆ โดยใช้เงินแผ่นดินทั้งนั้น และให้ผลอะไรในทางที่เป็นคุณกับประเทศชาติบ้าง อย่างน้อยนี่ก็แสดงให้เห็นว่า ประชาธิปไตยในรูปแบบนั้น เลวร้ายอย่างไร เพียงหย่อนบัตรลงคะแนนก็ให้คนเข้ามีอำนาจได้กระนั้นหรือ ความเลวร้ายที่อยู่หลังฉากเลือกตั้ง ไม่ต้องคำนึงถึงเลยหรือ
โดยเฉพาะเรื่อง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร : นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย" นั้น อดไม่ได้ ที่ต้องคิดเปรียบเทียบกับหนังสือที่แจกในงานฉลองหิรัญบัตร ของพระพรหมเสนาบดี เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา ซึ่งเต็มไปด้วยรูปที่พระคุณท่านพบปะคนใหญ่คนโตแทบทั่วทั้งโลก รวมทั้งคนใหญ่คนโตภายในประเทศด้วย นี่ก็ดูว่าเจ้ากูรูปนี้แสดงบทบาทได้ แทบไม่ต่างไปจากนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกเอาเลย ไม่ปรากฏว่ามีผลงานของพระคุณท่านในทางธรรมเทศนา หรือธรรมปฏิบัติ และที่น่าเศร้ายิ่งไปกว่านั้นก็คือ เวลาพระคุณท่านไปที่ไหนๆ มีการรีดไถเงินจากเจ้าคณะ พระสังฆาธิการใต้บังคับบัญชา ให้เอามาส่งส่วย เจ้าคณะที่เหนือขึ้นไปอีกด้วย หวังว่า คำนินทาที่ว่านี้ จะไม่เป็นจริง ถ้าเป็นจริง ก็แสดงว่าการที่พระคุณท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์อย่างรวดเร็วนั้น คงจะมีส่วนมาจากการหาเงินหาทองถวายผู้บังคับบัญชาของท่านกันมาโดยตลอดละกระมัง และคนที่ไม่มีความคิดอย่างยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะทักษิณ ชินวัตร สั่งได้มิใช่หรือ เจ้าหล่อนอยู่อำนาจได้เพียงสองปีเศษ ได้นำความหายนะให้กับบ้านนี้เมืองนี้อย่างสาหัสสากรรจ์ เพียงไร หนังสือทั้งสองเล่มนี้ย่อมไม่เอ่ยถึงอยู่แล้ว
แค่จำนำข้าวเรื่องเดียว ก็ให้โทษขนาดไหน มิใยต้องเอ่ยถึง นโยบายต่อต้านอุทกภัย ที่ทำเขื่อนใหญ่ และสูง จนทำลายระบบธรรมชาติดั้งเดิมจนหมดสิ้น เพียงแม่น้ำสะแกกรังแห่งเดียว วิถีชีวิตชาวแพของคนที่อุทัยธานี ก็ถึงความหายนะด้วยนโยบายนี้แท้ทีเดียว โดยมิใยต้องเอ่ยถึงเรื่องรถคันแรก ที่ทำให้จราจรติดขัดยิ่งๆ ขึ้นขนาดไหน ในขณะที่พ่อค้ารถรวยกันไปตามๆ
เชื่อว่าหนังสือสองเล่มนี้ คงไม่มีสื่อมวลชนแห่งใดนำมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างจริงจัง หรือถือว่า นี่เป็นเอกสารโฆษณาชวนเชื่อก็เลยปล่อยกันไป นับว่าตัวใครตัวมัน เป็นการช่างหัวมัน อันเป็นโทษกับบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง
แม้ คสช.จะเลวร้ายเพียงใด ก็ไม่เทียบเท่า ยิ่งลักษณ์ และพี่ชายของเธอ ซึ่งเป็นตัวอัปรีย์ โดยที่คสช. ยังไม่ถึงกับตัวจัญไร.
เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (26 เม.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra และ อินสตาแกรม @pouyingluck_shin เป็นภาพตนเองและบุตรชาย “น้องไปป์”ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร ในแปลงผัก พร้อมกันนั้นได้เขียนข้อความว่า
"ช่วงนี้กิจกรรมยามว่างนอกจากออกกำลังกายแล้ว ยังหันมาทานของเพื่อสุขภาพค่ะ เพราะการรับประทานอาหารที่ดี ก็จะทำให้ร่างกายดีขึ้น ก็เลยใช้พื้นที่ที่บ้านที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ ด้วยการเพาะเห็ด และปลูกผัก เช่น ต้นกรีนโอ๊ค ตอนนี้ผักเริ่มเก็บมารับประทานได้แล้วค่ะ ดิฉันกับน้องไปป์ ก็เลยมาช่วยกันชื่นชมและเก็บไปทาน เพราะทั้งสด กรอบอร่อย มีประโยชน์ ที่สำคัญปลอดสารพิษด้วยค่ะ โดยเฉพาะน้องไปป์ รู้สึกจะชอบทานผักสดขึ้นเยอะ เลยขออนุญาตเก็บมาเล่าให้แฟนเพจฟังค่ะ #เก็บมาเล่า” เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรมของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุ
ด้านนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์ หรือ ส.ศิวรักษ์ นักคิดนักเขียนชื่อดัง ได้มีการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก วิพากษ์วิจารณ์หนังสือของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวน 2 เล่ม คือ “คิดอย่างยิ่งลักษณ์”และ“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร : นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย”ที่เพิ่งมีการตีพิมพ์และวางจำหน่ายเมื่อไม่นานมานี้อย่างรุนแรง โดยระบุว่า ผลงานของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งนำมาสู่การรัฐประหาร 22 พ.ค. 57 ต้องถือว่า เป็นการทำความชั่วร้ายให้กับบ้านเมืองอย่างที่สุด
หนังสือสองเล่มนี้ ตีพิมพ์ออกมาเมื่อเจ้าหล่อนหลุดจากอำนาจไปแล้ว หาไม่ก็ย่อมต้องใช้งบประมาณแผ่นดินตีพิมพ์ผลงานของนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ที่ทำความชั่วร้ายให้กับบ้านเมืองอย่างสุดๆ
ยิ่งเรื่องที่ว่าด้วย "คิดอย่างยิ่งลักษณ์" ด้วยแล้ว เจ้าหล่อนมีความคิดละหรือ และก็ไม่แปลกใจที่ มติชน และ งานดี ตีพิมพ์ออกจำหน่าย เพราะหน่วยงานนี้รับใช้คุณเธอคนนี้ สมัยเจ้าหล่อนมีอำนาจ โดยได้รับเงินแผ่นดินไปปู้ยี่ปู้ยำ อย่างไรบ้าง
เล่มใหญ่ที่มีรูปเต็มไปหมด แสดงถึงภาพลักษณ์อันเป็นประจักษ์พยานในการใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปไหนต่อไหน ได้เฝ้าไทต่างด้าว ท้าวต่างแดนอย่างไรๆ โดยใช้เงินแผ่นดินทั้งนั้น และให้ผลอะไรในทางที่เป็นคุณกับประเทศชาติบ้าง อย่างน้อยนี่ก็แสดงให้เห็นว่า ประชาธิปไตยในรูปแบบนั้น เลวร้ายอย่างไร เพียงหย่อนบัตรลงคะแนนก็ให้คนเข้ามีอำนาจได้กระนั้นหรือ ความเลวร้ายที่อยู่หลังฉากเลือกตั้ง ไม่ต้องคำนึงถึงเลยหรือ
โดยเฉพาะเรื่อง "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร : นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย" นั้น อดไม่ได้ ที่ต้องคิดเปรียบเทียบกับหนังสือที่แจกในงานฉลองหิรัญบัตร ของพระพรหมเสนาบดี เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา ซึ่งเต็มไปด้วยรูปที่พระคุณท่านพบปะคนใหญ่คนโตแทบทั่วทั้งโลก รวมทั้งคนใหญ่คนโตภายในประเทศด้วย นี่ก็ดูว่าเจ้ากูรูปนี้แสดงบทบาทได้ แทบไม่ต่างไปจากนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกเอาเลย ไม่ปรากฏว่ามีผลงานของพระคุณท่านในทางธรรมเทศนา หรือธรรมปฏิบัติ และที่น่าเศร้ายิ่งไปกว่านั้นก็คือ เวลาพระคุณท่านไปที่ไหนๆ มีการรีดไถเงินจากเจ้าคณะ พระสังฆาธิการใต้บังคับบัญชา ให้เอามาส่งส่วย เจ้าคณะที่เหนือขึ้นไปอีกด้วย หวังว่า คำนินทาที่ว่านี้ จะไม่เป็นจริง ถ้าเป็นจริง ก็แสดงว่าการที่พระคุณท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์อย่างรวดเร็วนั้น คงจะมีส่วนมาจากการหาเงินหาทองถวายผู้บังคับบัญชาของท่านกันมาโดยตลอดละกระมัง และคนที่ไม่มีความคิดอย่างยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะทักษิณ ชินวัตร สั่งได้มิใช่หรือ เจ้าหล่อนอยู่อำนาจได้เพียงสองปีเศษ ได้นำความหายนะให้กับบ้านนี้เมืองนี้อย่างสาหัสสากรรจ์ เพียงไร หนังสือทั้งสองเล่มนี้ย่อมไม่เอ่ยถึงอยู่แล้ว
แค่จำนำข้าวเรื่องเดียว ก็ให้โทษขนาดไหน มิใยต้องเอ่ยถึง นโยบายต่อต้านอุทกภัย ที่ทำเขื่อนใหญ่ และสูง จนทำลายระบบธรรมชาติดั้งเดิมจนหมดสิ้น เพียงแม่น้ำสะแกกรังแห่งเดียว วิถีชีวิตชาวแพของคนที่อุทัยธานี ก็ถึงความหายนะด้วยนโยบายนี้แท้ทีเดียว โดยมิใยต้องเอ่ยถึงเรื่องรถคันแรก ที่ทำให้จราจรติดขัดยิ่งๆ ขึ้นขนาดไหน ในขณะที่พ่อค้ารถรวยกันไปตามๆ
เชื่อว่าหนังสือสองเล่มนี้ คงไม่มีสื่อมวลชนแห่งใดนำมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างจริงจัง หรือถือว่า นี่เป็นเอกสารโฆษณาชวนเชื่อก็เลยปล่อยกันไป นับว่าตัวใครตัวมัน เป็นการช่างหัวมัน อันเป็นโทษกับบ้านเมืองเป็นอย่างยิ่ง
แม้ คสช.จะเลวร้ายเพียงใด ก็ไม่เทียบเท่า ยิ่งลักษณ์ และพี่ชายของเธอ ซึ่งเป็นตัวอัปรีย์ โดยที่คสช. ยังไม่ถึงกับตัวจัญไร.