xs
xsm
sm
md
lg

กระตุกคดีปชป.ขยับปม“ไมค์แพง” แอกชั่นกลบครหา 2 มาตรฐาน !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**มาตามนัดวันเดียวกับที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเลือก 9 อรหันต์พิจารณาคดี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำโครงการรับจำนำข้าววอดวาย สำหรับขาประจำ 9 อรหันต์ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในนามองค์คณะไต่สวน สรุปความเห็นชงให้ที่ประชุมใหญ่วันอังคารที่ 3 มีนาคม
ชี้มูลความผิด 250 อดีต ส.ส.ร่วมกันปู้ยี้ปู้ยำรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาส.ว.มิชอบ เพื่อส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ยกมือโหวตว่า จะถอดถอนหรือไม่ ตามกันไปกับอดีต 38 ส.ว.ที่หามส่งไปก่อนหน้านี้แล้ว
เบ็ดเสร็จจากสำนวนที่ถูกร้องมา 258 คน ป.ป.ช. จ่อเชือดคอ 250 คน ตาย 3 คน รอด 2 คน เป็นอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เกือบยกพรรคชนิดแถมหมดบาง มีพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนา พลังชล ติดปลายนวมกันหรอมแหรม
**ส่วนอีก 3 ชีวิต มี นริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.สกลนคร นายคมเดช ไชยศิวามงคล อดีต ส.ส.กาฬสินธุ์ และ อุดมเดช รัตนเสถียร อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดนสองเด้ง นอกจากถอดถอนแล้วยังโดนอาญา กรณีเสียบบัตรแทนกันปลอมแปลงเอกสาร
แต่ยังไม่ต้องส่งให้ สนช.เชือดลูกกระเดือกพร้อมกับ 250 คน เพราะต้องรอไต่สวนปมอาญาให้เสร็จก่อน ค่อยทยอยตามไปล็อตสอง
นอกจาก 258 คน ยังมีหมัดแถมจากป.ป.ช. เสยปากคางเข้าไปอีก 1 คนคือ ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีตส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ที่พบภายหลังว่า เสียบบัตรแทนกันตามคลิปวิดีโอ จึงโดนแจ้งข้อกล่าวหาอาญาเข้าไปอีก 1 คน แบบไม่มีโปรโมชั่นถอดถอนแถมให้ จัดไปอาญาเพียวๆ
ขณะที่ “ค้อนปลอม”สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา แม้จะรอดดาบในสนช. จากปมถอดถอน แต่ยังลอยนวลได้ไม่สนิทใจ เพราะต้องมาแก้ข้อกล่าวหาในคดีอาญา จากปมปลอมแปลงเอกสาร
**สรุปรวมบุคคลที่ต้องที่ต่อสู้ชะตากรรมในสำนวนคดีอาญา หากป.ป.ช.ชี้มูลในอนาคตข้างหน้า จะประกอบไปด้วย สมศักดิ์ นริศร คมเดช อุดมเดช และ ยุทธพงศ์ ส่อแววได้ขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เหมือนกับนายหญิงยิ่งลักษณ์กันสูงลิ่ว
ส่วนลิ่วล้อ 250 ชีวิต ที่ป.ป.ช.นับถอยหลังส่งสำนวนไปให้ถอดถอน หากวัดกันตามบรรทัดฐาน สมศักดิ์ นิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ที่รอดนรกมาได้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดตามรัฐธรรมนูญปี 50 พอไม่มีรัฐธรรมนูญแล้วเลยยกประโยชน์ให้จำเลย มีเปอร์เซ็นต์สูง ที่จะตามก้นรอดกันไป เพราะฐานความผิดที่โดนเป็นการกระทำขัดต่อรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น
ยกเว้นสนช.จะได้รับสัญญาณจากผู้มีบารมีให้สอยอย่าแคร์สื่อ เดินหน้าล้างบางขี้ข้าลิ่วล้อนักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร ให้สิ้นซากจากกระดานเมืองไทย ตามแนวทางถอนรากถอนโคนมันให้สุดซอย
กรณีนั้นถือว่าซวย ตัวใครตัวมัน แต่ไม่น่าจะเป็นไปได้เท่าไหร่ เพราะเป้าหมายปลาใหญ่ที่ฝ่ายอำนาจอยากเขี่ยอย่างยิ่งลักษณ์คอขาดไปแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมาใส่ใจพวกหางอย่างปลาซิวปลาสร้อย
จึงเห็นได้ว่า บรรดาลิ่วล้อขี้ข้าจะไม่ค่อยตกอกตกใจอะไร ออกมาตีโพยตีพายกันบ้างตามวิถี เพราะสุดท้ายรู้อยู่แล้วว่า สนช.อาจไม่เสียเวลาจองเวร ปล่อยให้ 5 รายที่ต้องคดีอาญาไปกุมขมับรับชะตากรรมกันเองพอ
**แต่ที่น่าจับตา น่าจะเป็นมติคณะกรรมการป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาขั้วตรงข้ามอย่าง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และ “พระเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) กรณีสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ฟังดูน่าตกใจ เหตุใดมาล่อพวกเดียวกัน ทั้งที่จริงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ เพราะตามขั้นตอนหลังจากนี้ทั้งสองต้องมาแก้ข้อกล่าวหา ถ้าฟังขึ้นก็รอดยกคำร้อง ถ้าฟังไม่ขึ้นก็ถูกชี้มูล ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาอีกยาวนาน
อย่าลืมว่า ในคดีดังกล่าวมี “บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่นั่งเก้าอี้ รมว.มหาดไทย ในปัจจุบันถูกร้องอยู่ด้วย ดังนั้น จึงไม่น่าจะเห็นข้อสรุปในรัฐบาลชุดนี้ชัวร์ เพราะมันกระหยิกเล็บเจ็บเนื้อกันเองเปล่าๆ
ที่เอาขึ้นมาล่อกันตอนนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะระยะหลังรัฐบาลและคสช. ถูกตราหน้าเยอะขึ้นเรื่อยๆ ว่า 2 มาตรฐาน โดยเฉพาะคดีในป.ป.ช.ที่ไล่บี้ไล่ฆ่าแต่บรรดาพรรคเพื่อไทย ในขณะที่คดีของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ขยับเขยื้อน จนดูเหมือนเลือกที่รักมักที่ชัง ข้ออ้างก็ฟังไม่ค่อยจะขึ้น ทั้งโครงการประกันราคาข้าวอืดเพราะน้ำท่วม คดีสลายแดงช้าเพราะต้องรอผลชันสูตรจากศาล
โดยเฉพาะคดีที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกี่ยวข้องโดยตรง กับปมไมโครโฟน ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 แพงเกินจริง ที่แต่เดิมรัฐบาลให้ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธาน คตร. ตรวจสอบก่อนจะฟอกออกมาว่า ไม่ผิด กระทั่ง ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ไปร่อนถึงป.ป.ช. ให้ตรวจสอบซ้ำ แรกๆ ก็ทำท่าจะลงเอยอีหรอบเดียวกัน ไม่มีใครต้องรับผิดชอบ เผอิญช่วงนี้เข้าจังหวะกับที่รัฐบาลและ ป.ป.ช.โดนครหาดับเบิ้ลแสตนดาร์ดพอดี เลยตั้งอนุกรรมการไต่สวนกันให้ดูมีอะไรหวือหวา
แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลและคสช.เจ้าของโปรเจกต์ที่ว่ามีอำนาจใหญ่โตก็โดน
**ทว่าก็โดนจับไต๋กันทัน เพราะปลาใหญ่อย่าง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กลับรอดไม่ต้องโดนไต่สวน ปล่อยให้ปลาซิวอย่าง มณฑล สุดประเสริฐ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง และพวกรวมกัน 8 คน เซ่นข่าวฉาวโฉ่กันไปในฐานะผู้น้อย
แต่ก็ไม่ได้สะทกสะเทือนใจอะไรกันมาก เหมือนยักคิ้วหลิ่วตา เพราะเอากันจริงๆ คดีนี้เพิ่งจะเริ่มตั้งไข่นับหนึ่ง พอมีอนุกรรมการไต่สวนขึ้นมาแล้ว ยังต้องเรียกผู้ถูกร้องศรีสุวรรณนำพยานหลักฐานมาตอกย้ำข้อมูล หลังจากป.ป.ช.ต้องพิจารณาว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาเมื่อไร ใช่ว่าแจ้งข้อกล่าวหาเสร็จแล้วจะทำอะไรได้ ต้องรอฟังคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาจากอธิบดีฯ และพวกอีก จากนั้นถึงจะชี้มูลได้ ใช้เวลาอีกนานโข ฟันธงล่วงหน้าไม่น่าทันรัฐบาลชุดนี้
**ดังนั้น แม้พยายามทำเนียนเท่าไหร่ สุดท้ายใครก็ดูออกว่า การฟาดฟันแต่ละครั้ง ฝั่งไหนกระอักกว่ากัน และฝั่งไหนที่เหมือนโดนแมวข่วน
กำลังโหลดความคิดเห็น