น.ส.วันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง นโยบายรัฐบาลที่ให้การสนับสนุนให้มีการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาของบ้านเรือน (โซลาร์ รูฟ) ว่า ในวันที่ 30 มิ.ย.58 นี้แล้ว จะครบกำหนดการยื่นแบบขอจำหน่ายกระแสไฟฟ้าแบบโซลาร์รูฟ ให้กับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และต้องจำหน่ายกระแสไฟฟ้าภายในวันที่ 31 ธ.ค. ซึ่งขณะนี้ บริษัทเอสพีซีจี กำลังเร่งดำเนินการตามแผนนโยบายรัฐบาล ในการผลักดันให้การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาสำหรับบ้านเรือนได้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อนโยบายรัฐ ซึ่งนอกจากเป็นการช่วยลดการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศเพื่อความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศชาติแล้ว ยังเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนด้วยในระยะยาวด้วย
น.ส.วันดี กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานงานกับสถาบันการเงินหลายแห่ง เพื่อปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ติดตั้งโซลาร์ รูฟ และการจัดตั้งบริษัทสินเชื่อเช่าซื้อ หรือ ลีสซิ่ง ซึ่งกำลังเจรจากับสถาบันการเงินทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เบื้องต้น คาดว่าไตรมาส 2 จะสามารถเดินหน้าได้ อย่างไรก็ตาม วงเงินปล่อยกู้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.8 -8.2 แสนบาท ต่อครัวเรือน
"ปัญหาใหญ่ที่ทำให้โซลาร์ รูฟ สำหรับบ้านเรือนไม่เกิด เพราะติดขัดเรื่องสินเชื่อที่ไม่มีสถาบันการเงินกล้าปล่อยกู้ เนื่องจากยังเป็นของใหม่ ต้องใช้เวลาคืนทุนภายใน 8-9 ปี อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้วเห็นว่าไม่ได้เป็นเวลานานนัก ที่สำคัญถือว่าคุ้มมากในระยะยาว"
น.ส.วันดี กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าโซลาร์รูฟบ้านเรือนเฟสแรกที่ 1,000 หลังคาเรือน มีมูลค่าการติดตั้งรวม 350 ล้านบาท ตั้งเป้าเฟสที่ 2 มูลค่า 600 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายระยะยาวมองไว้ที่ 3,000 หลัง และมองว่าตลาดโซลาร์รูฟบ้านเรือน มีมูลค่า 4-5 พันล้านบาทต่อปี สำหรับช่องทางจำหน่ายหลักของบริษัทนั้น เอสพีซีจี ได้ร่วมมือกับ บริษัทโฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO)เป็นผู้แทนจำหน่าย ซึ่งมี 72 สาขาทั่วประเทศ
" ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์" ที่มีคุณภาพดีที่สุด แบบติดตั้งบนหลังคาบ้าน และอาคารต่างๆ ได้แก่ "SPR Solar Roof"ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด (SPR)บริษัทในเครือของ SPCG มีผลิตภัณฑ์ 3 ขนาด คือ Small (เล็ก) ขนาด 2.75 กิโลวัตต์ Medium (กลาง) ขนาด 3.75 กิโลวัตต์ และ Large (ใหญ่) ขนาด 4.5 กิโลวัตต์ รับประกันคุณภาพนานถึง 25 ปี
ทั้งนี้ บริษัทเอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมมือกับ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร”เพื่อพัฒนาธุรกิจโซลาร์ รูฟ โดยแต่งตั้งให้ “โฮมโปร”เป็นผู้แทนจำหน่าย "ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์" ที่มีคุณภาพดีที่สุด และขณะนี้บริษัทเอสพีซีจี ได้ตั้งบูธร่วมกิจกรรมกับ บริษัทโฮมโปรฯ ในงาน “มหกรรมต้นแบบงานเรื่องบ้านตัวจริงและครบวงจร HomePro Expo ครั้งที่ 21” ระหว่างวันที่ 13–22 มี.ค.ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานีด้วย
นอกจากนี้ ที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่ผ่านมาได้มีมติเห็นชอบรายงานการศึกษาเรื่อง โครงการส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟอย่างเสรี (ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยแสงอาทิตย์สำหรับบ้านและอาคาร) ตามที่คณะกรรมาธิการปฏิรูปพลังงาน สปช. พิจารณาเสร็จแล้ว และได้ส่งให้ ครม. พิจารณาต่อไปแล้ว
น.ส.วันดี กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานงานกับสถาบันการเงินหลายแห่ง เพื่อปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ติดตั้งโซลาร์ รูฟ และการจัดตั้งบริษัทสินเชื่อเช่าซื้อ หรือ ลีสซิ่ง ซึ่งกำลังเจรจากับสถาบันการเงินทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เบื้องต้น คาดว่าไตรมาส 2 จะสามารถเดินหน้าได้ อย่างไรก็ตาม วงเงินปล่อยกู้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.8 -8.2 แสนบาท ต่อครัวเรือน
"ปัญหาใหญ่ที่ทำให้โซลาร์ รูฟ สำหรับบ้านเรือนไม่เกิด เพราะติดขัดเรื่องสินเชื่อที่ไม่มีสถาบันการเงินกล้าปล่อยกู้ เนื่องจากยังเป็นของใหม่ ต้องใช้เวลาคืนทุนภายใน 8-9 ปี อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้วเห็นว่าไม่ได้เป็นเวลานานนัก ที่สำคัญถือว่าคุ้มมากในระยะยาว"
น.ส.วันดี กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าโซลาร์รูฟบ้านเรือนเฟสแรกที่ 1,000 หลังคาเรือน มีมูลค่าการติดตั้งรวม 350 ล้านบาท ตั้งเป้าเฟสที่ 2 มูลค่า 600 ล้านบาท ส่วนเป้าหมายระยะยาวมองไว้ที่ 3,000 หลัง และมองว่าตลาดโซลาร์รูฟบ้านเรือน มีมูลค่า 4-5 พันล้านบาทต่อปี สำหรับช่องทางจำหน่ายหลักของบริษัทนั้น เอสพีซีจี ได้ร่วมมือกับ บริษัทโฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO)เป็นผู้แทนจำหน่าย ซึ่งมี 72 สาขาทั่วประเทศ
" ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์" ที่มีคุณภาพดีที่สุด แบบติดตั้งบนหลังคาบ้าน และอาคารต่างๆ ได้แก่ "SPR Solar Roof"ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด (SPR)บริษัทในเครือของ SPCG มีผลิตภัณฑ์ 3 ขนาด คือ Small (เล็ก) ขนาด 2.75 กิโลวัตต์ Medium (กลาง) ขนาด 3.75 กิโลวัตต์ และ Large (ใหญ่) ขนาด 4.5 กิโลวัตต์ รับประกันคุณภาพนานถึง 25 ปี
ทั้งนี้ บริษัทเอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมมือกับ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร”เพื่อพัฒนาธุรกิจโซลาร์ รูฟ โดยแต่งตั้งให้ “โฮมโปร”เป็นผู้แทนจำหน่าย "ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์" ที่มีคุณภาพดีที่สุด และขณะนี้บริษัทเอสพีซีจี ได้ตั้งบูธร่วมกิจกรรมกับ บริษัทโฮมโปรฯ ในงาน “มหกรรมต้นแบบงานเรื่องบ้านตัวจริงและครบวงจร HomePro Expo ครั้งที่ 21” ระหว่างวันที่ 13–22 มี.ค.ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานีด้วย
นอกจากนี้ ที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่ผ่านมาได้มีมติเห็นชอบรายงานการศึกษาเรื่อง โครงการส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์รูฟอย่างเสรี (ระบบผลิตไฟฟ้าด้วยแสงอาทิตย์สำหรับบ้านและอาคาร) ตามที่คณะกรรมาธิการปฏิรูปพลังงาน สปช. พิจารณาเสร็จแล้ว และได้ส่งให้ ครม. พิจารณาต่อไปแล้ว