**แม้ภาครัฐจะระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วนในการป้องกันรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์อย่างเต็มที่แล้วก็ตาม แต่ตัวเลขความสูญเสียในช่วง “7วันอันตราย”ของปีนี้ ก็ไม่ได้ลดน้อยลงจากปีที่ผ่านมาแต่อย่างใด
ข้อมูลจาก ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ กระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2558 ที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุรวม 3,373 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 364 ราย มีผู้บาดเจ็บรวม 3,559 ราย ที่น่าตกใจคือ จำนวนการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ถึงร้อยละ 11
**เฉพาะตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 364 ราย จากปีก่อนที่ผู้เสียชีวิตก็มีเพียง 322 ราย
ตัวเลขความสูญเสียในช่วงเทศกาลสงกรานต์ สะท้อนความเป็นจริงของรายงานความปลอดภัยทางถนนของโลกขององค์การอนามัยโลก ที่ระบุว่า อัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของไทย สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศนามิเบีย โดยมีอัตราเฉลี่ยการเสียชีวิต 44 คน ต่อประชากร 100,000 คน
เรื่องนี้ “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์”ประธานกรรมการทุนง่วงอย่าขับ ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มูลนิธิรามาธิบดี ให้ข้อมูลกับ “เอเอสทีวีผู้จัดการ”ถึงปัญหาของการป้องกันอุบัติเหตุทางท้องถนนว่า ปัจจุบันแนวทางแก้ปัญหาลดอุบัติเหตุล้มเหลว เพราะนโยบายถูกควบคุมโดยเครือข่ายที่แสวงหาประโยชน์ หาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ ทั้งที่สถิติผู้เสียชีวิตจากเมาแล้วขับ ลดลงจากร้อยละ 70 เหลือเพียงร้อยละ 20-25 เท่านั้น
“หมอมนูญ”บอกด้วยว่า ตัวเลขการดื่มเหล้าของคนไทย เปลี่ยนจากอันดับ 5 เป็น 78 ของโลก แต่อุบัติเหตุยังมีอยู่ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ที่ผ่านมาได้มีพยายามชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่แท้จริงอันเป็นสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุร้ายแรงส่วนใหญ่บนท้องถนน ซึ่งก็คือการง่วง หรือหลับใน มากกว่าเมาแล้วขับ ที่หน่วยงานด้านสุขภาพของไทยปั่นข้อมูลเพื่อให้การดื่มเหล้าดูเป็นเหมือนสาเหตุใหญ่ของการเกิดอุบัติเหตุ
หน่วยงานด้านสุขภาพที่ “หมอมนูญ”กล่าวถึง ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือ “สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ”(สสส.) ที่มุ่งแต่การนำงบประมาณปีละกว่า 3,000 ล้านบาทไปทุ่มกับการรณรงค์เรื่องเมาไม่ขับ โดยไม่ให้ความสำคัญกับเรื่อง ง่วงไม่ขับแต่อย่างใด
“การรณรงค์เรื่องความง่วง ต้องทำไปพร้อมกับเรื่องเมาไม่ขับ ซึ่งควรจะเป็นง่วง/ดื่มไม่ขับ แทนที่จะรณรงค์เรื่องเดียว เช่นที่กำลังทำอยู่ ต้องรณรงค์ให้คนไทยตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ที่รู้ตัวว่าง่วง ต้องไม่ฝืนขับ คนไทยต้องให้ความสำคัญของการนอนหลับให้เพียงพอ ปัจจุบันเราไม่มีวิธีตรวจสอบความง่วง ข้อห้ามและบทลงโทษทางกฎหมายเหมือนกับเรื่องการเมาแล้วขับ ทางเดียวเท่านั้นที่เราสามารถทำได้คือ การรณรงค์สร้างจิตสำนึกของคนไทยให้รู้ว่า ง่วงไม่ขับ เพราะว่าฝืนสังขารร่างกาย อาจจะหลับยาวตลอดไปก็เป็นได้”นพ.มนูญ ระบุ
“หมอมนูญ”ตั้งคำถามไปถึง “สสส.”ด้วยว่า การที่หน่วยงานหลักอย่าง สสส. ใช้งบประมาณไปอย่างมหาศาลในแต่ละปี เพื่อรณรงค์ลดปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน แต่ตัวเลขข้อมูลต่างๆ กลับฟ้องให้เห็นว่า เงินที่ลงทุนไปในการรณรงค์นั้นล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เพราะตัวเลขผู้ประส[อุบัติเหตุและเสียชีวิตไม่ได้ลดลงเลย แม้กระทั่งช่วงเทศกาลที่ผ่านมา
“ควรหรือไม่ ที่จะมีการตรวจสอบทรัพย์สินของบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้เงินรณรงค์ที่ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำอีกนี้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และตอบคำถามของสังคมได้ว่า เงินเหล่านี้หายไปกับอะไร” นพ.มนูญ ฝากไปถึง สสส.
ข้อมูลจาก ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ กระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2558 ที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุรวม 3,373 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 364 ราย มีผู้บาดเจ็บรวม 3,559 ราย ที่น่าตกใจคือ จำนวนการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ถึงร้อยละ 11
**เฉพาะตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 364 ราย จากปีก่อนที่ผู้เสียชีวิตก็มีเพียง 322 ราย
ตัวเลขความสูญเสียในช่วงเทศกาลสงกรานต์ สะท้อนความเป็นจริงของรายงานความปลอดภัยทางถนนของโลกขององค์การอนามัยโลก ที่ระบุว่า อัตราผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของไทย สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศนามิเบีย โดยมีอัตราเฉลี่ยการเสียชีวิต 44 คน ต่อประชากร 100,000 คน
เรื่องนี้ “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์”ประธานกรรมการทุนง่วงอย่าขับ ในพระอุปถัมภ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ มูลนิธิรามาธิบดี ให้ข้อมูลกับ “เอเอสทีวีผู้จัดการ”ถึงปัญหาของการป้องกันอุบัติเหตุทางท้องถนนว่า ปัจจุบันแนวทางแก้ปัญหาลดอุบัติเหตุล้มเหลว เพราะนโยบายถูกควบคุมโดยเครือข่ายที่แสวงหาประโยชน์ หาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้ ทั้งที่สถิติผู้เสียชีวิตจากเมาแล้วขับ ลดลงจากร้อยละ 70 เหลือเพียงร้อยละ 20-25 เท่านั้น
“หมอมนูญ”บอกด้วยว่า ตัวเลขการดื่มเหล้าของคนไทย เปลี่ยนจากอันดับ 5 เป็น 78 ของโลก แต่อุบัติเหตุยังมีอยู่ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ที่ผ่านมาได้มีพยายามชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่แท้จริงอันเป็นสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุร้ายแรงส่วนใหญ่บนท้องถนน ซึ่งก็คือการง่วง หรือหลับใน มากกว่าเมาแล้วขับ ที่หน่วยงานด้านสุขภาพของไทยปั่นข้อมูลเพื่อให้การดื่มเหล้าดูเป็นเหมือนสาเหตุใหญ่ของการเกิดอุบัติเหตุ
หน่วยงานด้านสุขภาพที่ “หมอมนูญ”กล่าวถึง ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือ “สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ”(สสส.) ที่มุ่งแต่การนำงบประมาณปีละกว่า 3,000 ล้านบาทไปทุ่มกับการรณรงค์เรื่องเมาไม่ขับ โดยไม่ให้ความสำคัญกับเรื่อง ง่วงไม่ขับแต่อย่างใด
“การรณรงค์เรื่องความง่วง ต้องทำไปพร้อมกับเรื่องเมาไม่ขับ ซึ่งควรจะเป็นง่วง/ดื่มไม่ขับ แทนที่จะรณรงค์เรื่องเดียว เช่นที่กำลังทำอยู่ ต้องรณรงค์ให้คนไทยตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ที่รู้ตัวว่าง่วง ต้องไม่ฝืนขับ คนไทยต้องให้ความสำคัญของการนอนหลับให้เพียงพอ ปัจจุบันเราไม่มีวิธีตรวจสอบความง่วง ข้อห้ามและบทลงโทษทางกฎหมายเหมือนกับเรื่องการเมาแล้วขับ ทางเดียวเท่านั้นที่เราสามารถทำได้คือ การรณรงค์สร้างจิตสำนึกของคนไทยให้รู้ว่า ง่วงไม่ขับ เพราะว่าฝืนสังขารร่างกาย อาจจะหลับยาวตลอดไปก็เป็นได้”นพ.มนูญ ระบุ
“หมอมนูญ”ตั้งคำถามไปถึง “สสส.”ด้วยว่า การที่หน่วยงานหลักอย่าง สสส. ใช้งบประมาณไปอย่างมหาศาลในแต่ละปี เพื่อรณรงค์ลดปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนน แต่ตัวเลขข้อมูลต่างๆ กลับฟ้องให้เห็นว่า เงินที่ลงทุนไปในการรณรงค์นั้นล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เพราะตัวเลขผู้ประส[อุบัติเหตุและเสียชีวิตไม่ได้ลดลงเลย แม้กระทั่งช่วงเทศกาลที่ผ่านมา
“ควรหรือไม่ ที่จะมีการตรวจสอบทรัพย์สินของบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้เงินรณรงค์ที่ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำอีกนี้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และตอบคำถามของสังคมได้ว่า เงินเหล่านี้หายไปกับอะไร” นพ.มนูญ ฝากไปถึง สสส.