เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (2เม.ย.) ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี นำ 2 รัฐมนตรี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นพ.รัชตะ รัชตนาวิน รมว.สาธารณสุข และตัวแทน 4 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมแถลงข่าว "รัฐ-ราษฎร์ ร่วมใจห่วงใยผู้สูงอายุ" เพื่อบูรณาการงานกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุในระดับพื้นที่ ระดับตำบล และอำเภอ ในทุกจังหวัด ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
นายยงยุทธ กล่าวว่า ผู้สูงอายุในประเทศไทยมีอัตราเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดว่า ในปี 2578 หรืออีก 20 ปีข้างหน้า ประชากรผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 30 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ดังนั้นรัฐบาลได้มีนโยบายสนับสนุนมาตรการรองรับผู้สูงอายุไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีศักยภาพต่อการร่วมพัฒนาสังคม โดยความร่วมมือระหว่าง 6 กระทรวง และหน่วยงานด้านสร้างเสริมสุขภาพ อาทิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกันบูรณาการงานที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุในระดับพื้นที่
นายยงยุทธ กล่าวว่า แต่ละหน่วยงานให้ความสำคัญ และส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุในแต่ละด้าน ตามบทบาทหน้าที่ของหน่วยงาน แต่จะเกิดกลไกเชื่อมประสานให้การทำงานในพื้นที่ระดับตำบลเป็นเอกภาพยิ่งขึ้น ช่วยลดความซ้ำซ้อน เกิดการเชื่อมโยงข้อมูล เครือข่าย แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ทำให้สามารถวางแนวทางพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีคณะกรรมการบูรณาการ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ที่ประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวงต่างๆ ข้างต้น ร่วมสนับสนุนการดำเนินงาน และตนทำหน้าที่ติดตามความก้าวหน้าเป็นระยะ ทั้งนี้ตั้งเป้าให้เกิดพื้นที่บูรณาการนำร่องอย่างน้อย 155 ตำบล ใน 76 จังหวัด ภายในปี 2558 จากนั้นจะขยายผลให้เกิดขึ้นทั่วประเทศต่อไป
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า พม. เน้นสนับสนุนส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ และการพิทักษ์ผู้สูงอายุ ใน 8 ประเด็น สำคัญ คือ 1. พัฒนาศักยภาพและสร้างความเข้มแข็งชมรมผู้สูงอายุ 2. สนับสนุนจัดตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุในพื้นที่ 3. ให้ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) เป็นศูนย์กลางพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุระดับพื้นที่ 4. สนับสนุนปรับสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่พักอาศัยของผู้สูงอายุ และสถานที่สาธารณะในชุมชน
5. สนับสนุนกิจกรรมนันทนาการ และกิจกรรมทางวัฒนธรรมท้องถิ่นโดยการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุ 6. สนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลผู้สูงอายุ 7. ส่งเสริมการให้ความรู้เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมสู่วัยสูงอายุ และ 8. ประสานความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ทั้งในส่วนกลางและระดับพื้นที่ เพื่อสนับสนุนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ
นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า สาธารณสุขเน้นจัดบริการด้านสุขภาพ อาทิ ส่งเสริมสนับสนุนการบริการสุขภาพผู้สูงอายุโดยการตรวจคัดกรอง/บริการทันตกรรม ประเมิน และส่งต่อเพื่อดูแลอย่างบูรณาการเชื่อมโยงจากสถานพยาบาลสู่ชุมชนท้องถิ่น การจัดทีมหมอครอบครัว (Family care team) เพื่อสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในผู้สูงอายุ การเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง และส่งต่อเพื่อการบำบัดรักษา การฝึกอบรมผู้จัดการการดูแลผู้สูงอายุ (Care manager) และฝึกอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Care giver) ในชุมชน
นายยงยุทธ กล่าวว่า ผู้สูงอายุในประเทศไทยมีอัตราเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดว่า ในปี 2578 หรืออีก 20 ปีข้างหน้า ประชากรผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 30 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ดังนั้นรัฐบาลได้มีนโยบายสนับสนุนมาตรการรองรับผู้สูงอายุไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีศักยภาพต่อการร่วมพัฒนาสังคม โดยความร่วมมือระหว่าง 6 กระทรวง และหน่วยงานด้านสร้างเสริมสุขภาพ อาทิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกันบูรณาการงานที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุในระดับพื้นที่
นายยงยุทธ กล่าวว่า แต่ละหน่วยงานให้ความสำคัญ และส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพผู้สูงอายุในแต่ละด้าน ตามบทบาทหน้าที่ของหน่วยงาน แต่จะเกิดกลไกเชื่อมประสานให้การทำงานในพื้นที่ระดับตำบลเป็นเอกภาพยิ่งขึ้น ช่วยลดความซ้ำซ้อน เกิดการเชื่อมโยงข้อมูล เครือข่าย แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ทำให้สามารถวางแนวทางพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีคณะกรรมการบูรณาการ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ ที่ประกอบด้วยผู้แทนจากกระทรวงต่างๆ ข้างต้น ร่วมสนับสนุนการดำเนินงาน และตนทำหน้าที่ติดตามความก้าวหน้าเป็นระยะ ทั้งนี้ตั้งเป้าให้เกิดพื้นที่บูรณาการนำร่องอย่างน้อย 155 ตำบล ใน 76 จังหวัด ภายในปี 2558 จากนั้นจะขยายผลให้เกิดขึ้นทั่วประเทศต่อไป
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า พม. เน้นสนับสนุนส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ และการพิทักษ์ผู้สูงอายุ ใน 8 ประเด็น สำคัญ คือ 1. พัฒนาศักยภาพและสร้างความเข้มแข็งชมรมผู้สูงอายุ 2. สนับสนุนจัดตั้งโรงเรียนผู้สูงอายุในพื้นที่ 3. ให้ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) เป็นศูนย์กลางพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุระดับพื้นที่ 4. สนับสนุนปรับสภาพแวดล้อมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่พักอาศัยของผู้สูงอายุ และสถานที่สาธารณะในชุมชน
5. สนับสนุนกิจกรรมนันทนาการ และกิจกรรมทางวัฒนธรรมท้องถิ่นโดยการมีส่วนร่วมของผู้สูงอายุ 6. สนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการดูแลผู้สูงอายุ 7. ส่งเสริมการให้ความรู้เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมสู่วัยสูงอายุ และ 8. ประสานความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ทั้งในส่วนกลางและระดับพื้นที่ เพื่อสนับสนุนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ
นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า สาธารณสุขเน้นจัดบริการด้านสุขภาพ อาทิ ส่งเสริมสนับสนุนการบริการสุขภาพผู้สูงอายุโดยการตรวจคัดกรอง/บริการทันตกรรม ประเมิน และส่งต่อเพื่อดูแลอย่างบูรณาการเชื่อมโยงจากสถานพยาบาลสู่ชุมชนท้องถิ่น การจัดทีมหมอครอบครัว (Family care team) เพื่อสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในผู้สูงอายุ การเยี่ยมบ้านผู้สูงอายุติดบ้านติดเตียง และส่งต่อเพื่อการบำบัดรักษา การฝึกอบรมผู้จัดการการดูแลผู้สูงอายุ (Care manager) และฝึกอบรมผู้ดูแลผู้สูงอายุ (Care giver) ในชุมชน