xs
xsm
sm
md
lg

เทียบลายนิ้วมือแฝงล่ามือบึ้ม ปัดจับแค่ข่าวลือ-ตั้งค่าหัวยันไม่รอด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตร.เร่งแกะรอยลายนิ้วมือแฝงที่พบบริเวณจุดเกิดเหตุมือบึ้มสยามพารากอนอย่างต่อเนื่อง ยันไม่ได้จับกุมใครแค่ข่าวลือ มั่นใจได้ตัวคนร้ายในเร็ววันนี้ "สมยศ" สั่งเข้มรอบที่ 2 ให้ทุกหน่วยวางมาตรการเข้มเตรียมแผนรับมือ ป้องกันเหตุป่วนเมือง สถานที่สำคัญทั่วประเทศ ส่งกำลังทุกหน่วยลงเต็มพื้นที่เสี่ยง ประสานให้ร่วมกับทหารและทุกหน่วยของภาครัฐ เฝ้าระวัง บช.น.ตั้งค่าหัวผู้แจ้งเบาะแสคดี ยันจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการจับกุมใคร แค่ข่าวลือ

วานนี้(5 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(โฆษก ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุระเบิด 2 ลูก ที่บริเวณจุดเชื่อมต่อห้างสยามพารากอน และสถานีรถไฟฟ้าสยาม เมื่อค่ำวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกำลังเร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุย้อนหลังไปตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดเหตุ เพื่อหาจุดที่ผู้ต้องหาขึ้นรถไปจนถึงต้นทาง ขณะเดียวกันตำรวจได้เร่งตรวจสอบเฝ้าระวังกลุ่มต้องสงสัยมากกว่า 3 กลุ่มซึ่งเคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธและวัตถุระเบิดในการก่อเหตุ รวมถึงนำภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดมาเปรียบเทียบกับผู้ต้องหาตามหมายจับต่างๆที่มีอยู่ในทุกๆคดี เมื่อพิสูจน์ทราบแล้วว่าคนร้ายสังกัดอยู่กลุ่มใดก็จะสามารถรู้ได้ว่าการก่อเหตุในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนคืออะไรต่อไป ซึ่งตำรวจมีประวัติข้อมูลของกลุ่มต่างๆอยู่แล้วแต่ยังไม่ทราบตัวคนร้าย

พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะได้นำภาพไปเทียบกับผู้ต้องหาในคดีเก่าๆด้วย เพื่อทำงานคู่ขนานกับชุดสืบสวนที่ได้ประสานสนธิกำลังหน่วยงานความมั่นคงติดตามไล่ลาตัวคนร้ายมาดำเนินการตามกฎหมาย สำหรับประเด็นการก่อเหตุนั้นก็เป็นไปตามที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไปแล้วว่าเกี่ยวข้องกับเป้าหมายทางการเมือง ส่วนจะเป็นกลุ่มใดนั้นเป็นหน้าที่ของฝ่ายสืบสวนสอบสวนจะดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ผบ.ตร. ได้สั่งการกำชับให้ดูแลรักษาความปลอดภัยตามบริเวณจุดเสี่ยงต่างๆที่มีประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจุดที่เป็นพื้นที่เชิงสัญลักษณ์ เพื่อไม่ให้คนร้ายสร้างสถานการณ์ได้อีก

โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบตัวคนร้ายที่ชัดเจน แต่เชื่อว่ายังคงหลบหนีอยู่บริเวณพื้นที่โดยรอบกรุงเทพมหานคร ส่วนกระแสข่าวที่ว่าคนร้ายหลบหนีไปกบดานแถวภาคใต้นั้นไม่เป็นความจริง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงที่พบบริเวณจุดเกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องใช้เวลาเนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีทั้งร่องรอยเก่าและรอยใหม่ปรากฏอยู่ ต้องทำการตรวจสอบรอยที่ชัดที่สุดไปจนถึงรอยที่จางที่สุด เพื่อมาเทียบเคียงกับฐานข้อมูลซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากถึง 90 ล้านคน และถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถเทียบเคียงกับรอยนิ้วมือของบุคคลใดได้ อีกทั้งเหตุการณ์ดังกล่าวตำรวจไม่สามารถเก็บดีเอ็นเอของคนร้ายไว้ใช้เป็นหลักฐานได้ และจากการวิเคราะห์ดูแล้วผู้ก่อเหตุมีความชำนาญในการก่อเหตุพอสมควร โดยคิดว่ามีการเดินทางมาดูลาดเลาก่อนลงมือหลายครั้ง เพราะไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางรู้จุดได้อย่างแน่ชัดเช่นนี้

"ปัญหาอย่างหนึ่งของการสืบสวนติดตามตัวคนร้ายกรณีลักษณะเช่นนี้ก็คือ บ้านเรายังไม่มีอุปกรณ์กล้องวงจรปิดที่มีระบบจดจำใบหน้าของผู้ที่เดินผ่านเข้ามาหน้ากล้อง ซึ่งจะช่วยแยกแยะได้ว่าใครเป็นใคร ทำให้การตรวจสอบบุคคลในลักษณะนี้ทำได้ค่อนข้างยาก อย่างไรก็ตามอีกไม่นานสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังจะนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ในภารกิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป" โฆษกตร. กล่าว

ด้านพล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวถึงกระแสข่าว เจ้าหน้าที่มีการรวบตัวผู้ต้องหาคดีวางระเบิด 2 จุด บริเวณทางเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าสยาม กับห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ที่จ.ภูเก็ต ว่า กรณีดังกล่าวเป็นเพียงกระแสข่าว ขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ที่ถูกออกหมายจับได้ แต่ยืนยันว่าขณะนี้ชุดสืบสวนกำลังเร่งติดตามตัวคนร้ายอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าจะได้ตัวมาดำเนินคดีอย่างแน่นอน

***"สมยศ" สั่งเข้มรอบที่ 2 ป้องกันเหตุป่วนเมือง

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) มีรายงานว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึง ผบช.น.,ภ.1-9,ศชต.,ก,ตชด.,ศปก.ตร. จากกรณีที่เกิดเหตุระเบิดบริเวณศูนย์การค้าพารากอน ตามที่ได้เคยสั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มในมาตรการการข่าว การตรวจสถานที่สำคัญและการตั้งจุดตรวจค้นบุคลยานพาหนะและสิ่งผิดกฏหมาย มาแล้วนั้น จากการประเมินด้านการข่าวพบว่าสถานการณ์ในภาพรวมมีความจำเป็นที่ต้องติดตามเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง

ดังนั้นเพื่อให้การรักษาความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชนและการรักษาความเรียบร้อยในภาพรวมเป็นไปในความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นจึงกำชับการปฏิบัติการเพิ่มขึ้นดังนี้

"ให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มความถี่และมาตราการเชิงรุกด้านสายตรวจทุกประเภทโดยเพราะการจัดส่ยตรวจเดินเท้า การแสดงกลุ่มก้อน การตรวจรถยนต์ ว.10 ประจำจุดและให้เปิดสัญญานไฟวาบเพื่อป้องปรามลดแรงจูงใจและตัดโอกาสในการกระทำความผิดในพื้นที่สำคัญที่มีประชาชน นักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากอาจตกเป็นเป้าหมายในการก่อเหตุหรือสร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้างสรรพสินค้า สถานีขนส่งสถานีรถไฟฟ้า สวนสาธารณะสำหรับออกกำลังกายพักผ่อนหย่อนใจและชุมทางรถโดยสารขนาดใหญ่ เช่นอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ห้าแยกลาดพร้าว ศูนย์ค้าสยาม สนามกีฬา วงเวีนยใหญ่ รังสิต ฯลฯตลอดจนท่าเรือและสถานที่สำคัญทุกแห่งในพื้นที่รับผิดชอบ" คำสั่งระบุ

ขณะเดียวกันให้ ผบช.น.ร่วมกับ ผบก.น.1-9 รับผิดชอบศึกษาวิเคราะห์และกำหนดสถานที่เสี่ยงและวางแผนจัดกำลังสายตรวจพร้อมทั้งให้ บก.สปพ.และ อคฝ.ตำรวจสีกากีสนับสนุนการปฏิบัติร่วมกับกำลังของ บก.ป. บก.ทท.และฝ่ายรักษาความปลอดภัยของสถานที่นั้นๆหากกำลังไม่เพียงพอให้ขอรับการสนับสนุนจาก ตชด.ในพื้นที่. ให้ ผบก.น.1-9 และ ภ.จว.ทุกจังหวัดทุกแห่งรับผิดชอบการวางแผน กำหนดภารกิจแนวความคิดในการปฏิบัติของสายตรวจทุกประเภท พื้นที่รับผิดชอบ แผนเผชิญเหตุ การสังเกตและตรวจค้นบุคคล ยานพาหนะต้องสงสัยให้ชัดเจนเช่น พกสะพายเป้และมีพิรุธ ขับขี่รถ จักรยานยนต์ ไม่ติดแผ่นป้ายรวมทั้งการปฏิบัติในสถานการณ์ต่างๆ ผู้ควบคุมปฏิบัติและช่องทางการติดต่อสื่อสารให้เป็นระบบโดยให้ประสานกับหน่วยทหารในพื้นที่และฝ่ายปกครองอย่างใกล้ชิดและ

นอกจากนี้ให้ ตร.ที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ควบคุมทางยุทธการ ผบก.น.1-9 และภ.จว.แล้วแต่กรณี หัวหน้าสถานีตำรวจต้องประสานหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยสถานที่สำคัญทุกแห่งทั้งภาคราชการ ภาคเอกชน เพื่อขอความร่วมมือเวร รปภ. สถานที่ในการตรวจตรา สังเกตจดจำตำหนิรูปพรรณบุคคล ยานพาหนะต้องสงสัยและตรวจสอบความพร้อมของกล้องวงจรปิดให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้และติดตั้งในจุดพื้นที่ที่เหมาะสม ในการบันทึกใบหน้า การแต่งกายและมีความเชื่อมโยงภาพเคลื่อนใหวพื้นที่ต่างๆให้ชัดเจน รวมทั้งวางช่องทางการติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารระหว่างกันได้อย่างรวดเร็ว ชัดเจนตลอดเวลา ให้ทุกหน่วยพิจารณาสนับสนุนงบประมาณปกติเพื่อเป็นที่ใช้จ่ายที่จำเป็นตามสิทธิ์ในการปฏิบัติหากไม่เพียงพอให้ขอการสนับสนุนจาก ตร.และขอการสนับสนุนงบกลางจากรัฐบาลโดยให้ สงป.กำหนดแบบฟอร์มในการประมาณการค่าใช้จ่ายและการขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

และให้รอง ผบ.ตร.(มค.)รับผิดชอบดูแลอำนวยการปฏิบัติในภาพรวมและให้ ศปก.ตร.ร่วมกับ สยศ.ตร.ติดตามแผนและผลการปฏิบัติของทุกหน่วยโดยกำหนดแบบรายงานของหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ ผ่าน ศปก.และบช.ภ.ให้เป็นระบบในการรายงานที่ชัดเจน แจ้งมาเพื่อทราบและให้ถือทุกหน่วยปฎิบัติโดยเคร่งครัด

****ตั้งค่าหัว ผู้แจ้งเบาะแส

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง พล.ต.ต.ภัคพงษ์ พงษ์เภตรา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.น.6 พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.รณกร ศุภสมุทร ผบก.อก.ภ.3 และ พ.ต.อ.กำธร อุ๋ยเจริญ ผกก.เก็บกู้วัตถุระเบิด ประชุมความคืบหน้ากรณีระเบิดบริเวณบนสถานีรถไฟฟ้าสยาม หน้าห้างสรรพสินค้าพารากอน เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

พล.ต.ท.ศรีวราห์กล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ภาพคนร้ายจากกล้องวงจรปิดในบริเวณใกล้เคียง จึงส่งผลให้สำนวนในคดีมีความคืบหน้า คาดว่าจะจับตัวคนร้ายได้เร็วๆนี้ รวมทั้งมีการเชิญตัวพยานในที่เกิดเหตุและผู้ต้องสงสัยต่างๆ มาซักถามข้อเท็จจริงเท่านั้น ไม่ได้มีการจับกุมตัวแต่อย่างใด ส่วนประเด็นที่สงสัยว่าอาจจะเป็นคนร้ายกลุ่มเดียวกับที่ก่อเหตุที่มีนบุรีนั้นยังไม่สามารถยืนยันได้ ต้องสืบจากพยานหลักฐานทั้งหมดก่อน เพราะลักษณะของระเบิดแตกต่างกันที่ส่วนผสม คือ ดินเทาใช้ประกอบระเบิดที่มีนบุรี ส่วนดินดำใช้ประกอบระเบิดที่สถานีรถไฟฟ้า หน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน

นอกจากนี้ยังไม่ขอยืนยันว่าเหตุระเบิดต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นมีความเกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะจะต้องตรวจสอบพิสูจน์ให้ชัดเจนก่อนจึงจะสามารถระบุได้ แนวทางการสอบสวนในขณะนี้จะเป็นไปตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก และตามประมวลกฎหมายอาญา

ทั้งนี้ หากประชาชนมีเบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายในภาพ หรือพบเห็นบุคคลที่คล้ายกับผู้ต้องหา สามารถแจ้งเบาะแสแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ของศูนย์สืบ บช.น. 0-2354-8226 ตลอด 24 ชั่วโมง.
กำลังโหลดความคิดเห็น