พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุการณ์ ที่มีการเผยแพร่ใน social media เป็นภาพทหารขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ โดนมีหมวกกันน็อควางไว้ในตะกร้าหน้ารถ แต่ไม่สวมใส่ จนเกิดการตอบโต้คารมกันไปมากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จุดตรวจ ว่า เรื่องนี้ นายกรัฐมนตรีรู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แลได้กำชับให้ผู้บังคับบัญชากวดขัน ดูแล ผู้ใต้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด
"ในฐานะที่ท่านนายกฯ ก็เป็นทหาร ท่านเห็นแล้วก็ไม่สบายใจ ต้องขอโทษพี่น้อง ประชาชน และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีความตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้ได้สั่งการให้กองทัพ หาตัวมาลงโทษทางวินัยให้ได้โดยเร็ว นอกจากนั้นยังฝากให้มองเหตุการณ์นี้ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้แก่เจ้าหน้าที่ทุกส่วน ทุกฝ่าย ว่า การจะบังคับใช้กฎหมาย กับประชาชน หรือกับผู้ใด ผู้จะบังคับใช้นั้นก็ต้องทำตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีก่อน ด้วยการเคารพกฎกติกา อย่างเคร่งครัด"
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า ท่านนายกฯได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ดูแลกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติตามระเบียบวินัยอย่างเที่ยงตรง ไม่ควรให้พฤติกรรมของคนเพียงคนเดียวมาทำให้ภาพรวมเสียหาย
" ทั้งยังฝากชื่นชมและขอบคุณ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร ที่ร่วมมือกันทำงานหนักกันทุกคน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนที่เดินทางตลอดช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นภาพความร่วมมือร่วมใจที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบเป็นกำลังพลของหน่วยทหารในจังหวัดสุรินทร์ ที่พบว่ามีประวัติการรักษาโรคเกี่ยวกับความเครียดอยู่ อาจมีบางช่วงเวลาที่อารมณ์แปรปรวน บางคนจึงมองว่า ในภาพดูเหมือนเป็นคนพูดจาสับสน ซึ่งทางหน่วยต้นสังกัดจะได้สอบสวนในรายละเอียดข้อเท็จจริง ทั้งเรื่องของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงความเหมาะสมในการแสดงออก ว่า เป็นเพราะความประพฤติส่วนตัว หรือมีเรื่องเจ็บป่วยเข้าไปเกี่ยวข้อง
กรณีนี้ ผู้บัญชาการทหารบก รับทราบแล้ว และได้กำชับให้หน่วยต้นสังกัดดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงและดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆโดยเร็ว หากพบว่าเป็นกำลังพลที่ขาดวินัย ให้ลงโทษตามระเบียบ และหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ อาจต้องให้นำเข้าสู่ทางการแพทย์ต่อไป ทั้งนี้ที่ผ่านมา ผบ.ทบ. กำชับกำลังพลในทุกระดับอยู่เสมอให้ระมัดระวังในเรื่องการรักษาวินัยและความประพฤติ ซึ่งถ้ามีอะไรไม่เหมาะสม แต่ละหน่วยจะมีมาตราการดำเนินการอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ปกติหน่วยงานทหาร ตำรวจ ในทุกพื้นที่ จะมีการประสานงานกันโดยตลอด โดยเฉพาะในระดับผู้บังคับบัญชา และหากพบความไม่เหมาะสมในเรื่องใดๆ ของกำลังพล ทหาร ตำรวจ จะมีธรรมเนียมและแนวทางปฏิบัติร่วมกัน ซึ่งที่ผ่านถือว่ามีประสิทธิภาพอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการบันทึกภาพนำไปเผยแพร่ อาจต้องดูที่เจตนาที่แท้จริงอีกครั้ง
"ในฐานะที่ท่านนายกฯ ก็เป็นทหาร ท่านเห็นแล้วก็ไม่สบายใจ ต้องขอโทษพี่น้อง ประชาชน และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีความตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้ได้สั่งการให้กองทัพ หาตัวมาลงโทษทางวินัยให้ได้โดยเร็ว นอกจากนั้นยังฝากให้มองเหตุการณ์นี้ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้แก่เจ้าหน้าที่ทุกส่วน ทุกฝ่าย ว่า การจะบังคับใช้กฎหมาย กับประชาชน หรือกับผู้ใด ผู้จะบังคับใช้นั้นก็ต้องทำตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีก่อน ด้วยการเคารพกฎกติกา อย่างเคร่งครัด"
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวเพิ่มเติมว่า ท่านนายกฯได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ ดูแลกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาให้ปฏิบัติตามระเบียบวินัยอย่างเที่ยงตรง ไม่ควรให้พฤติกรรมของคนเพียงคนเดียวมาทำให้ภาพรวมเสียหาย
" ทั้งยังฝากชื่นชมและขอบคุณ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหาร ที่ร่วมมือกันทำงานหนักกันทุกคน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชนที่เดินทางตลอดช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นภาพความร่วมมือร่วมใจที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบเป็นกำลังพลของหน่วยทหารในจังหวัดสุรินทร์ ที่พบว่ามีประวัติการรักษาโรคเกี่ยวกับความเครียดอยู่ อาจมีบางช่วงเวลาที่อารมณ์แปรปรวน บางคนจึงมองว่า ในภาพดูเหมือนเป็นคนพูดจาสับสน ซึ่งทางหน่วยต้นสังกัดจะได้สอบสวนในรายละเอียดข้อเท็จจริง ทั้งเรื่องของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงความเหมาะสมในการแสดงออก ว่า เป็นเพราะความประพฤติส่วนตัว หรือมีเรื่องเจ็บป่วยเข้าไปเกี่ยวข้อง
กรณีนี้ ผู้บัญชาการทหารบก รับทราบแล้ว และได้กำชับให้หน่วยต้นสังกัดดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงและดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆโดยเร็ว หากพบว่าเป็นกำลังพลที่ขาดวินัย ให้ลงโทษตามระเบียบ และหากเป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ อาจต้องให้นำเข้าสู่ทางการแพทย์ต่อไป ทั้งนี้ที่ผ่านมา ผบ.ทบ. กำชับกำลังพลในทุกระดับอยู่เสมอให้ระมัดระวังในเรื่องการรักษาวินัยและความประพฤติ ซึ่งถ้ามีอะไรไม่เหมาะสม แต่ละหน่วยจะมีมาตราการดำเนินการอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ปกติหน่วยงานทหาร ตำรวจ ในทุกพื้นที่ จะมีการประสานงานกันโดยตลอด โดยเฉพาะในระดับผู้บังคับบัญชา และหากพบความไม่เหมาะสมในเรื่องใดๆ ของกำลังพล ทหาร ตำรวจ จะมีธรรมเนียมและแนวทางปฏิบัติร่วมกัน ซึ่งที่ผ่านถือว่ามีประสิทธิภาพอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการบันทึกภาพนำไปเผยแพร่ อาจต้องดูที่เจตนาที่แท้จริงอีกครั้ง