ผบ.ตร.ขู่เด้ง ผู้การฯ-รองผู้การฯ-หน.สถานีตำรวจ หากปล่อยให้มีทำผิดค้ามนุษย์ในพื้นที่ พร้อมกำชับผู้ช่วยผบ.ตร.เข้ากวดขันการปฏิบัติงานและรายงานที่ประชุมศปก.ตร.ทุกครั้ง ระบุฟ้องเพิ่มโทษถ้าพบทำผิดซ้ำ ผบช.น.เด้ง! 5 เสือ โรงพักโคกคราม ช่วยราชการ30วัน หลังพบมีการลักลอบเปิดสถานบริการค้าประเวณีย่านซ.รามอินทรา 40 ขณะที่ ผบช. สกบ. สั่ง “จักรกฤช เอี่ยมแจ้งพันธุ์” รอง ผบก. ครอบครองยาไอซ์ ออกจากราชการ
วานนี้ (1 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุมพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีวิทยุในราชการ ศปก.ตร.ด่วนที่สุด เลขที่0001 (ศปก.ตร.) /22 ถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น) ผู้บัญชการตำรวจภูธรภาค1-9 ผบช. ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(ผบช.ก.) โดยมีใจความว่า จากที่ได้กำชับสั่งการในที่ประชุมบริหาร ตร.ครั้งที่1/2558 เมื่อวันที่ 21 มกราคม ให้กวดขันจับกุมการปราบปรามแก้ไขการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง โดยเฉพาะค้าประเวณีเด็กบังคับค้าประเวณี ทั้งคนไทยและต่างด้าว การแสดงลามกอนาจาร สถานบริการที่กระทำผิดกฎหมาย อบายมุขทุกประเภท แต่ปัจจุบันพบว่ามีหลายหน่วยที่ยังละเลยไม่เอาใจใส่ ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยจึงให้ผู้บัญชาการกำชับ ผบก.น. -ผบก.ภ.จว.ทุกพื้นที่ และหัวหน้าสถานีตำรวจ ให้กวดขันตรวจตราสืบสวนจับกุมสถานบริการ ร้านคาราโอเกะ ร้านอาหารสถานประกอบการทุกประเภทที่มีการค้าประเวณีแอบแฝงไม่ว่าจะสมัครใจหรือบังคับ โดยเฉพาะการค้าประเวณีเด็กอย่างจริงจัง รวมทั้งฟ้องเพิ่มโทษกรณีทำผิดซ้ำ และดำเนินการผู้เกี่ยวข้องตามกฎหมายเกี่ยวกับเด็ก ค้ามนุษย์ รวมทั้งกฎหมายป้องกันปราบปรามการฟอกเงินตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานทุกกรณี
"ให้ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของทุกหน่วยงาน และศูนย์ 1599 ศปก.ตร.ให้ความสำคัญในการรับแจ้งเหตุพฤติการณ์ผิดกฎหมายทุกประเภท โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ สถานบริการแอบแฝงค้าประเวณี และเมื่อรับแจ้งให้เร่งสืบสวนโดยเร็ว และจับกุมเด็ดขาด โดยให้มอบหมายรองผบช. รองผบก.เข้ากำกับรับผิดชอบพื้นที่ กองบังคับการ ภูธรจังหวัด โรงพัก ไปดูแลการปฏิบัติอย่างจริงจัง หากมีการจับกุมโดยส่วนราชการอื่น ที่เป็นการปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่ หรือกวดขันไม่ดำเนินการอย่างจริงจังตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ผบช.พิจารณาโทษทางปกครองกับ ผบก. รองผบก.ที่รับผิดชอบ และผู้รับผิดชอบในสน.หรือสภ.ทันทีและตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วนที่สุด" คำสั่งดังกล่าวระบุ
นอกจากนี้ ให้รองผบ.ตร. ที่ปรึกษา(สบ10) ผู้ช่วยผบ.ตร.ด้านป้องกันปราบปรามอาชญากรรม เข้ากวดขันการปฏิบัติของหน่วยใสความรับผิดชอบ และให้ศปก.ตร.ติดตามข้อมูลข่าวสารผลการปฏิบัติในเรื่องนี้ รายงานในการประชุมศปก.ตร.ทุกครั้ง
***เด้ง! 5 เสือ โรงพักโคกคราม เซ่นน้ำกาม
มีรายงานว่า พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) มีคำสั่งบช.น.ที่ 36/2558 เรื่องข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ ลงวันที่ 1 ก.พ.2558 โดยมีใจความว่า ตามคำสั่งกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ที่41/2558 ลงวันที่ 28 ม.ค.2558 ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โคกคราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.)ได้ร่วมกันจับกุม นายศรัณพงศ์ จิตไว ในข้อหาเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต,เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไป เพื่อการอนาจาร ซึ่งชายหรือหญิง, เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลเพื่อให้บุคคลนั้นการทำการค้าประเวณีแม้บุคคลนั้นยินยอมก็ตาม และเป็นเจ้าของกิจการค้าประเวณี ผู้ดูแลหรือผู้จัดการกิจการค้าประเวณี หรือสถานค้าประเวณี หรือผู้ควบคุมผู้กระทำการค้าประเวณีในสถานการค้าประเวณี เหตุเกิดที่ร้านแอทบาหลี เลขที่ 473 ถ.นวลจันทร์ ซ.รามอินทรา 40 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม เมื่อวันที่ 27 ม.ค. เวลา 20.00 น.นั้น
"เพื่อให้การบริหารงานในภาพรวมตลอดจนการปฏิบัติตามนโยบายในการปราบปรามอบายมุขของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เกิดความเสียหายต่อทางราชการ และเพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นไปอย่างโปร่งใส ดังนั้น จึงให้ พ.ต.อ.กิตติเชษฐ์ ศักยภาพวิชานนท์ ผกก.สน.โคกคราม พ.ต.ท.ศรีสันต์ เฟื่องสังข์ รองผกก.สส. พ.ต.ท.สุทัศน์ แดงประดับ รองผกก.ป. พ.ต.ท.จักรพงศ์ ตราบดี สว.สส. และ ร.ต.อ.สมภพ อภิชาชาญ สวป. ปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีกำหนด 30 วัน" คำสั่งดังกล่าวระบุ.
***ไล่ออก“รองผบก.” ครอบครองยาไอซ์
วานนี้ (1 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ปิยะ สอนตระกูล ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง (ผบช.สกบ.) มีคำสั่งที่ 14/2558 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน ลงวันที่ 31 มกราคม 2558 โดยระบุว่าด้วย พ.ต.อ.จักรกฤช เอี่ยมแจ้งพันธุ์ รองผู้บังคับการอำนวยการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จนถูกตั้งกรรมการสอบสวน โดยต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา
ซึ่งเมื่อวันที่ 30 มกราคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประเวศ ได้จับกุมตัว พ.ต.อ.จักรกฤช เอี่ยมแจ้งพันธุ์ อายุ 48 ปี พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและเสพยาเสพติด ได้ที่ไรเดอร์ รีสอร์ต เป็นเหตุให้ถูกตั้งกรรมการสอบวินัยอย่างร้ายแรง และมีเหตุให้พักราชการได้ ตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการ และการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ถูกตั้งกรรมการสอบสวนหรือต้องหาว่ากระทำผิดอาญา และได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการสอบสวนพิจารณาคดีที่เป็นเหตุให้สั่งพักราชการนั้น จะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว
ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความมาตรา 95 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติประกอบกับ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน จึงให้ พ.ต.อ.จักรกฤช เอื่ยมแจ้งพันธุ์ ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค. 2558 เป็นต้นไป
สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 03.20 น. วันที่ (31 ม.ค.) พ.ต.ท.วัลลภ ณ นคร รอง ผกก.สน.ประเวศ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประกรณ์ ทองช่วง สว.สส.สน.ประเวศ พ.ต.ท.ธงชัย แก้วทา รอง สว.สส.สน.ประเวศ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ได้รับแจ้งว่าที่ห้อง 315 ไรเดอร์ รีสอร์ท เลขที่ 35/1 หมู่ 7 ซอยศรีนครินทร์ 49 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. มีการมั่วสุ่มเสพยา
จากการเข้าตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบชายคนหนึ่ง และพบของกลางเป็นยาไอซ์ บรรจุใส่ถุงพลาสติกวางอยู่ที่ข้างเตียง เมื่อตรวจค้นในกระเป๋าสะพายสีดำของชายคนดังกล่าวอยู่พบยาไอซ์อยู่ในถุงพลาสติกในกระเป๋า โดยยาไอซ์ทั้งหมด 4 ถุง 19 กรัม และอุปกรณ์ในการเสพ ซึ่งทางผู้เสพมีอาการเบลอ ทราบชื่อต่อมาคือ พ.ต.อ.จักรกฤช เอี่ยมแจ้งพันธุ์ รอง ผบก.ส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ อดีต รอง ผบก.ป. อายุ 48 ปี บ้านเลขที่40/768 แยกที่ 1 แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. ทั้งนี้ พ.ต.อ.จักรกฤช เป็นบุตรชาย พล.ต.อ.จำลอง เอี่ยมแจ้งพันธุ์ อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจและรมช.สาธารณสุข ในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ขณะเดียวกันเมื่อปลายปี 2553 ร.ต.อ.ภูวสิษฏ์ เอี่ยมแจ้งพันธุ์ รองสว. สังกัดกองบัญชาการตำรวจสันติบาล บุตรชายคนเล็กของ พล.ต.อ.จำลอง ก็ถูกจับกุมในข้อหาครอบครองยาไอซ์ แต่ต่อมาสู้คดีจนพ้นผิด และได้เปลี่ยนชื่อก่อนกลับเข้ารับราชการอีกครั้ง ปัจจุบันย้ายมาสังกัด กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาไปตรวจหาสารเสพติดที่ รพ.สิรินธร พบว่ามีสารเมทเอ็มตามิน ซึ่งเป็นสารเสพติดในร่างกาย จึงได้ควบคุมตัวส่งพนังงานสอบสวน จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่าเสพยาจริง แต่ของกลางที่พบนั้นไม่ใช่ของตน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่โดยแจ้งข้อหามียาเสพติดประเภท1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและเสพยาเสพติดประเภท 1 (ยาไอซ์) หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งศาลจังหวัดพระโขนง โดยค้านการประกันตัว.
วานนี้ (1 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุมพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีวิทยุในราชการ ศปก.ตร.ด่วนที่สุด เลขที่0001 (ศปก.ตร.) /22 ถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น) ผู้บัญชการตำรวจภูธรภาค1-9 ผบช. ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(ผบช.ก.) โดยมีใจความว่า จากที่ได้กำชับสั่งการในที่ประชุมบริหาร ตร.ครั้งที่1/2558 เมื่อวันที่ 21 มกราคม ให้กวดขันจับกุมการปราบปรามแก้ไขการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง โดยเฉพาะค้าประเวณีเด็กบังคับค้าประเวณี ทั้งคนไทยและต่างด้าว การแสดงลามกอนาจาร สถานบริการที่กระทำผิดกฎหมาย อบายมุขทุกประเภท แต่ปัจจุบันพบว่ามีหลายหน่วยที่ยังละเลยไม่เอาใจใส่ ดังนั้นเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยจึงให้ผู้บัญชาการกำชับ ผบก.น. -ผบก.ภ.จว.ทุกพื้นที่ และหัวหน้าสถานีตำรวจ ให้กวดขันตรวจตราสืบสวนจับกุมสถานบริการ ร้านคาราโอเกะ ร้านอาหารสถานประกอบการทุกประเภทที่มีการค้าประเวณีแอบแฝงไม่ว่าจะสมัครใจหรือบังคับ โดยเฉพาะการค้าประเวณีเด็กอย่างจริงจัง รวมทั้งฟ้องเพิ่มโทษกรณีทำผิดซ้ำ และดำเนินการผู้เกี่ยวข้องตามกฎหมายเกี่ยวกับเด็ก ค้ามนุษย์ รวมทั้งกฎหมายป้องกันปราบปรามการฟอกเงินตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานทุกกรณี
"ให้ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของทุกหน่วยงาน และศูนย์ 1599 ศปก.ตร.ให้ความสำคัญในการรับแจ้งเหตุพฤติการณ์ผิดกฎหมายทุกประเภท โดยเฉพาะความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ สถานบริการแอบแฝงค้าประเวณี และเมื่อรับแจ้งให้เร่งสืบสวนโดยเร็ว และจับกุมเด็ดขาด โดยให้มอบหมายรองผบช. รองผบก.เข้ากำกับรับผิดชอบพื้นที่ กองบังคับการ ภูธรจังหวัด โรงพัก ไปดูแลการปฏิบัติอย่างจริงจัง หากมีการจับกุมโดยส่วนราชการอื่น ที่เป็นการปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่ หรือกวดขันไม่ดำเนินการอย่างจริงจังตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ผบช.พิจารณาโทษทางปกครองกับ ผบก. รองผบก.ที่รับผิดชอบ และผู้รับผิดชอบในสน.หรือสภ.ทันทีและตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วนที่สุด" คำสั่งดังกล่าวระบุ
นอกจากนี้ ให้รองผบ.ตร. ที่ปรึกษา(สบ10) ผู้ช่วยผบ.ตร.ด้านป้องกันปราบปรามอาชญากรรม เข้ากวดขันการปฏิบัติของหน่วยใสความรับผิดชอบ และให้ศปก.ตร.ติดตามข้อมูลข่าวสารผลการปฏิบัติในเรื่องนี้ รายงานในการประชุมศปก.ตร.ทุกครั้ง
***เด้ง! 5 เสือ โรงพักโคกคราม เซ่นน้ำกาม
มีรายงานว่า พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) มีคำสั่งบช.น.ที่ 36/2558 เรื่องข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ ลงวันที่ 1 ก.พ.2558 โดยมีใจความว่า ตามคำสั่งกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ที่41/2558 ลงวันที่ 28 ม.ค.2558 ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โคกคราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.)ได้ร่วมกันจับกุม นายศรัณพงศ์ จิตไว ในข้อหาเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต,เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไป เพื่อการอนาจาร ซึ่งชายหรือหญิง, เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลเพื่อให้บุคคลนั้นการทำการค้าประเวณีแม้บุคคลนั้นยินยอมก็ตาม และเป็นเจ้าของกิจการค้าประเวณี ผู้ดูแลหรือผู้จัดการกิจการค้าประเวณี หรือสถานค้าประเวณี หรือผู้ควบคุมผู้กระทำการค้าประเวณีในสถานการค้าประเวณี เหตุเกิดที่ร้านแอทบาหลี เลขที่ 473 ถ.นวลจันทร์ ซ.รามอินทรา 40 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม เมื่อวันที่ 27 ม.ค. เวลา 20.00 น.นั้น
"เพื่อให้การบริหารงานในภาพรวมตลอดจนการปฏิบัติตามนโยบายในการปราบปรามอบายมุขของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เกิดความเสียหายต่อทางราชการ และเพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นไปอย่างโปร่งใส ดังนั้น จึงให้ พ.ต.อ.กิตติเชษฐ์ ศักยภาพวิชานนท์ ผกก.สน.โคกคราม พ.ต.ท.ศรีสันต์ เฟื่องสังข์ รองผกก.สส. พ.ต.ท.สุทัศน์ แดงประดับ รองผกก.ป. พ.ต.ท.จักรพงศ์ ตราบดี สว.สส. และ ร.ต.อ.สมภพ อภิชาชาญ สวป. ปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีกำหนด 30 วัน" คำสั่งดังกล่าวระบุ.
***ไล่ออก“รองผบก.” ครอบครองยาไอซ์
วานนี้ (1 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ปิยะ สอนตระกูล ผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง (ผบช.สกบ.) มีคำสั่งที่ 14/2558 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน ลงวันที่ 31 มกราคม 2558 โดยระบุว่าด้วย พ.ต.อ.จักรกฤช เอี่ยมแจ้งพันธุ์ รองผู้บังคับการอำนวยการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง จนถูกตั้งกรรมการสอบสวน โดยต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา
ซึ่งเมื่อวันที่ 30 มกราคม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประเวศ ได้จับกุมตัว พ.ต.อ.จักรกฤช เอี่ยมแจ้งพันธุ์ อายุ 48 ปี พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและเสพยาเสพติด ได้ที่ไรเดอร์ รีสอร์ต เป็นเหตุให้ถูกตั้งกรรมการสอบวินัยอย่างร้ายแรง และมีเหตุให้พักราชการได้ ตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการ และการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ถูกตั้งกรรมการสอบสวนหรือต้องหาว่ากระทำผิดอาญา และได้พิจารณาแล้วเห็นว่าการสอบสวนพิจารณาคดีที่เป็นเหตุให้สั่งพักราชการนั้น จะไม่แล้วเสร็จโดยเร็ว
ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความมาตรา 95 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติประกอบกับ กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน จึงให้ พ.ต.อ.จักรกฤช เอื่ยมแจ้งพันธุ์ ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค. 2558 เป็นต้นไป
สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 03.20 น. วันที่ (31 ม.ค.) พ.ต.ท.วัลลภ ณ นคร รอง ผกก.สน.ประเวศ พร้อมด้วย พ.ต.ท.ประกรณ์ ทองช่วง สว.สส.สน.ประเวศ พ.ต.ท.ธงชัย แก้วทา รอง สว.สส.สน.ประเวศ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ได้รับแจ้งว่าที่ห้อง 315 ไรเดอร์ รีสอร์ท เลขที่ 35/1 หมู่ 7 ซอยศรีนครินทร์ 49 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. มีการมั่วสุ่มเสพยา
จากการเข้าตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบชายคนหนึ่ง และพบของกลางเป็นยาไอซ์ บรรจุใส่ถุงพลาสติกวางอยู่ที่ข้างเตียง เมื่อตรวจค้นในกระเป๋าสะพายสีดำของชายคนดังกล่าวอยู่พบยาไอซ์อยู่ในถุงพลาสติกในกระเป๋า โดยยาไอซ์ทั้งหมด 4 ถุง 19 กรัม และอุปกรณ์ในการเสพ ซึ่งทางผู้เสพมีอาการเบลอ ทราบชื่อต่อมาคือ พ.ต.อ.จักรกฤช เอี่ยมแจ้งพันธุ์ รอง ผบก.ส่งกำลังบำรุง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ อดีต รอง ผบก.ป. อายุ 48 ปี บ้านเลขที่40/768 แยกที่ 1 แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. ทั้งนี้ พ.ต.อ.จักรกฤช เป็นบุตรชาย พล.ต.อ.จำลอง เอี่ยมแจ้งพันธุ์ อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจและรมช.สาธารณสุข ในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ขณะเดียวกันเมื่อปลายปี 2553 ร.ต.อ.ภูวสิษฏ์ เอี่ยมแจ้งพันธุ์ รองสว. สังกัดกองบัญชาการตำรวจสันติบาล บุตรชายคนเล็กของ พล.ต.อ.จำลอง ก็ถูกจับกุมในข้อหาครอบครองยาไอซ์ แต่ต่อมาสู้คดีจนพ้นผิด และได้เปลี่ยนชื่อก่อนกลับเข้ารับราชการอีกครั้ง ปัจจุบันย้ายมาสังกัด กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาไปตรวจหาสารเสพติดที่ รพ.สิรินธร พบว่ามีสารเมทเอ็มตามิน ซึ่งเป็นสารเสพติดในร่างกาย จึงได้ควบคุมตัวส่งพนังงานสอบสวน จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่าเสพยาจริง แต่ของกลางที่พบนั้นไม่ใช่ของตน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่โดยแจ้งข้อหามียาเสพติดประเภท1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายและเสพยาเสพติดประเภท 1 (ยาไอซ์) หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งศาลจังหวัดพระโขนง โดยค้านการประกันตัว.