อคส.อึ้ง! ตรวจสต๊อกแป้งมันกว่า 5 พันตัน ที่ชลบุรี พบปูนขาวปลอมปนเกือบทั้งหมด แจ้งความเอาผิดเจ้าของโกดังแล้ว พร้อมส่งดีเอสไอจัดการต่อ เผยเจ้าของอยู่ระหว่างหลบหนีคดี ส่วนผลตรวจสอบข้าวโพดสต๊อกรัฐ พบเสื่อมสภาพเพียบ เตรียมเสนอกรรมการข้าวโพดสั่งเปิดประมูลต่อไป
พ.ต.ท.ปิยวิชญ์ วงศ์สวัสดิ์ รองผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อคส.ได้เดินทางไปตรวจสอบสต๊อกแป้งมันสำปะหลังของรัฐบาลที่ฝากเก็บไว้ในคลังสินค้าของเอกชนที่ อ.พัฒนานิคม จ.ชลบุรี ปริมาณ 5,405 ตัน พบว่า เจ้าของคลังสินค้าได้นำปูนขาวจำนวนมากมากองรวมไว้กับแป้งมัน และเมื่อตรวจสอบอย่างละเอียด เหลือปริมาณแป้งมันสำปะหลังที่แท้จริงเพียง 882 ตัน ส่วนแป้งมันที่เหลือเจ้าของโกดังได้นำออกจากโกดังไปก่อนหน้านี้ ซึ่งอคส. ได้แจ้งความดำเนินคดีเจ้าของโกดังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่แล้ว
”อคส. เคยไปตรวจสอบคลังนี้มาแล้วช่วงเดือนก่อนหน้านี้ โดยได้ปีนขึ้นไปดูบนกอง เห็นสิ่งผิดปกติ ครั้งนี้เลยเอาเครื่องมือมาแยกกองออก ปรากฏว่า มีการเอาปูนขาวใส่จัมโบ้แบ๊กมาวางไว้ข้างในกอง แล้วเอาจัมโบ้แบ๊กที่ใส่แป้งมันมาล้อมไว้ข้างนอกเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ จึงได้แจ้งความกับสถานีตำรวจท้องที่ และในวันที่ 16 ก.พ.นี้ จะส่งเรื่องต่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำคดีต่อ”
ทั้งนี้ เจ้าของคลังสินค้าอยู่ระหว่างการหลบหนีการจับกุมดำเนินคดี เพราะประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา อคส.ได้แจ้งความดำเนินคดีกรณีปลอมปนแป้งมันสำปะหลังที่รัฐฝากเก็บไปแล้วครั้งหนึ่ง โดยเชื่อว่า ดีเอสไอจะสามารถหาตัว และจับกุมมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน ส่วนหัวหน้าคลังสินค้าที่จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นพนักงานของ อคส. ได้ถูกสั่งพักงาน และ อคส.ได้ส่งเรื่องไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดำเนินการต่อแล้ว
อย่างไรก็ตาม เห็นว่า สินค้าเกษตรของรัฐบาลที่ฝากเก็บไว้ในโกดังหรือคลังสินค้าของเอกชนสูญหายหรือมีปริมาณไม่ครบตามจำนวนที่ฝากเก็บไว้นั้น ปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเจ้าของคลังสินค้าและเจ้าหน้าที่อคส.ที่สมรู้ร่วมคิดกัน แต่เชื่อว่าน่าจะมีเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานอื่นๆ เกี่ยวข้องด้วย และทำกันเป็นขบวนการ ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถขนสินค้าออกจากโกดังหรือคลังสินค้าได้ง่ายๆ จึงต้องการให้มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด
ส่วนความคืบหน้ากรณีมันสำปะหลังจากโครงการรับจำนำปี 2551/52-55/56 สูญหายไปจากคลังสินค้าปริมาณรวม 300,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายถึง 3,700 ล้านบาท และอคส.ได้แจ้งความดำเนินคดียักยอกทรัพย์กับเจ้าของคลังสินค้าไปแล้วรวม 95 คดีนั้น ล่าสุด ดีเอสไอได้รับคดีไปดำเนินการต่อแล้ว เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่า มีการดำเนินการเป็นขบวนการ ซึ่งแต่ละคดีเกี่ยวข้องโยงใยกัน
พ.ต.ท.ปิยวิชญ์กล่าวว่า กรณีการตรวจสอบคุณภาพข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากโครงการรับจำนำของรัฐบาล ที่ฝากเก็บไว้กับคลังสินค้าเอกชนที่ อ.อุ้งผาง อ.พบพระ อ.แม่สอด จ.ตาก ปริมาณรวม 90,000 ตัน เพื่อเตรียมนำออกประมูล พบว่าข้าวโพดที่ฝากเก็บเกือบทั้งหมดเสื่อมคุณภาพ โดยเฉพาะคลังที่ อ.อุ้มผาง ที่ฝากเก็บไว้หลายหมื่นตัน เพราะฝากเก็บมาตั้งแต่ปี 2551/52 แต่ปริมาณยังอยู่ครบ ซึ่งจะรายงานผลการตรวจสอบต่อคณะอนุกรรมการนโยบายข้าวโพดแห่งชาติ เพื่อเปิดประมูลตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดแห่งชาติต่อไป
”เจ้าของคลังที่อ.อุ้มผางบอกว่า เก็บมา 8 ปีแล้ว ก็ต้องเสื่อมไปตามสภาพ และรัฐไม่เร่งระบาย ปล่อยคาโกดังมานาน อีกอย่างคลังนี้อยู่ไกลมาก เจ้าหน้าที่ไปดูแลยาก ผมสงสัยเหมือนกันว่าทำไมต้องมาฝากเก็บไกลขนาดนี้ เลยถามเจ้าหน้าที่ ได้รับคำตอบว่า มีความพยายามจากนักการเมืองท้องถิ่นกดดันให้รัฐมาฝากเก็บที่นี่ ซึ่งไกลหูไกลตา และอยู่ใกล้ชายแดนมาก ต่อไปถ้ามีโครงการรับจำนำ คงต้องพิจารณาฝากเก็บในคลังใกล้ชุมชนจะดีกว่า”พ.ต.ท.ปิยวิชญ์กล่าว.
พ.ต.ท.ปิยวิชญ์ วงศ์สวัสดิ์ รองผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อคส.ได้เดินทางไปตรวจสอบสต๊อกแป้งมันสำปะหลังของรัฐบาลที่ฝากเก็บไว้ในคลังสินค้าของเอกชนที่ อ.พัฒนานิคม จ.ชลบุรี ปริมาณ 5,405 ตัน พบว่า เจ้าของคลังสินค้าได้นำปูนขาวจำนวนมากมากองรวมไว้กับแป้งมัน และเมื่อตรวจสอบอย่างละเอียด เหลือปริมาณแป้งมันสำปะหลังที่แท้จริงเพียง 882 ตัน ส่วนแป้งมันที่เหลือเจ้าของโกดังได้นำออกจากโกดังไปก่อนหน้านี้ ซึ่งอคส. ได้แจ้งความดำเนินคดีเจ้าของโกดังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่แล้ว
”อคส. เคยไปตรวจสอบคลังนี้มาแล้วช่วงเดือนก่อนหน้านี้ โดยได้ปีนขึ้นไปดูบนกอง เห็นสิ่งผิดปกติ ครั้งนี้เลยเอาเครื่องมือมาแยกกองออก ปรากฏว่า มีการเอาปูนขาวใส่จัมโบ้แบ๊กมาวางไว้ข้างในกอง แล้วเอาจัมโบ้แบ๊กที่ใส่แป้งมันมาล้อมไว้ข้างนอกเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ จึงได้แจ้งความกับสถานีตำรวจท้องที่ และในวันที่ 16 ก.พ.นี้ จะส่งเรื่องต่อให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำคดีต่อ”
ทั้งนี้ เจ้าของคลังสินค้าอยู่ระหว่างการหลบหนีการจับกุมดำเนินคดี เพราะประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา อคส.ได้แจ้งความดำเนินคดีกรณีปลอมปนแป้งมันสำปะหลังที่รัฐฝากเก็บไปแล้วครั้งหนึ่ง โดยเชื่อว่า ดีเอสไอจะสามารถหาตัว และจับกุมมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน ส่วนหัวหน้าคลังสินค้าที่จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นพนักงานของ อคส. ได้ถูกสั่งพักงาน และ อคส.ได้ส่งเรื่องไปให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดำเนินการต่อแล้ว
อย่างไรก็ตาม เห็นว่า สินค้าเกษตรของรัฐบาลที่ฝากเก็บไว้ในโกดังหรือคลังสินค้าของเอกชนสูญหายหรือมีปริมาณไม่ครบตามจำนวนที่ฝากเก็บไว้นั้น ปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเจ้าของคลังสินค้าและเจ้าหน้าที่อคส.ที่สมรู้ร่วมคิดกัน แต่เชื่อว่าน่าจะมีเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานอื่นๆ เกี่ยวข้องด้วย และทำกันเป็นขบวนการ ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถขนสินค้าออกจากโกดังหรือคลังสินค้าได้ง่ายๆ จึงต้องการให้มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด
ส่วนความคืบหน้ากรณีมันสำปะหลังจากโครงการรับจำนำปี 2551/52-55/56 สูญหายไปจากคลังสินค้าปริมาณรวม 300,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าความเสียหายถึง 3,700 ล้านบาท และอคส.ได้แจ้งความดำเนินคดียักยอกทรัพย์กับเจ้าของคลังสินค้าไปแล้วรวม 95 คดีนั้น ล่าสุด ดีเอสไอได้รับคดีไปดำเนินการต่อแล้ว เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่า มีการดำเนินการเป็นขบวนการ ซึ่งแต่ละคดีเกี่ยวข้องโยงใยกัน
พ.ต.ท.ปิยวิชญ์กล่าวว่า กรณีการตรวจสอบคุณภาพข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากโครงการรับจำนำของรัฐบาล ที่ฝากเก็บไว้กับคลังสินค้าเอกชนที่ อ.อุ้งผาง อ.พบพระ อ.แม่สอด จ.ตาก ปริมาณรวม 90,000 ตัน เพื่อเตรียมนำออกประมูล พบว่าข้าวโพดที่ฝากเก็บเกือบทั้งหมดเสื่อมคุณภาพ โดยเฉพาะคลังที่ อ.อุ้มผาง ที่ฝากเก็บไว้หลายหมื่นตัน เพราะฝากเก็บมาตั้งแต่ปี 2551/52 แต่ปริมาณยังอยู่ครบ ซึ่งจะรายงานผลการตรวจสอบต่อคณะอนุกรรมการนโยบายข้าวโพดแห่งชาติ เพื่อเปิดประมูลตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดแห่งชาติต่อไป
”เจ้าของคลังที่อ.อุ้มผางบอกว่า เก็บมา 8 ปีแล้ว ก็ต้องเสื่อมไปตามสภาพ และรัฐไม่เร่งระบาย ปล่อยคาโกดังมานาน อีกอย่างคลังนี้อยู่ไกลมาก เจ้าหน้าที่ไปดูแลยาก ผมสงสัยเหมือนกันว่าทำไมต้องมาฝากเก็บไกลขนาดนี้ เลยถามเจ้าหน้าที่ ได้รับคำตอบว่า มีความพยายามจากนักการเมืองท้องถิ่นกดดันให้รัฐมาฝากเก็บที่นี่ ซึ่งไกลหูไกลตา และอยู่ใกล้ชายแดนมาก ต่อไปถ้ามีโครงการรับจำนำ คงต้องพิจารณาฝากเก็บในคลังใกล้ชุมชนจะดีกว่า”พ.ต.ท.ปิยวิชญ์กล่าว.
