ตามจับแก๊งแว้นเหิมทุบ สวป.ได้อีก 3 คน เตรียมนำตัวแถลงข่าว ก่อนที่จะนำตัวทั้งหมดไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ จนท.แฉแก๊งแว้นนัดซิ่งแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางโลกโซเซียลมีเดีย
วานนี้ (13 เม.ย.) พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา กล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีแก๊งเด็กแว้นทำร้ายร่างกาย พ.ต.ท.กฤษณ์ บุญเรืองคณาภรณ์ สวป.สภ.พนมสารคาม จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะกำลังเข้าไปทำการตรวจยึดรถ จยย.ผิดกฎหมายเพียงลำพัง ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท.ชวาลกิต 1 ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่องเมื่อวานนี้ว่า
ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ไปติดตามจับกุมตัวเพื่อนร่วมแก๊งภายในกลุ่มของนายคมสันต์ จันทร์ศรี หรือ เบิร์ด อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 ม.5 ต.โคกไทย อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ด้วยในขณะเกิดเหตุได้เพิ่มอีก 3 คน และเตรียมที่จะนำตัวมาแถลงข่าวเพิ่มเติมในเวลา 13.00 น.วันนี้ ที่ สภ.พนมสารคาม ก่อนที่จะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุต่อไป
นายคมสันต์ ผู้ที่ลงมือก่อเหตุทำร้ายร่างกาย สวป.นั้นเป็นหัวหน้าแก๊งเด็กแว้น ในกลุ่มบ้านซ่อง ซึ่งในวันเกิดเหตุนั้นกลุ่มเด็กแว้นเหล่านี้ได้มีการนัดกันที่จะปิดถนนแข่งขันรถจักยานยนต์ผ่านทางโลกโซเชียลมีเดีย หรือ “เฟซบุ๊ก” ที่บริเวณบนถนนสาย 3245 พนมสารคาม-สนามชัยเขต ด้านหน้าโรงเรียนกาญจนาภิเษก ในเขตพื้นที่ ม.3 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม ซึ่งได้มีการเตรียมการนัดกันไว้หลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มสนามชัยเขต กลุ่มพนมสารคาม กลุ่มบ้านซ่อง รวมจำนวนเกือบ 100 คัน
โดยกลุ่มของนายคมสันต์ กำลังอยู่ระหว่างการเดินทางมาจาก ต.บ้านซ่อง เพื่อไปรวมตัวกันยังที่นัดหมายกันไว้ และได้แวะเข้าปั๊ม ปตท.เพื่อเติมน้ำมันก่อน ซึ่งมีจำนวนประมาณ 10 กว่าคัน แต่ส่วนใหญ่จอดรออยู่ที่ด้านนอกปั๊มในวันเกิดเหตุ และได้เข้าไปเติมน้ำมันเพียงจำนวน 3-4 คัน
สำหรับผู้ต้องหาที่ร่วมก๊วน ทางเจ้าหน้าที่ได้ไปติดตามจับกุมตัวมาได้เพิ่มเติมนั้นยังอยู่ระหว่างการสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นต่อการพาผู้ก่อเหตุหลบหนีไปด้วยหรือไม่ และมีส่วนช่วยเหลือในการนำรถ จยย.ผิดกฎหมาย ที่กำลังถูกตรวจยึดหลบหนีไปหรือไม่ ก่อนที่จะแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ต้องหาที่จับกุมได้เพิ่มเติม
ส่วนกรณีข้อสงสัยที่ว่า ผู้ก่อเหตุนั้นมีอาวุธ หรือของแข็งอยู่ในมือหรือไม่ขณะก่อเหตุ ยังคงต้องสอบพยานแวดล้อม และเพื่อนร่วมก๊วนที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่จากการสอบสวนพยานที่ผ่านมาไม่พบว่า มีอาวุธ หรือของแข็งติดมือก่อนเข้ามาทำร้ายเจ้าหน้าที่ ประกอบกับผู้ต้องหาเป็นคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่มากถึง 190 ซม.แค่ใช้มือเปล่าๆ ก็น่าที่จะมีน้ำหนักเพียงพอที่จะทำร้าย สวป.ให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้แล้ว
หลังจากที่ได้ทำการสอบถาม พ.ต.ท.กฤษณ์ แล้วทราบว่า ผู้ก่อเหตุได้ลงมือต่อยเพียง 2 ครั้ง ร่างเขาก็เซล้มลงไปแล้ว จึงเชื่อว่าผู้ก่อเหตุนั้นไม่มีอาวุธในขณะเข้ามาทำร้าย สวป.
วานนี้ (13 เม.ย.) พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา กล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีแก๊งเด็กแว้นทำร้ายร่างกาย พ.ต.ท.กฤษณ์ บุญเรืองคณาภรณ์ สวป.สภ.พนมสารคาม จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะกำลังเข้าไปทำการตรวจยึดรถ จยย.ผิดกฎหมายเพียงลำพัง ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท.ชวาลกิต 1 ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่องเมื่อวานนี้ว่า
ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ไปติดตามจับกุมตัวเพื่อนร่วมแก๊งภายในกลุ่มของนายคมสันต์ จันทร์ศรี หรือ เบิร์ด อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123 ม.5 ต.โคกไทย อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ด้วยในขณะเกิดเหตุได้เพิ่มอีก 3 คน และเตรียมที่จะนำตัวมาแถลงข่าวเพิ่มเติมในเวลา 13.00 น.วันนี้ ที่ สภ.พนมสารคาม ก่อนที่จะนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุต่อไป
นายคมสันต์ ผู้ที่ลงมือก่อเหตุทำร้ายร่างกาย สวป.นั้นเป็นหัวหน้าแก๊งเด็กแว้น ในกลุ่มบ้านซ่อง ซึ่งในวันเกิดเหตุนั้นกลุ่มเด็กแว้นเหล่านี้ได้มีการนัดกันที่จะปิดถนนแข่งขันรถจักยานยนต์ผ่านทางโลกโซเชียลมีเดีย หรือ “เฟซบุ๊ก” ที่บริเวณบนถนนสาย 3245 พนมสารคาม-สนามชัยเขต ด้านหน้าโรงเรียนกาญจนาภิเษก ในเขตพื้นที่ ม.3 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม ซึ่งได้มีการเตรียมการนัดกันไว้หลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มสนามชัยเขต กลุ่มพนมสารคาม กลุ่มบ้านซ่อง รวมจำนวนเกือบ 100 คัน
โดยกลุ่มของนายคมสันต์ กำลังอยู่ระหว่างการเดินทางมาจาก ต.บ้านซ่อง เพื่อไปรวมตัวกันยังที่นัดหมายกันไว้ และได้แวะเข้าปั๊ม ปตท.เพื่อเติมน้ำมันก่อน ซึ่งมีจำนวนประมาณ 10 กว่าคัน แต่ส่วนใหญ่จอดรออยู่ที่ด้านนอกปั๊มในวันเกิดเหตุ และได้เข้าไปเติมน้ำมันเพียงจำนวน 3-4 คัน
สำหรับผู้ต้องหาที่ร่วมก๊วน ทางเจ้าหน้าที่ได้ไปติดตามจับกุมตัวมาได้เพิ่มเติมนั้นยังอยู่ระหว่างการสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นต่อการพาผู้ก่อเหตุหลบหนีไปด้วยหรือไม่ และมีส่วนช่วยเหลือในการนำรถ จยย.ผิดกฎหมาย ที่กำลังถูกตรวจยึดหลบหนีไปหรือไม่ ก่อนที่จะแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ต้องหาที่จับกุมได้เพิ่มเติม
ส่วนกรณีข้อสงสัยที่ว่า ผู้ก่อเหตุนั้นมีอาวุธ หรือของแข็งอยู่ในมือหรือไม่ขณะก่อเหตุ ยังคงต้องสอบพยานแวดล้อม และเพื่อนร่วมก๊วนที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่จากการสอบสวนพยานที่ผ่านมาไม่พบว่า มีอาวุธ หรือของแข็งติดมือก่อนเข้ามาทำร้ายเจ้าหน้าที่ ประกอบกับผู้ต้องหาเป็นคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่มากถึง 190 ซม.แค่ใช้มือเปล่าๆ ก็น่าที่จะมีน้ำหนักเพียงพอที่จะทำร้าย สวป.ให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้แล้ว
หลังจากที่ได้ทำการสอบถาม พ.ต.ท.กฤษณ์ แล้วทราบว่า ผู้ก่อเหตุได้ลงมือต่อยเพียง 2 ครั้ง ร่างเขาก็เซล้มลงไปแล้ว จึงเชื่อว่าผู้ก่อเหตุนั้นไม่มีอาวุธในขณะเข้ามาทำร้าย สวป.
