xs
xsm
sm
md
lg

'ประยุทธ์'เผยเลิกอัยการศึกทูลเกล้าฯแล้วม.44ขังไม่เกิน7วัน 3ศาลทหาร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


"ประยุทธ์" เผยทูลเกล้าฯ ยกเลิกกฎอัยการศึกแล้ว ส่วนร่างคำสั่ง คสช.ก็เสร็จแล้ว มี 5-6 ข้อ ยันใช้ม.44 ในด้านความมั่นคง กักขังไม่เกิน 7 วัน ศาลทหารมี 3 ศาล ไม่ต้องกลัว แจงสื่อเทศ เปรียบประชาธิปไตยไทยในอดีต เหมือนติดกระดุมเสื้อผิดรู เป็นเหตุให้ต้องมีการปฏิรูป ที่ผ่านมาฝ่ายการเมืองอยู่เหนือความถูกต้อง พกอาวุธมาประท้วง ทำลายล้างกัน ยันกำลังทำประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ เป็นที่ยอมรับของชาวโลก สั่งรมต.สำนักนายกฯ จัดห้องเลคเชอร์สื่อทำเนียบฯ ทุกวันประชุม ครม. "วิษณุ" ขออย่าระแวงใช้ ม.44 ยันเบากว่ากฎอัยการศึก ไม่หนีเสือปะจระเข้แน่ แถมมีมาตรการเยียวยา บรรเทาความเสียหายให้ด้วย

เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (31มี.ค.) ภายหลังการประชุม ครม.ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงข่าว และให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการใช้อำนาจตาม มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 น.ส. ซาแมนต้า ฮอว์ลี่ ผู้สื่อข่าวประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากสำนักข่าวเอบีซี ออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย ได้ตั้งคำถามถามถึง ร่างรัฐธรรมนูญของไทย ที่กำลังยกร่างกันอยู่ขณะนี้ ว่า นายกรัฐมนตรีทราบหรือไม่ว่า สังคมโลกห่วง และมีข้อกังวลกันเยอะมากว่าจะไม่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินลงจากโพเดี้ยม มาฟังคำถามใกล้ๆ เนื่องจากได้ยินคำถามไม่ชัด และเมื่อเข้าใจคำถามชัดเจน ก็ได้ย้อนถามกลับว่า ประชาธิปไตยในมุมมองของคุณ คืออะไร ก็คือการมีเสรีภาพ แต่วันนี้การไปไหนมาไหน ตนก็ไม่ห้าม รัฐธรรมนูญในวันนี้ ต้องปฏิรูป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรี พยายามอธิบายประชาธิปไตยของไทยในช่วงที่ผ่านมา ต่อสำนักข่าวต่างประเทศดังกล่าว โดยได้พูดเป็นภาษาอังกฤษ และอธิบายด้วยสัญลักษณ์ โดยได้จับ และปลดกระดุมเสื้อ เพื่อเปรียบเทียบว่า ประชาธิปไตยไทย เหมือนเป็นการติดกระดุมเสื้อผิดเม็ด และบางที ไม่ใช่แค่ติดกระดุมเสื้อผิดเม็ด เพราะการติดกระดุมผิด ยังทำให้เห็นกางเกงก็จะดูไม่เรียบร้อย ก่อนจะชี้ให้ดูตาม

จากนั้นนายกฯได้เดินขึ้นไปยืนที่โพเดี้ยมแถลงข่าว เพื่อตอบข้อซักถามสื่อมวลชนต่อ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เดี๋ยวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งข้อมูลไปชี้แจง ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอยู่แบบนี้ โดยให้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.) ว่า ยังไม่ต้องเอาร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังยกร่างออกมาพูด เพราะตนยังไม่ได้ดูเป็นเรื่องเป็นราว บางครั้งส่งมา ตนก็ยังไม่ได้อ่าน หลังจากนี้ก็จะต้องไปร่วมประชุม กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมาการสร้างการรับรู้รับทราบ กลับเป็นการสร้างความเข้าใจผิด อย่างประเทศออสเตรเลีย ก็ไม่เข้าใจแล้ว ตนได้ให้ประเด็นไปว่า ให้ไปร่างรัฐธรรมนูญมาว่า อะไรที่เป็นปัญหาของประเทศไทย อะไรที่ต้องเดินไปข้างหน้า ก็ต้องทำต่อไป จะต้องใช้กฎหมายตัวไหนเพื่อจะแก้ปัญหาเร่งด่วน ระยะยาว ปฏิรูปครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 หรือ 3 ก็ต้องไปทำกฎหมาย หาความรับผิดชอบมา รวมทั้งรัฐบาลจะไม่ทุจริตได้อย่างไร ไม่ทุจริต ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน จะต้องไม่มีคนสนับสนุนผู้ใช้อาวุธสงครามต่อประชาชน เรื่องนี้ต้องอธิบายให้เกิดความเข้าใจ โดยเฉพาะต่างชาติ อย่างประเทศออสเตรเลีย ที่มาตั้งคำถามวันนี้ บ้านเขาก็ไม่เคยเกิดสถานการณ์เช่นเดียวกับบ้านเรา ไม่เคยมีการประท้วงรัฐบาล และมีการใช้อาวุธมายิงต่อสู้กัน

"ต้องช่วยกันอธิบายให้เขาเกิดความเข้าใจอย่ามาพูดคำว่า freedom อย่างเดียว หรือ democracy ผมนี่แหละ democracy ถ้าไม่ democracy วันนี้พวกท่านจะมานั่งอย่างนี้กับผมไม่ได้ ต้องช่วยกันบอกเขา วันนี้มีอะไรบ้างที่ผมจำกัด มีแต่วิธีการตรวจสอบเท่านั้น ตรวจสอบเสร็จก็เรียกมาคุยกัน และปล่อยตัวกลับบ้าน ถ้าต้องติดคุก ก็เป็นพวกที่มีคดี ทั้งคดีอาญา และมีหลักฐาน จะปล่อยไปได้อย่างไร อย่างระเบิดครั้งที่แล้ว จับกุมได้ และมีหลักฐานก็ออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ ก็เห็นชัดเจน มีการไล่ยิงกันอยู่ที่ศาลอาญา จะไปอุปโลกน์ใคร และจับกุมได้ ไม่เคยฟังข้อเท็จจริง กล่าวหาว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ จะสร้างถึงขนาดไปยิงขากันเลยหรือ โธ่.. มันจะบ้าหรือเปล่า ขอให้เข้าใจกันเสียบ้าง ขอให้ช่วยบอกกับต่างชาติว่า เรากำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่าน เพื่อเป็นประชาธิปไตยสากล วันนี้ที่ไปไม่ได้ ก็เพราะยังติดประท้วงตรงนั้น ตรงนี้ ทุกคนไม่เคยพูดว่าปัญหาคืออะไร อยากจะให้ประเทศไทยเป็นเหมือนเดิมหรืออย่างไร ไม่สงสารประชาชนที่เจ็บตายกันทุกวันหรืออย่างไร เจ้าหน้าที่เหน็ดเหนื่อย แล้ววันนี้จะมานั่งกังวลเรื่องกฎหมายอีก ถ้าไม่ทำความผิดจะมากังวลอะไร มาตรา 44 มีอำนาจเหนือสิ่งอื่นใด แสดงว่าเป็นเผด็จการ ยืนยันว่า มาตรา 44 จะใช้อย่าง" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า คำสั่ง คสช. ฉบับใหม่ โดยอาศัยกฎหมาย มาตรา 44 ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวจะใช้เมื่อไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เร็วๆ นี้ ส่วนคำสั่งดังกล่าว ร่างเสร็จนานแล้ว รอเวลาเพียงว่าจะประกาศออกมาเมื่อไร ส่วนการยกเลิกกฎอัยการศึก ก็ได้มีการทูลเกล้าฯไปตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งขึ้นอยู่ว่าจะมีการโปรดเกล้าฯ ลงมาเมื่อไร

ส่วนการประกาศ คสช.ฉบับใหม่ โดยอาศัยกฎหมาย มาตรา 44 ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวนั้น ตนสามารถประกาศได้เอง โดยในคำสั่งดังกล่าว จะมีเนื้อหาประมาณ 5-6 ข้อ เกี่ยวกับเรื่องความมั่นคง การใช้กำลังทหารเข้าไปทำงานได้เท่านั้นเอง โดยเป็นการไปช่วยงานของข้าราชการต่างๆ ตำรวจก็ยังเป็นการใช้กฎหมายปกติ เพียงแต่เราจะเพิ่มอำนาจในการตรวจค้น จับกุมร่วมกัน และร่วมกันสอบสวนได้บ้าง และในการควบคุมตัวของพนักงานสอบสวน จะไม่ใช้ที่ห้องขัง เพราะถือว่าเป็นเพียงผู้ต้องหา ในเรื่องของศาลทหารนั้น จะมีเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับคดีด้านความมั่นคง และตามคำสั่ง คสช. ฉบับใหม่

"ในส่วนของศาลทหาร จะไม่ใช้แค่ศาลเดียว แต่เป็นศาลทหารที่มี 3 ศาล ไม่ต้องมานั่งกลัว ไม่รู้จะกลัวกันไปทำไม ถ้ามันไม่ผิด ขอให้ไปช่วยกันบอกด้วย"

ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายความว่า ศาลทหารตามคำสั่ง คสช. ฉบับใหม่ จะคล้ายกับศาลยุติธรรมปกติ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หนึ่ง เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น สามารถจับกุมได้ทันที โดยไม่ต้องไปขอหมายศาลเหมือนเช่นสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่เช่นนั้นก็คงหนีกันจนจับไม่ได้ สอง เมื่อจับมาแล้ว ก็จะดำเนินการสอบสวนที่ไม่ใช่สถานีตำรวจ หรือห้องขัง เพราะถือว่าเป็นแค่ผู้ต้องหา หรือผู้ต้องสงสัย ทหารก็จะไปสอบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และถ้าอันไหนที่ผิดตามคดีที่มีการกำหนดไว้ ว่าอย่าทำ มีการไปละเมิด ก็จะต้องขึ้นศาลทหาร อะไรที่ผิดกฎหมายปกติ ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายปกติ ดังนั้นใครที่ขึ้นศาลทหารก็ไม่ต้องกลัว เพราะจะมีถึง 3 ศาล ส่วนรายละเอียดต้องถาม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เพราะตนได้สั่งการไปแล้วว่า ควรจะเขียนออกมาอย่างไร

เมื่อถามว่า อำนาจการจับกุมคุมขังตามคำสั่ง คสช. ฉบับใหม่ ตามมาตรา 44 จะยังอยู่ในกรอบ 7 วัน ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "7 วันเท่าเดิม แต่มันมีเขียนไว้ว่า หากควบคุมตัวไว้แล้วสามารถพูดคุยกันเรียบร้อย เข้าใจกัน ก็สามารถปล่อยตัวได้ทันทีโดยไม่มีคดี เว้นแต่หากมีการใช้อาวุธสงครามเราปล่อยไม่ได้"

เมื่อถามว่า ไม่มีการขยายเวลาจาก 7 วันเป็น 14 วัน ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่มี แค่ 7 วันก็เปลืองข้าวจะตายอยู่แล้ว ไม่อยากจะกักขังสักวัน วันนี้ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน จะปล่อยให้เป็นแบบเดิมคงไม่ได้ ยืนยันอีกครั้งว่าทหารไม่เคยทำร้ายประชาชน และตนก็เป็นทหาร ถ้าคิดจะทำร้ายประชาชน ตนคงไม่ออกมาช่วย ทั้งน้ำท่วม ฝนแล้ง ไม่ว่าจะเขตหรือสีไหน ก็ไปช่วยทั้งหมด

เมื่อถามว่า จะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ หรือหน่วยงานใดชี้แจงให้ต่างประเทศเข้าใจ หรือไม่ เพราะยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คงไม่ต้อง เพราะตนชี้แจงได้เพียงคนเดียว เพราะกระทรวงการต่างประเทศ ก็มองในแง่มุมของต่างประเทศ แต่เรื่องเหล่านี้ตนก็พยายามอธิบายมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม จะรวบรวมข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจอีกครั้งหนึ่ง ยืนยันว่า วันนี้ไม่มีอะไรปกปิด

" ต้องไปบอกเขาให้เข้าใจว่า กฎหมายอาญาของเรา เวลาคนยิงใส่กัน ไม่ใช่ยกปืนเล็งใส่กัน แล้วก็ตาย แล้วมาโทษว่าไอ้นี่ยิง ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนยิงก็กล่าวหาว่าไอ้ฝั่งนั้นผิด มันใช้ไม่ได้ กฎหมายเขาเขียนไว้ว่า จะต้องมีการสำรวจวิถีกระสุน ดินปืน ระยะทาง ระยะห่าง เรื่องที่ยิงกันบนรถไฟฟ้า ไปหากันมา ข้อเท็จจริงคือ ไอ้นี่มันแอ็กอาร์ต ที่ขึ้นไปข้างบน แล้วก็รายงานว่าไปยิงกำพงกำแพงอะไร " เมื่อถามว่า การใช้คำสั่ง คสช.ฉบับใหม่ ตามมาตรา 44 ในมุมมองของต่างชาติ จะดีขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อต้องช่วยกันอธิบาย ตนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเดือดร้อนกันตรงไหน วันนี้ทุกคนรู้ว่า ปัญหาของประเทศคือตรงไหน จะปล่อยให้ประเทศชาติล้มละลาย เสียหาย เรื่องนี้ตนเป็นคนรับผิดชอบ " ชีวิตวันนี้ผมก็รับผิดชอบอยู่แล้ว ลูกเมียก็เดือดร้อน แต่ทำไมผมถึงยังต้องทำ แล้วทำไมสื่อไม่ไปโจมตีรัฐบาลที่แล้ว ว่าทำอะไรกันมาบ้าง ทำไมไม่เขียนว่าไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลชุดที่แล้ว ถึงไม่แก้ปัญหา ทั้งเรื่องการบินพลเรือน มัวแต่มาโจมตีผมอยู่ฝ่ายเดียว ยืนยันว่าสิ่งที่ผมพูดวันนี้ ไม่ได้ซีเรียส ยังสามารถยิ้มได้อยู่ " นายกรัฐมนตรี กล่าว

ย้ำต้องทำปชต.ที่นานาชาติยอมรับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรี ยังเดินกลับเข้ามาอธิบายประชาธิปไตยไทย ต่อผู้สื่อข่าวสำนักข่าวเอบีซีอีกครั้ง โดยระบุว่า ขอให้นักข่าวไทยที่มากับนักข่าวต่างประเทศ ช่วยอธิบายเรื่องนี้ด้วย ที่ผ่านมาการบริหารของฝ่ายการเมือง มีการแบ่งพื้นที่บริหารงาน และดูแลกลุ่มคนของตัวเอง มันถึงเกาะกับการเมือง เป็นเผด็จการรัฐสภา การบริหารงานไม่ทั่วถึง ไม่เป็นธรรม ขอให้อธิบายว่า ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค. 57 ที่ผ่านมา สิ่งที่ตนทำวันนี้ กำลังลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเป็นธรรม สร้างความเข้มแข็งภาคเศรษฐกิจ ปัญหาที่ไม่ได้รับการแก้ไข ทำทั้งหมด แต่เวลามันอยู่อย่างนี้ ถ้าเราปล่อยให้เป็นเสรีภาพร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนปกติ ก็จะเกิดวนมาใหม่ทันที ถ้าตนไม่มีอะไรมาเสริม ก็จะมาม็อบหน้าทำเนียบฯ แล้วตนจะทำงานได้หรือไม่ บางอย่างมันต้องเร่งด่วน ซึ่งต้องรอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ออกกฎหมาย ตนก็ร่างเป็นคำสั่งออกมาดำเนินการเรื่องนั้น เรื่องนี้ ก่อน อย่างเช่นการแก้ไขปัญหากรณีที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)ที่กรมการบินพลเรือนไทยมาตรฐานต่ำกว่าเกณฑ์ จึงต้องออกคำสั่งมาแก้ปัญหา เพราะที่ผ่านมาทุกอย่างไม่เคยแก้

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า การเมืองไทยที่ผ่านมา พอมีการประท้วง ก็จะใช้อาวุธกับระเบิด ตรงนี้ทำได้หรือไม่ บ้านเขามีหรือไม่ ทำได้หรือไม่ มาประท้วงนายกฯประยุทธ์ ที่ผ่านมาการเมืองอยู่เหนือ วันนี้ตนไม่ต้องการอะไร และอยากจะทำประชาธิปไตยให้เป็นแบบท่าน แต่ขออย่าไปสนใจเรื่องตรงนี้ ยืนยันว่า วันนี้ตนให้ความเป็นเสรี เว้นคนทำผิดเท่านั้น ที่ต้องดำเนินการ การสอบสวนคดีต่างๆไม่ใช่เอาไปซ้อม จะไปซ้อมทำไม เขาเลิกกันไปนานแล้วแบบนั้น ที่ต้องควบคุมตัวเพื่อจะสอบสวน วันนี้ต้องเดินไปเรื่อยๆ เป็นขั้นๆ เรากำลังทำประชาธิปไตยไทยให้สมบูรณ์และเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศแบบประเทศ

สั่งรมต.จัดห้องเลคเชอร์สื่อทำเนียบฯ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ตนสั่งการไปยังรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการขอความร่วมมือกับสื่อมวลชนระหว่างที่รอการประชุม ครม. เสร็จสิ้นเป็นประจำทุกวันอังคาร เพื่อชี้แจงกับสื่อมวลชนทำเนียบฯ ถึงการทำงานของรัฐบาลว่า ได้แก้ปัญหาบ้านเมือง คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ส่วนตัวแทนรัฐบาลที่จะเป็นผู้ชี้แจงนั้น ยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณา

"วิษณุ"ยันไม่หนีเสือปะจระเข้

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า มาตรา44 เป็นมาตราที่กว้าง พอถึงเวลาต้องลงไปสั่งอีกที ว่าจะสั่งว่าอะไร สมัยก่อนมีการสั่งยิงเป้า แต่สมัยนี้เป็นการสั่งในทางสร้างสรรค์ได้ เพราะเราเขียนลงไป มาตรา 44 สมัยก่อนเอาใช้ในทางสร้างสรรค์ได้ยาก วันนี้เราเขียนลงไปเลยว่า มาตรา 44 อาจเอามาใช้ 1. เพื่อความปรองดอง 2. ใช้เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย 3. ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งต่างๆในสังคม 4.ใช้เร่งรัดการปฏิรูป 5. เพื่อระงับยับยั้ง ป้องกันปราบปราม ซึ่งตรงนี้เป็นอันเดียวที่ใช้ในสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งเป็นการนำมาใช้ตามคำที่นายกฯ พูดว่า เป็นการใช้อย่างสร้างสรรค์ และขอให้เข้าใจ

" เมื่อคนไม่ค่อยวางใจกฎอัยการศึก ไม่ว่าจะรุนแรงหรือไม่รุนแรง จนกระทั่งนำมาสู่การคิดที่จะต้องทบทวนแล้ว อย่าได้ระแวงต่อไปเลยว่า จะกำหนดมาตราการใหม่ที่แย่ไปกว่ากฎอัยการศึก หรือแย่เท่ากันมาใช้ มันเป็นไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะเลิกทำไม เพราะฉะนั้นจะมีมาตรการรองรับที่เบากว่า ปกติถ้าเราไม่คิดอะไรเลย มาตรการที่เบากว่าก็คือ มาตรการตามกฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กับกฎหมายว่าด้วยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งบางคนก็บอกว่า ทำไมไม่เอาตรงนี้มาใช้ ไปยุ่งอะไรกับมาตรา 44 ขอให้มั่นใจเถอะว่า มาตรการใดที่จะมีขึ้นมารองรับต่อการยกเลิกกฎอัยการศึก ก็อยู่ในระดับเดียวกับกฎหมาย 2 ฉบับนี้ และไม่รุนแรงไปกว่า 2 ฉบับนี้ " นายวิษณุ กล่าว

ส่วนที่ถามว่า ทำไมไม่ใช้กฎหมาย 2 ฉบับนี้เลย ก็เพราะมีบางเรื่องที่กฎหมาย 2 ฉบับนี้ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ไม่ครอบคลุม และไม่มีอะไรที่ติ่งไว้ว่า สำหรับเอาอำนาจพิเศษมาเล่นงานประชาชน แต่เราต้องการช่วยเหลือ และเยียวยาประชาชน ซึ่งกฎหมาย 2 ฉบับนี้ ไม่มีมาตรการเยียวยา และบรรเทาความเสียหายที่เกิดมาแล้ว โดยมาตรการเยียวยา ไม่ต้องไปรอเสนอกฎหมายเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีพ.ร.บ.ออกมา ซึ่งใช้เวลาหลายเดือน แต่ผนวกเข้าไปเลยในเรื่องเดียวกัน ดังนั้นต้องพึ่งอำนาจพิเศษมาตรา 44 เมื่อถามว่าจะเป็นการหนีเสือปะจระเข้หรือไม่ นายวิษณุ ตอบว่า ไม่หนีเสือปะจระเข้ แต่จะเจอตัวอื่นหรือเปล่าไม่รู้ ไม่ใช่เสือ ไม่ใช่จระเข้เลย โดยความชัดเจน คืนวันที่ 31 มี.ค. รอดูโทรทัศน์ดูสิ
กำลังโหลดความคิดเห็น