ASTVผู้จัดการรายวัน- “บิ๊กป้อม”ยัน คสช. ไม่ได้กดดัน มธ. ไล่ “สมศักดิ์” ชี้เป็นไปตามกฎระเบียบมหาวิทยาลัย พร้อมระบุร่าง พ.รบ.ชุมนุมที่สาธารณะไม่ลิดรอนสิทธิ ไม่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ล้น ยันต้องมีเหมือนสากล ด้าน "สมคิด"ยันไล่ออก เหตุละทิ้งหน้าที่ ไม่เกี่ยวกับการเมืองหรือคดีหมิ่นสถาบัน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยก่อนการประชุมสภากลาโหม ถึงกรณีที่นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาระบุเหตุผลการถูกให้ออกจากราชการ เป็นเพราะทหารกดดันอย่างหนัก หลังการรัฐประหารว่า ความเป็นจริงแล้ว เป็นไปตามกฎระเบียบของมหาวิทยาลัย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือทหารแต่อย่างใด
"ทหารเข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อยเท่านั้น กลับกลายเป็นคนถูกโจมตี ซึ่งการดำเนินการของมหาวิทยาลัย เป็นไปตามกฎ ระเบียบ และกฎหมาย หากไม่มีตรงนี้ ก็ไม่สามารถทำได้"
เมื่อถามถึง ร่าง พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะที่เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่เกรงกันว่าจะลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงออก พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทุกอย่างต้องทำไม่ให้มีการลิดรอน การดำเนินการดังกล่าว ก็เพื่อต้องการให้เกิดความชัดเจนและเป็นสากล จะไปทำนอกคอกอย่างนั้นได้อย่างไร ต้องไปดูว่าในต่างประเทศทำกันอย่างไร ซึ่งในทุกประเทศมีพระราชบัญญัติลักษณะนี้ แต่ประเทศไทยยังไม่มี
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าว จะกำหนดพื้นที่การชุมนุมและพื้นที่ห้ามชุมนุม ตลอดจนระยะเวลา ข้อเรียกร้อง รวมถึงสาเหตุการชุมนุมว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ ไม่ใช่ใครจะนึกว่าจะมาชุมนุมก็มา จะใช้พื้นที่ใดก็ใช้ ต้องทำให้ถูกฎระเบียบ ซึ่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต้องเกิดขึ้น และยืนยันว่าไม่ได้เพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่มากขึ้น แต่การที่มาชุมนุมในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ต้องมีเหตุและผล ต้องไม่กีดขวางการจราจร หรือกระทบบุคคลอื่น ผู้ที่ชุมนุมต้องไปอยู่ในพื้นที่ที่รัฐกำหนดให้
ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวถึงกรณีที่ มธ. มีหนังสือไล่ออกจากราชการ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มธ. ว่า หนังสือไล่ออกจากราชการดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบของราชการที่หากละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า 15 ในคราวเดียว โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรและมีพฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ ให้มีโทษสถานเดียว คือ ไล่ออก โดยนายสมศักดิ์ ไม่มาปฏิบัติงานสอนตั้งแต่ช่วงเดือนส.ค.2557 และได้ยื่นหนังสือลาออกในช่วงเดือนธ.ค.2557 ซึ่งขณะนั้น คณะศิลปศาสตร์ต้นสังกัดได้ส่งจดหมายเรียกให้นายสมศักดิ์ กลับมาปฏิบัติหน้าที่แล้ว แต่นายสมศักดิ์ ไม่ได้กลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตามระเบียบราชการแล้ว มหาวิทยาลัยก็ต้องตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้มีความเห็นกลับมาว่านายสมศักดิ์ ละทิ้งการปฏิบัติราชการจริง มหาวิทยาลัยจึงต้องตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งมีผลให้มีคำสั่งไล่ออกจากราชการในเวลาต่อมา ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ สามารถยืนอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ของมหาวิทยาลัยได้ภายใน 30วัน ตามกฎหมาย
"การลงโทษนายสมศักดิ์ครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่นายสมศักดิ์ ออกไปแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เพราะถือเป็นเสรีภาพทางวิชาการ และไม่เกี่ยวข้องกับคดีหมิ่นสถาบันฯ เพราะเรื่องนี้ นายสมศักดิ์ ถูกแจ้งความดำเนินคดีทางอาญาไปแล้ว ซึ่งต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินการตามกฎหมาย ยืนยันว่า คำสั่งตั้งกรรมการทั้ง 2 ชุด และสำนวนการสอบสวนทั้งหมดเป็นเรื่องของการขาดราชการไม่มาทำงาน 100% และคณะกรรมการทั้งสองชุดก็ได้เชิญนายสมศักดิ์ มาสอบถามข้อเท็จจริง แต่นายสมศักดิ์ก็ไม่ได้เดินทางมาให้ข้อมูล”ศ.ดร.สมคิด กล่าว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยก่อนการประชุมสภากลาโหม ถึงกรณีที่นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ออกมาระบุเหตุผลการถูกให้ออกจากราชการ เป็นเพราะทหารกดดันอย่างหนัก หลังการรัฐประหารว่า ความเป็นจริงแล้ว เป็นไปตามกฎระเบียบของมหาวิทยาลัย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือทหารแต่อย่างใด
"ทหารเข้ามาดูแลความสงบเรียบร้อยเท่านั้น กลับกลายเป็นคนถูกโจมตี ซึ่งการดำเนินการของมหาวิทยาลัย เป็นไปตามกฎ ระเบียบ และกฎหมาย หากไม่มีตรงนี้ ก็ไม่สามารถทำได้"
เมื่อถามถึง ร่าง พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะที่เข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่เกรงกันว่าจะลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงออก พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทุกอย่างต้องทำไม่ให้มีการลิดรอน การดำเนินการดังกล่าว ก็เพื่อต้องการให้เกิดความชัดเจนและเป็นสากล จะไปทำนอกคอกอย่างนั้นได้อย่างไร ต้องไปดูว่าในต่างประเทศทำกันอย่างไร ซึ่งในทุกประเทศมีพระราชบัญญัติลักษณะนี้ แต่ประเทศไทยยังไม่มี
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าว จะกำหนดพื้นที่การชุมนุมและพื้นที่ห้ามชุมนุม ตลอดจนระยะเวลา ข้อเรียกร้อง รวมถึงสาเหตุการชุมนุมว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ ไม่ใช่ใครจะนึกว่าจะมาชุมนุมก็มา จะใช้พื้นที่ใดก็ใช้ ต้องทำให้ถูกฎระเบียบ ซึ่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต้องเกิดขึ้น และยืนยันว่าไม่ได้เพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่มากขึ้น แต่การที่มาชุมนุมในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ต้องมีเหตุและผล ต้องไม่กีดขวางการจราจร หรือกระทบบุคคลอื่น ผู้ที่ชุมนุมต้องไปอยู่ในพื้นที่ที่รัฐกำหนดให้
ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวถึงกรณีที่ มธ. มีหนังสือไล่ออกจากราชการ นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มธ. ว่า หนังสือไล่ออกจากราชการดังกล่าวเป็นไปตามระเบียบของราชการที่หากละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อกันเป็นเวลาเกินกว่า 15 ในคราวเดียว โดยไม่มีเหตุผลอันสมควรและมีพฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ ให้มีโทษสถานเดียว คือ ไล่ออก โดยนายสมศักดิ์ ไม่มาปฏิบัติงานสอนตั้งแต่ช่วงเดือนส.ค.2557 และได้ยื่นหนังสือลาออกในช่วงเดือนธ.ค.2557 ซึ่งขณะนั้น คณะศิลปศาสตร์ต้นสังกัดได้ส่งจดหมายเรียกให้นายสมศักดิ์ กลับมาปฏิบัติหน้าที่แล้ว แต่นายสมศักดิ์ ไม่ได้กลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งตามระเบียบราชการแล้ว มหาวิทยาลัยก็ต้องตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้มีความเห็นกลับมาว่านายสมศักดิ์ ละทิ้งการปฏิบัติราชการจริง มหาวิทยาลัยจึงต้องตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ซึ่งมีผลให้มีคำสั่งไล่ออกจากราชการในเวลาต่อมา ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ สามารถยืนอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ของมหาวิทยาลัยได้ภายใน 30วัน ตามกฎหมาย
"การลงโทษนายสมศักดิ์ครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่นายสมศักดิ์ ออกไปแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เพราะถือเป็นเสรีภาพทางวิชาการ และไม่เกี่ยวข้องกับคดีหมิ่นสถาบันฯ เพราะเรื่องนี้ นายสมศักดิ์ ถูกแจ้งความดำเนินคดีทางอาญาไปแล้ว ซึ่งต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินการตามกฎหมาย ยืนยันว่า คำสั่งตั้งกรรมการทั้ง 2 ชุด และสำนวนการสอบสวนทั้งหมดเป็นเรื่องของการขาดราชการไม่มาทำงาน 100% และคณะกรรมการทั้งสองชุดก็ได้เชิญนายสมศักดิ์ มาสอบถามข้อเท็จจริง แต่นายสมศักดิ์ก็ไม่ได้เดินทางมาให้ข้อมูล”ศ.ดร.สมคิด กล่าว