ASTVผู้จัดการรายวัน - โฆษก กห.ระบุคาร์มบอมบ์สมุยมุ่งปมขัดแย้งผลประโยชน์ทางธุรกิจในพื้นที่ ผบ.ตร.เผยคดีอยู่ระหว่างสอบสวน การออกหมายจับต้องรอบคอบ เน้นไปที่ปมการเมือง ยันบึ้มยัดถุงขยะในซอยสุขุมวิท เกิดจากเล่นสนุกวัยรุ่น รอง ผบช.ภ.8เผย 1 ใน 2 รปภ.เซ็นทรัลฯ อาจโยงคาร์บอมบ์ ด้านทักษิณโพสต์ถึงพระสุเทพ ชี้ไม่เลิกมุสา ข่าวกรองพบ 3 ผู้ต้องสงสัยเอี่ยวอดีตนักการเมืองอำนาจเก่า จชต.
พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์บริเวณลานจอดรถชั้นใต้ดินศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมาว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการหาตัวคนผิดมาลงโทษ โดยขณะนี้ทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานที่มีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังไม่ได้มีการตัดประเด็นใดทิ้งทั้ง 3 ประเด็น ได้แก่ เรื่องสถานการณ์ทางการเมือง เรื่องความขัดแย้งผลประโยชน์ทางธุรกิจในพื้นที่ และการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือ เรื่องความขัดแย้งผลประโยชน์ทางธุรกิจในพื้นที่ รองลงมาคือเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง
ส่วนกรณีที่พระสุเทพ ปภากโร หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าเป็นฝีมือของคนที่อยู่ต่างประเทศจ้างทำคาร์บอมบ์ เพื่อสร้างสถานการณ์ความรุนแรงขึ้นในหลายจังหวัดภาคใต้นั้น ตนเชื่อว่าคนไทยจะไม่ทำร้ายกันเองที่เกิดจากอุดมการณ์แน่นอน จากการวิเคราะห์ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์
อย่างไรก็ตาม ขอประณามการกระทำของผู้ก่อเหตุและกลุ่มคนที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เพราะเป็นเหตุให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บหลายราย เป็นความตั้งใจของกลุ่มเสียผลประโยชน์ที่ต้องการทำลายบรรยากาศเวลาแห่งความสุขของคนไทยทั้งประเทศในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เป็นความพยายามที่ต้องการทำลายภาพลักษณ์ของประเทศไทยและสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม
วานนี้ (14 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่โรงพยาบาลตำรวจ (รพ.ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้านี ว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานสืบสวนสอบสวนกำลังดำเนินการอยู่ เพราะการออกหมายจับจะรีบร้อนไม่ได้ต้องมีความรอบคอบ หากออกหมายจับไปแล้วเกิดความผิดพลาดจะเป็นผลเสียต่อกระบวนการสืบสวน ทั้งนี้ได้เน้นย้ำไปที่การก่อเหตุสร้างสถานการณ์เพื่อหวังผลทางการเมืองเป็นหลักซึ่งก็มีข้อมูลเพิ่มเติมจากการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ คือ รูปแบบในการใช้ก่อเหตุ มีการจ้างวานผู้อื่นที่ไม่ใช่คนของตนเองมาก่อเหตุ เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นความสนใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนผู้ต้องสงสัยยังมีประเด็นที่ต้องมีการสอบสวนให้ละเอียดอีกมาก เพื่อหลักฐานที่ต้องชัดเจนนำไปสู่การออกหมายจับคนร้ายต่อไป
***ชี้บึ้มยัดถุงขยะ ซ.สุขุมวิทฝีมืวัยรุ่น
พล.ต.อ.สมยศกล่าวถึงเหตุระเบิดภายในซอยสุขุมวิท 101/1 ซ.วชิรธรรมสาธิต 14 แขวงและเขตบางนา กทม. จนมีเหตุให้พนักงานเก็บขยะ 2 รายบาดเจ็บว่า ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว คาดว่าจะเป็นการเล่นสนุกของวัยรุ่นโดยการนำระเบิดที่คาดว่าเป็นระเบิดปิงปองมาทิ้งไว้ในที่ทิ้งขยะบริเวณดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่เก็บขยะของ กทม.มาจัดการเก็บและแยกขยะ ระเบิดก็เกิดทำงานขึ้นส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนหาผู้กระทำผิดต่อไป
โดยเมื่อวานนี้ (14 เม.ย. ) เมื่อเวลา 09.00 น. พ.ต.ต.วัลลภ จำเนียรสวัสดิ์ ผนก.พงส. สน.บางนา รับแจ้งมีเหตุระเบิดภายในซอยสุขุมวิท 101/1 ซอยวชิรธรรมสาธิต 14 แขวงและเขตบางนา กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ พฐ. และหน่วยอีโอดี ที่เกิดเหตุเป็นหมู่บ้านมณีญาวิลล์ ซอย 4 บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 120/542 พบรถขยะ กทม. สีเขียว จอดอยู่ โดยมีพนักงานเก็บขยะนอนร้องครวญคราง นิ้วมือข้างขวาขาด 1 นิ้ว จากแรงระเบิดไม่ทราบชนิด ทราบชื่อคือ นายสุรัตน์ สิทธิปัญญา อายุ 21 ปี เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่ง รพ.บางนา อย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ ยังพบ นายอำพร แซ่เบ๊ อายุ 47 ปี และ นายกูน เจียงชัย อายุ 44 ปี ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดบริเวณขาเล็กน้อย และอีกคนหนึ่งหูอื้อ
จากการสอบสวนทราบว่า เจ้าหน้าที่เก็บขยะของ กทม. มาเก็บขยะบริเวณดังกล่าว ก่อนพบกับถุงพลาสติกสีเขียววางอยู่ จึงทำการเก็บใส่ถังขยะ พร้อมกับทำการแยกขยะ แต่เจ้าหน้าที่เห็นวัตถุทรงกลมพันด้วยผ้าเทปสีดำประมาณ 4 - 5 ลูก ด้วยความสงสัยจึงแกะออกดูว่าเป็นอะไร ก่อนจะเกิดระเบิดเสียงดังสนั่นเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ระเบิดดังกล่าวเจ้าหน้าที่คาดเป็นระเบิดปิงปองประกอบขึ้นเอง ขณะที่สาเหตุนั้นต้องรอเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
*เผย 1 ใน 2 รปภ.อาจโยงคาร์บอมบ์
พล.ต.ต.สมชาย นิตยบวรกุล รอง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 (รองผบช.ภ.8 ) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติ 3 เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ห้างเซนทรัลเฟสติวัล สมุย จ.สุราษฏร์ธานี ที่ทหารควบคุมตัวไว้ พบว่า 1 ใน 3 คน อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุคาร์บอมบ์ เพราะมีประวัติเคยก่อคดีอาญา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บ DNA ไว้ตรวจเปรียบเทียบแล้ว หากผลตรวจพิสูจน์ DNA มีความเชื่อมโยงกัน ก็จะขออนุมัติศาลออกหมายจับทันที
พล.ต.เกื้อกูล อินนาจักร ผบ.จังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี (ผบ.จทบ.สุราษฎร์ฯ) เปิดเผยว่า ทหารควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 3 รายในเหตุระเบิดห้างสรรพสินค้าที่เกาะสมุยโดยใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของ รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว เนื่องจากเป็นความรับผิดชอบของฝ่ายความมั่นคง โดยทางตำรวจสามารถมาขอสอบสวนเพิ่มเติมได้ โดยต้องทำตามระเบียบ ต้องมาขออนุมัติ ซึ่งตอนนี้ทางตำรวจก็ได้ติดต่อเพื่อจะขอมาสอบสวนทั้ง 3 คนแล้ว ซึ่งทางหน่วยงานความมั่นคงก็อนุญาตให้เข้าไปสอบสวนพยานเพิ่มเติมแล้ว
โดยตำรวจสอบสวนมุ่งไป 3 ประเด็น คือการเมือง การเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ 3 จังหวัดภาคใต้ และปัญหาขัดแย้งภายใน ซึ่งทั้ง 3 ประเด็นก็เป็นที่น่าสนใจ ส่วนจะมุ่งไปประเด็นไหนก็ยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่จะมุ่งไปประเด็นไหนก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ทั้งกล้องวงจรปิด และหลักฐานทางดีเอ็นเอ หากหลักฐานชี้ไปทางไหนก็ต้องไปทางประเด็นนั้น ซึ่งการสืบสวนเป็นหน้าที่ของตำรวจ ทหารมีหน้าที่ดูเรื่องความมั่นคง เชื่อว่าจะได้ข่าวดี
มีรายงานว่ากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดี ได้นำพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทโปรการ์ด จำกัด ที่รับจ้างดูแลรักษาความปลอดภัยศูนย์การค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล เกาะสมุยอีก 3 คน ซึ่งเป็นคนจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาให้ พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.สยศ.ตร. สอบปากคำเพิ่มเติม โดยมีเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี 2 นาย มาเฝ้าอยู่ด้วย
หลังจากสอบปากคำเสร็จ ทาง สห.ได้นำตัว รปภ.ทั้ง 3 คน ส่งให้ทหารตามมาตรา 44 ไปควบคุมตัวไว้ที่ค่ายวิภาวดีรังสิต จังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี รวมกับ รปภ. 3 คนแรกที่ถูกส่งตัวไปควบคุมไว้ตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย.58 รวม 6 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นคนมาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้ฝ่ายความมั่นคงของทหารตรวจสอบประวัติต่อไป
*แม้วโพสต์ถึงพระสุเทพ ชี้มุสาประจำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้โพสต์ข้อความลงในทวิตเตอร์ Thaksin Shinawatra @ ThaksinLive ระบุ "ถึงพระสุเทพ เราหยุดมานานแล้ว แต่ท่านยังไม่หยุด ท่านบอกท่านบวชแล้ว 9 เดือน อย่าบวชแต่กาย เพียงโกนหัวและนุ่งผ้าเหลืองเท่านั้น ควรเอาใจไปบวชด้วย เพราะท่านมุสาเป็นประจำ นึกว่านุ่งผ้าเหลืองแล้วจะเลิกมุสา เรารู้จักกันกีพอนะ".
*อดีตนักการเมืองอำนาจเก่า จชต.มีเอี่ยว
วานนี้ (14 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการสืบสวนข้อเท็จจริงในส่วนของ กอ.รมน.ภาค 4 ในส่วนที่เกี่ยวกับกลุ่มคนร้ายที่ทำหน้าที่ในการปล้นชิงรถยนต์จากพนักงานขับรถของ อบต.ละแอ อ.ยะหา จ.ยะลา ซึ่งเป็นรถยนต์คันที่ใช้ในการประกอบเป็น “คาร์บอมบ์” ที่ลานจอดรถห้างเซ็นทรัลเกาะสมุยว่า
ได้รับรายงานจากชุดซักถามของกรมทหารพรานที่ 41 เกี่ยวกับการซักถาม นายอับดุลรอซะ ดูมิแด พนักงานขับรถ อบต.ละแอ ซึ่งได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จนทราบแล้วว่า คนร้ายบางส่วนที่ทำการปล้นชิงรถไปทำ “คาร์บอมบ์” เป็นใคร และกลุ่มไหน โดยพบว่าไม่ใช่เป็นการปล้น แต่เป็นการ “จัดฉาก” เพื่อกันคนขับรถให้พ้นความผิด ทำให้สามารถที่จะต่อจิ๊กซอว์ของกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้ เพื่อหาการเชื่อมโยงกับกลุ่มที่อยู่ที่เกาะสมุย เพราะมีความเกี่ยวพันที่เป็นเครือข่าย มีการวางแผนล่วงหน้าอย่างดีก่อนที่จะมีการปฏิบัติการ เช่นเดียวกับการทำ “คาร์บอมบ์” ที่โรงแรมลีการ์เดนส์ พลาซ่า หาดใหญ่ ที่โรงแรมเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ที่ข้างโรงแรมสาธิตที่ อ.สะเดา และการทำ จยย.บอมบ์ที่โรงพักหาดใหญ่ ซึ่งลักษณะการปฏิบัติการแบบเดียวกัน
ในส่วนการสอบสวน รปภ. 3 ของห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล ซึ่งเป็นคนจาก 3 จังหวัด ที่เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ควบคุมตัวเพื่อขยายผลถึงการเกี่ยวข้องต่อการวางระเบิดหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ได้เปิดเผยให้ทราบว่า คนทั้ง 3 ได้ให้การที่เป็นประโยชน์กับรูปคดี รวมถึงการเชื่อมโยงของกลุ่มแนวร่วมใน 3 จังหวัด แต่ยังไม่สามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มที่เข้ามาก่อเหตุในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังคงควบคุมตัวเอาไว้โดยอำนาจ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อสอบถามรายละเอียดต่อไป
สำหรับความคืบหน้าในการสอบสอบสาเหตุของการทำ “คาร์บอมบ์” ในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากชุดสืบสวนของ พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ ว่า ขณะนี้ประเด็นการก่อเหตุแคบเข้าแล้ว โดยมีการตัดประเด็นการก่อเหตุจากความขัดแย้งของกลุ่มอิทธิพลในเกาะสมุย และความขัดแย้งในการไล่ รปภ.ออกจากงาน ให้เหลือเพียงเรื่องการว่าจ้างจากผู้ที่ต้องการก่อกวนเพื่อนสร้างความปั่นป่วนให้แก่บ้านเมือง และเรื่องการปฏิบัติการก่อการร้ายของขบวนการโจรแบ่งแยกดินแดนภาคใต้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเตมว่า ได้มีคำสั่งให้หน่วยข่าวความมั่นคงของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และ ตำรวจสันติบาล รวมทั้งชุดประสานงานชายแดนหาข่าวความเชื่อมโยงจากแกนนำขบวนการบีอาร์เอ็น และพูโล ทั้งใน 3 จังหวัดภาคใต้ และในประเทศมาเลเซีย โดยมีการส่งนายทหารที่เกาะติดความเคลื่อนไหวของแกนนำของบีอาร์เอ็น และพูโล ไปพบกับนายตำรวจระดับ พ.ต.อ.ผู้หนึ่ง ที่อยู่ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเคยเป็นผู้ที่มีบทบาทต่ออำนาจเก่า ในการประสานงานให้แกนนำบีอาร์เอ็น และพูโล ได้พบกับผู้นำอำนาจเก่า ก่อนที่บีอาร์เอ็น จะมีการพูดคุยกับตัวแทนรัฐบาลเพื่อไทย เมื่อปี 2556 ที่ผ่านมา รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับ พ.ต.อ.ผู้นี้ เป็นผู้ที่ประสานงานอยู่กับชมรมต้มยำกุ้ง ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีบทบาทกับกลุ่มอำนาจเก่า เพื่อหาข้อมูลของการจ้างวาน แนวร่วมในพื้นที่ 4 จังหวัดก่อเหตุ
ในขณะที่หน่วยข่าวกรองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ทำการตรวจสอบรายชื่อของกลุ่มแกนนำที่ถูกระบุว่า เป็นผู้วางแผนในการระเบิดห้างเซ็นทรัลในครั้งนี้ เช่น นายอูไบดีละ รอมลี นายอาบัส เจะอาลี นายปอเซ็ง เจ๊ะมะ นายรุสลัน ใบหมะ ว่ามีความใกล้ชิดกับกลุ่มการเมืองอำนาจเก่า ในพื้นที่ 3 จังหวัดหรือไม่ ซึ่งขณะนี้หน่วยข่าวกรองได้โฟกัสไปที่อดีตนักการเมืองใน จ.นราธิวาส และยะลา จำนวน 3 คน ที่พบว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มบีอาร์เอ็น กลุ่มนี้ที่มีศักยภาพในการใช้ หรือจ้างวานให้ก่อเหตุได้
ด้านแหล่งข่าวอดีตนักการเมืองที่เคยอยู่กับฝ่ายอำนาจเก่ารายหนึ่ง ใน จ.ปัตตานี กล่าวว่า การที่ตัวแทนของรัฐบาลพยายามที่จะให้ข่าวว่าคาร์บอมบ์ที่เกิดขึ้นมาจากฝีมือของกลุ่มอำนาจเก่า ย่อมหมายถึงคนของพรรคเพื่อไทย และพื้นที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ภาคใต้ ดังนั้น คงหมายถึงคนของอำนาจเก่าใน 3 จังหวัด จึงอยากจะฝากว่าก่อนที่จะมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนขออย่าได้ทำการป้ายสี หรือทำให้สังคมเข้าใจผิด เพราะขณะนี้ยังไม่มีพยานหลักฐานอะไรแม้แต่อย่างเดียวว่าเป็นการกระทำของคนในกลุ่มอำนาจเก่า และที่น่าสังเกตคือ หลังเกิดระเบิดเพียงวันเดียวก็มีการให้ข่าวว่า เป็นการกระทำของอำนาจเก่า ทั้งที่ยังไม่มีการสืบสวนสอบสวนด้วยซ้ำ ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย แต่ถ้าเป็นเรื่องป้ายสี อาจจะกลายเป็นเงื่อนไขของความรุนแรงในพื้นที่มากขึ้นก็ได้
อย่างไรก็ตาม หน่วยข่าวบางหน่วยในพื้นที่ตรวจสอบพบว่า ระเบิดที่เกาะสมุยไม่ใช่เป็นการจ้างวาน ไม่ว่าจะเป็นอำนาจเก่า หรือเป็นความขัดแย้งอื่นๆ แต่เป็นการปฏิบัติการของแนวร่วมบีอาร์เอ็นที่ต้องการขยายพื้นที่การก่อการร้ายในเมืองเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว เพื่อต่อรองกับรัฐบาลในการพูดคุยสันติสุข ที่บีอาร์เอ็นเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้แข็งกร้าว ไม่ยอมรับข้อเสนอของบีอาร์เอ็น การขยายพื้นที่ก่อเหตุครั้งนี้เพื่อยืนยันให้รัฐบาลเห็นว่า บีอาร์เอ็นมีศักยภาพในการก่อการร้าย เพื่อสร้างความเสียหายเป็นการต่อรองเพื่อความได้เปรียบของการเจรจา โดยแกนนำบีอาร์เอ็นในพื้นที่ไม่ได้ปฏิเสธว่า การกระทำครั้งนี้ไม่ใช่ฝีมือของบีอาร์เอ็น
ในขณะที่หน่วยข่าวกรองในพื้นที่ได้รายงานให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าทราบว่า ได้รับรายงานข่าวจากสายข่าวว่า แกนนำขบวนการบีอาร์เอ็น ได้สั่งการให้แนวร่วมในพื้นที่ปฏิบัติการต่อเนื่องโดยเพิ่มความรุนแรงต่อเป้าหมายเจ้าหน้าที่ และประชาชนที่เป็นไทยพุทธ เพื่อสร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้น เป็นการประสานกับเหตุคาร์บอมบ์ที่ อ.เกาะสมุย ซึ่งหน่วยข่าวตรวจพบความเคลื่อนไหวของแนวร่วม ใน 4 จังหวัด ซึ่ง พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้สั่งการให้ ฉก.ทุกแห่งป้องกันเหตุอย่างเต็มที่.