โผล่อีก! เหยื่อถูกหลอกเอาสำเนาทะเบียนบ้าน-บัตรประชาชน ไปจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดขอโควต้าสลากผู้พิการ เที่ยวนี้เป็นนักเรียนผู้มีปัญหาทางการได้ยิน โรงเรียนโสตศึกษาอนุสารสุนทร จ.เชียงใหม่ เจอหมายเรียกสภ.เมือง จ.เลย ผู้ปกครองเผยพนักงานสอบสวนระบุ มีผู้ตกเป็นผู้ต้องหาคดีแบบนี้นับพันราย ที่ปรึกษากฎหมายสนง.ยุติธรรมจังหวัด เตรียมเชิญครูคนรวบรวมเอกสารสอบข้อเท็จจริง หากพบมีส่วนรู้เห็นอาจถูกดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกง
วานนี้(16 ก.พ.)ผู้ปกครองนักศึกษาผู้มีปัญหาทางการได้ยิน ศิษย์เก่าโรงเรียนโสตศึกษาอนุสารสุนทร สอนหนังสือผู้พิการทางระบบการได้ยิน จ.เชียงใหม่ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรม ที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากนักศึกษา 2 คน คือ นายรักเขตต์ ผ่านจังหาร อายุ 21 ปี และน.ส.ธัญญานุช เขื่อนเพชร อายุ 23 ปี ตกเป็นผู้ต้องหา โดยได้รับหมายเรียกจากพนักงานสอบสวนสภ.เมือง จ.เลย คดีที่สำนักงานพัฒนธุรกิจการค้าจังหวัดเลย แจ้งความดำเนินคดีฐานไม่ส่งงบการเงินของห้างหุ้นส่วนที่มีชื่อเป็นกรรมการอยู่ตามที่กฎหมายกำหนด
โดยยืนยันว่าเด็กทั้ง 2 คนไม่มีส่วนรู้เห็น และคาดว่าน่าจะถูกหลอกให้ลงลายมือชื่อในเอกสาร เนื่องจากช่วงปลายปี 2557 ครูที่สอนในโรงเรียนขอให้ลงลายมือชื่อในสำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชน พร้อมกับเด็กอีกกว่า 10 คน อ้างว่าเพื่อขอรับเงินช่วยเหลือผู้พิการ แต่ก็ไม่เคยได้รับเงินดังกล่าว กระทั่งมีหมายเรียกจากตำรวจส่งมาที่บ้านในจ.เชียงใหม่
น.ส.มนัสนันท์ ตั้งธนวรวัทน์ ผู้ปกครองของนายรักเขตต์ เปิดเผยว่า ช่วงปลายปี 2557 ครูที่สอนอยู่ที่โรงเรียนได้ขอสำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชนพร้อมให้ลงลายมือชื่อ จากกลุ่มศิษย์เก่าของโรงเรียนกว่า 10 คน รวมทั้งลงลายมือชื่อในหนังสือมอบฉันทะด้วย อ้างว่าเพื่อขอเงินช่วยเหลือให้กับผู้พิการ ทั้งนี้แม้ว่าทางผู้ปกครองจะคัดค้านแล้ว แต่ในที่สุดครูคนดังกล่าวก็เรียกให้เด็กไปพบ และขอเอกสารหลักฐานต่างๆไปจนได้ ซึ่งที่ผ่านมาดูเหมือนจะไม่มีปัญหา จนกระทั่งมีหมายเรียกจากพนักงานสอบสวนถูกส่งมาที่บ้าน ซึ่งคาดว่าน่าจะมีผู้ถูกหมายเรียกตามมาอีก
ทั้งนี้ เชื่อและเข้าใจว่าน่าจะเป็นผลสืบเนื่องจากมีการนำเอกสารหลักฐานของเด็กไปใช้ เพราะเด็กทุกคนไม่เคยเดินทางไปที่จ.เลย และจากการสอบถามไปที่พนักงานสอบสวนสภ.เมือง จ.เลย ทำให้ทราบว่ามีผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในลักษณะเดียวกันนับพันราย โดยมีการนำรายชื่อผู้พิการไปใช้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคล เพื่อขอโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลสำหรับผู้พิการ จึงได้เข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจากสำนักงานยุติธรรมจังหวัด และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เพื่อขอความช่วยเหลือด้านกฎหมาย
ด้านนายอภิชาติ อินทไชย ที่ปรึกษากฎหมาย ประจำสำนักงานยุติธรรมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จะเชิญครูคนที่เป็นผู้รวบรวมสำเนาทะเบียนและสำเนาบัตรประชาชนมาสอบถามข้อเท็จจริง หากพบว่าครูมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้น อาจจะมีความผิดตามกฎหมาย และอาจถูกดำเนินคดีในข้อหายักยอกลายมือชื่อไปใช้ในทางมิชอบหรือฉ้อโกง เป็นต้น
ส่วนเด็กที่ตกเป็นผู้ต้องหานั้น เบื้องต้นแนะนำให้เข้าพบ
พนักงานสอบสวนตามหมายเรียกก่อน เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนจะเป็นผู้รวบรวมข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่งกรณีนี้มีความเป็นไปได้ที่อาจจะต้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)รับเป็นคดีพิเศษ
ข่าวแจ้งว่า ในคดีที่ส่งหมายเรียกดังกล่าว นายรักเขตต์มีชื่อเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.อาษาหาญ ขณะที่น.ส.ธัญญานุช ชื่อเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.บรรจงสังข์ และจากการที่กลุ่มผู้ปกครองได้ขอคัดสำเนาการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดจากสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดเชียงใหม่มาตรวจสอบ พบว่าลายมือชื่อทั้งของนายรักเขตต์และน.ส.ธัญญานุช ในสำเนาที่ใช้ยื่นเอกสารขอจดจัดตั้งเป็นลายมือชื่อปลอม ซึ่งทางผู้เสียหายจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา นายประเสริฐ อินต๋า กำนันตำบลบ้านปง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ นำผู้พิการในต.บ้านปง 27 คนเข้ามาแจ้งความกับร.ต.อ.สงคราม แก้วยะ ร้อยเวรสภ.หางดง ไว้เป็นหลักฐาน หลังถูกหลอกลวงนำเอาสำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน อ้างว่าเพื่อรับเบี้ยยังชีพคนพิการจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่กลับนำไปเปิดบริษัทจดทะเบียนกับพาณิชย์จังหวัดเลย เพื่อขอโควต้าสลากกินแบ่งสำหรับผู้พิการ
นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านในอ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ถูกหลอกในลักษณะเดียวกันกว่า 500 ราย ได้เข้ายื่นเรื่องให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้ว โดยทั้งหมดถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาเดียวกัน คือ ไม่ส่งงบการเงินของห้างหุ้นส่วนที่มีชื่อเป็นกรรมการอยู่ตามที่กฎหมายกำหนด
วานนี้(16 ก.พ.)ผู้ปกครองนักศึกษาผู้มีปัญหาทางการได้ยิน ศิษย์เก่าโรงเรียนโสตศึกษาอนุสารสุนทร สอนหนังสือผู้พิการทางระบบการได้ยิน จ.เชียงใหม่ เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรม ที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากนักศึกษา 2 คน คือ นายรักเขตต์ ผ่านจังหาร อายุ 21 ปี และน.ส.ธัญญานุช เขื่อนเพชร อายุ 23 ปี ตกเป็นผู้ต้องหา โดยได้รับหมายเรียกจากพนักงานสอบสวนสภ.เมือง จ.เลย คดีที่สำนักงานพัฒนธุรกิจการค้าจังหวัดเลย แจ้งความดำเนินคดีฐานไม่ส่งงบการเงินของห้างหุ้นส่วนที่มีชื่อเป็นกรรมการอยู่ตามที่กฎหมายกำหนด
โดยยืนยันว่าเด็กทั้ง 2 คนไม่มีส่วนรู้เห็น และคาดว่าน่าจะถูกหลอกให้ลงลายมือชื่อในเอกสาร เนื่องจากช่วงปลายปี 2557 ครูที่สอนในโรงเรียนขอให้ลงลายมือชื่อในสำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชน พร้อมกับเด็กอีกกว่า 10 คน อ้างว่าเพื่อขอรับเงินช่วยเหลือผู้พิการ แต่ก็ไม่เคยได้รับเงินดังกล่าว กระทั่งมีหมายเรียกจากตำรวจส่งมาที่บ้านในจ.เชียงใหม่
น.ส.มนัสนันท์ ตั้งธนวรวัทน์ ผู้ปกครองของนายรักเขตต์ เปิดเผยว่า ช่วงปลายปี 2557 ครูที่สอนอยู่ที่โรงเรียนได้ขอสำเนาทะเบียนบ้านและสำเนาบัตรประชาชนพร้อมให้ลงลายมือชื่อ จากกลุ่มศิษย์เก่าของโรงเรียนกว่า 10 คน รวมทั้งลงลายมือชื่อในหนังสือมอบฉันทะด้วย อ้างว่าเพื่อขอเงินช่วยเหลือให้กับผู้พิการ ทั้งนี้แม้ว่าทางผู้ปกครองจะคัดค้านแล้ว แต่ในที่สุดครูคนดังกล่าวก็เรียกให้เด็กไปพบ และขอเอกสารหลักฐานต่างๆไปจนได้ ซึ่งที่ผ่านมาดูเหมือนจะไม่มีปัญหา จนกระทั่งมีหมายเรียกจากพนักงานสอบสวนถูกส่งมาที่บ้าน ซึ่งคาดว่าน่าจะมีผู้ถูกหมายเรียกตามมาอีก
ทั้งนี้ เชื่อและเข้าใจว่าน่าจะเป็นผลสืบเนื่องจากมีการนำเอกสารหลักฐานของเด็กไปใช้ เพราะเด็กทุกคนไม่เคยเดินทางไปที่จ.เลย และจากการสอบถามไปที่พนักงานสอบสวนสภ.เมือง จ.เลย ทำให้ทราบว่ามีผู้ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในลักษณะเดียวกันนับพันราย โดยมีการนำรายชื่อผู้พิการไปใช้จดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคล เพื่อขอโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลสำหรับผู้พิการ จึงได้เข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจากสำนักงานยุติธรรมจังหวัด และศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เพื่อขอความช่วยเหลือด้านกฎหมาย
ด้านนายอภิชาติ อินทไชย ที่ปรึกษากฎหมาย ประจำสำนักงานยุติธรรมจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า จะเชิญครูคนที่เป็นผู้รวบรวมสำเนาทะเบียนและสำเนาบัตรประชาชนมาสอบถามข้อเท็จจริง หากพบว่าครูมีส่วนรู้เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้น อาจจะมีความผิดตามกฎหมาย และอาจถูกดำเนินคดีในข้อหายักยอกลายมือชื่อไปใช้ในทางมิชอบหรือฉ้อโกง เป็นต้น
ส่วนเด็กที่ตกเป็นผู้ต้องหานั้น เบื้องต้นแนะนำให้เข้าพบ
พนักงานสอบสวนตามหมายเรียกก่อน เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนจะเป็นผู้รวบรวมข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่งกรณีนี้มีความเป็นไปได้ที่อาจจะต้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)รับเป็นคดีพิเศษ
ข่าวแจ้งว่า ในคดีที่ส่งหมายเรียกดังกล่าว นายรักเขตต์มีชื่อเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.อาษาหาญ ขณะที่น.ส.ธัญญานุช ชื่อเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.บรรจงสังข์ และจากการที่กลุ่มผู้ปกครองได้ขอคัดสำเนาการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนจำกัดจากสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดเชียงใหม่มาตรวจสอบ พบว่าลายมือชื่อทั้งของนายรักเขตต์และน.ส.ธัญญานุช ในสำเนาที่ใช้ยื่นเอกสารขอจดจัดตั้งเป็นลายมือชื่อปลอม ซึ่งทางผู้เสียหายจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา นายประเสริฐ อินต๋า กำนันตำบลบ้านปง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ นำผู้พิการในต.บ้านปง 27 คนเข้ามาแจ้งความกับร.ต.อ.สงคราม แก้วยะ ร้อยเวรสภ.หางดง ไว้เป็นหลักฐาน หลังถูกหลอกลวงนำเอาสำเนาบัตรประชาชนและทะเบียนบ้าน อ้างว่าเพื่อรับเบี้ยยังชีพคนพิการจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่กลับนำไปเปิดบริษัทจดทะเบียนกับพาณิชย์จังหวัดเลย เพื่อขอโควต้าสลากกินแบ่งสำหรับผู้พิการ
นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านในอ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ถูกหลอกในลักษณะเดียวกันกว่า 500 ราย ได้เข้ายื่นเรื่องให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้ว โดยทั้งหมดถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาเดียวกัน คือ ไม่ส่งงบการเงินของห้างหุ้นส่วนที่มีชื่อเป็นกรรมการอยู่ตามที่กฎหมายกำหนด