ตำรวจเมืองตรังตามรวบทันควันนักเรียนชายชั้น ม.5 โรงเรียนชื่อดังเมืองตรังยิงนักเรียนหญิงหน้าตาดีชั้น ม.5 โรงเรียนเดียวกันเสียชีวิตกลางถนนขณะนั่งซ้อนท้ายรถ จยย.น้องชายไปโรงเรียน เจ้าตัวสารภาพแอบรักผู้ตายมานานแต่ไม่สมหวัง เนื่องจากทางบ้านกีดกัน อีกทั้งนักเรียนสาวไม่มีใจให้
เมื่อเวลา 07.00 น. วานนี้ (23 ก.พ.) ร.ต.อ.เมธี ภิญโญประการ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองตรังได้รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายริมถนนตรัง-น้ำผุด ม.10 ต.น้ำผุด อ.เมืองตรัง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วไปตรวจสอบที่เกิดเหคุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.เอกพงษ์ ทั่งจันทร์แดง สว.สส.สภ.เมืองตรัง พ.ต.ท.สราวุธ จงจิต รอง ผกก.หน.พิสูจน์หลักฐาน จ.ตรัง แพทย์เวรโรงพยาบาลตรัง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลสถานตรังที่เกิดเหตุ พบชาวบ้านจำนวนมากกำลังมุงดูร่างของผู้เสียชีวิต ซึ่งนอนหงายสวมชุดนักเรียนจมกองเลือด ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.กิติยาภรณ์ หรือ น้องเพลง วัฒนา อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งของ จ.ตรัง ถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 เข้าที่บริเวณกกหูขวา ทะลุแก้มซ้าย จำนวน 1 นัด
จากการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่าผู้ตายได้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยายนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นสปาก 123 ซีซี. สีขาว-น้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ออกมาจากบ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 5 กม. โดยมีน้องชายคือ นายอติเทพ หรือน้องเกม วัฒนา อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนเดียวกันเป็นคนขับ ต่อมาได้มีชายวัยรุ่น 2 คน ขับขี่รถไม่ทราบสีและยี่ห้อ โดยสวมหมวกกันน๊อก และสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีดำ ไล่ตามมา
นายอติเทพ หรือน้องเกม ให้การว่า เมื่อตนขับขี่รถจักรยาน ยนต์มาถึงที่เกิดเหตุคนร้ายได้เร่งเครื่องรถจักรยานยนต์เข้าประกบ ก่อนที่คนนั่งซ้อนท้ายจะชักอาวุธปืนจ่อยิง น.ส.กิติยาภรณ์ หรือน้องเพลง ผู้เป็นพี่สาวจนล้มลงนอนจมกองเลือด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำญาติพี่น้องและเพื่อนของผู้ตาย จนได้เบาะแสคนร้ายชื่อเอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี เป็นเด็กนักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนเดียวกันกับผู้ตาย จึงนำกำลังเข้าจับกุมได้ที่บ้านพักใน อ.เมืองตรัง จึงคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองตรัง
จากการสอบสวนเบื้องต้นนายเอ ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือยิง น.ส.กิติยาภรณ์ หรือ น้องเพลง เสียชีวิตจริง เนื่องจากหลงรักผู้ตายมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น แต่ผู้ตายไม่เล่นด้วย เนื่องจากเห็นว่าตนมีนิสัยเกเร ผู้ปกครองของผู้ตายเกรงจะทำให้เสียการเรียนจึงสั่งห้ามคบหาโดยตลอด กระทั่งเรียนจบชั้นมัธยมต้น ตนจึงย้ายไปเรียนอีกโรงเรียนนาน 1 ปีก่อนจะย้ายกลับมาเรียนที่โรงเรียนเดิม โดยอยู่ห้องเดียวกับผู้ตายอีกครั้ง
เมื่อเวลา 07.00 น. วานนี้ (23 ก.พ.) ร.ต.อ.เมธี ภิญโญประการ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เมืองตรังได้รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายริมถนนตรัง-น้ำผุด ม.10 ต.น้ำผุด อ.เมืองตรัง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วไปตรวจสอบที่เกิดเหคุ พร้อมด้วย พ.ต.ท.เอกพงษ์ ทั่งจันทร์แดง สว.สส.สภ.เมืองตรัง พ.ต.ท.สราวุธ จงจิต รอง ผกก.หน.พิสูจน์หลักฐาน จ.ตรัง แพทย์เวรโรงพยาบาลตรัง และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลสถานตรังที่เกิดเหตุ พบชาวบ้านจำนวนมากกำลังมุงดูร่างของผู้เสียชีวิต ซึ่งนอนหงายสวมชุดนักเรียนจมกองเลือด ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.กิติยาภรณ์ หรือ น้องเพลง วัฒนา อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งของ จ.ตรัง ถูกยิงด้วยอาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 เข้าที่บริเวณกกหูขวา ทะลุแก้มซ้าย จำนวน 1 นัด
จากการสืบสวนสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่าผู้ตายได้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยายนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นสปาก 123 ซีซี. สีขาว-น้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ออกมาจากบ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 5 กม. โดยมีน้องชายคือ นายอติเทพ หรือน้องเกม วัฒนา อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนเดียวกันเป็นคนขับ ต่อมาได้มีชายวัยรุ่น 2 คน ขับขี่รถไม่ทราบสีและยี่ห้อ โดยสวมหมวกกันน๊อก และสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีดำ ไล่ตามมา
นายอติเทพ หรือน้องเกม ให้การว่า เมื่อตนขับขี่รถจักรยาน ยนต์มาถึงที่เกิดเหตุคนร้ายได้เร่งเครื่องรถจักรยานยนต์เข้าประกบ ก่อนที่คนนั่งซ้อนท้ายจะชักอาวุธปืนจ่อยิง น.ส.กิติยาภรณ์ หรือน้องเพลง ผู้เป็นพี่สาวจนล้มลงนอนจมกองเลือด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำญาติพี่น้องและเพื่อนของผู้ตาย จนได้เบาะแสคนร้ายชื่อเอ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี เป็นเด็กนักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนเดียวกันกับผู้ตาย จึงนำกำลังเข้าจับกุมได้ที่บ้านพักใน อ.เมืองตรัง จึงคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.เมืองตรัง
จากการสอบสวนเบื้องต้นนายเอ ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือยิง น.ส.กิติยาภรณ์ หรือ น้องเพลง เสียชีวิตจริง เนื่องจากหลงรักผู้ตายมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น แต่ผู้ตายไม่เล่นด้วย เนื่องจากเห็นว่าตนมีนิสัยเกเร ผู้ปกครองของผู้ตายเกรงจะทำให้เสียการเรียนจึงสั่งห้ามคบหาโดยตลอด กระทั่งเรียนจบชั้นมัธยมต้น ตนจึงย้ายไปเรียนอีกโรงเรียนนาน 1 ปีก่อนจะย้ายกลับมาเรียนที่โรงเรียนเดิม โดยอยู่ห้องเดียวกับผู้ตายอีกครั้ง