กระทรวงพลังงานส่งสัญญาณหากราคาแอลพีจีตลาดโลกลดแต่การปรับลดราคาขายปลีกในไทยอาจคงที่ระดับ 24.16 บาทต่อกก.ในช่วงแรกเหตุรัฐต้องสะสมเงินเพื่อรับมือช่วงราคาขาขึ้น รับประเดิมลอยตัว 2 ก.พ.นี้ตลาดโลกลดแต่รีดเงินเข้า 0.80 บาทต่อกก. ยันยังดูแลกลุ่มผู้มีรายได้น้อยเช่นเดิม
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันที่ 2 ก.พ. นี้จะเริ่มใช้นโยบายการลอยตัวราคาแอลพีจีซึ่งหากดูจากภาวะราคาแอลพีจีตลาดโลกที่ลดลงและอยู่ในภาวะทรงตัวจึงมีแนวโน้มว่าราคาแอลพีจีขายปลีกในไทยที่ปัจจุบันอยู่ระดับ 24.16 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) จะมีโอกาสทรงตัวในระดับดังกล่าวไปถึงเดือนมีนาคม-เมษายนเนื่องจากระยะแรกคาดว่ารัฐจะต้องใช้แนวทางการเก็บเงินสะมสมเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่แยกบัญชีออกมาเป็นแอลพีจีโดยเฉพาะเพื่อไว้รับมือแอลพีจีตลาดโลกขาขึ้น
“ แอลพีจีราคาโลกลดลงเล็กน้อยหากน้ำมันโลกเฉลี่ย 40-50 เหรียญฯต่อบาร์เรลก็เชื่อว่าแอลพีจีน่าจะไต่ระดับเช่นนี้อย่างต่ำถึงมี.ค.-เม.ย. ซึ่งคงจะต้องติดตามภาวะราคาแอลพีจีตลาดโลกอย่างใกล้ชิดอีกครั้งเพราะไม่มีใครคาดเดาอะไรได้แอลพีจีเองก็เคยขึ้นมาแล้วถึง1,000เหรียญฯต่อตัน
สำหรับราคาแอลพีจีที่รัฐประกาศลอยตัวที่จะเริ่มนำร่องในเดือนแรกคือวันที่ 2 ก.พ.นี้โดยการกำหนดราคาหน้าโรงแยกก๊าซที่ 488 เหรียญสหรัฐต่อตันแต่จากราคาแอลพีจีตลาดโลก(CP) มีการปรับลดลงอยู่ที่ระดับประมาณ 442 เหรียญฯต่อตันจึงทำให้มีเงินส่วนต่างจากราคาโลกที่ลดลง80 สตางค์ต่อกก. ไหลเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงโดยจะส่งผลให้เงินไหลเข้าประมาณเดือนละ 300 ล้านบาทหรือปีละประมาณ 3,600 ล้านบาท
นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กุมภาพันธ์2558 ที่จะถึงนี้นโยบายการลอยตัวแอลพีจีก็จะเริ่มมีผลแต่ราคาขายปลีกไม่มีการเปลี่ยนแปลงโดยกระทรวงพลังงานขอยืนยันว่า ประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่ถึง 90 หน่วย และกลุ่มหาบเร่ รถเข็นอาหาร ร้านอาหารแบบคูหาชั้นเดียว จะได้รับการดูแลให้ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้มครั้งนี้
“ กลุ่มครัวเรือนจะได้รับการช่วยเหลือไม่เกิน 18 กิโลกรัมต่อ 3เดือน และกลุ่มหาบเร่ รถเข็นอาหาร ร้านอาหารแบบคูหาชั้นเดียวจะได้รับการช่วยเหลือไม่เกิน 150 กิโลกรัมต่อเดือน หรือ 10 ถังต่อเดือน ส่วนขั้นตอนก็เหมือนเดิมยืนยันว่าไม่ได้ยาก”นายทวารัฐกล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า วันที่ 2 ก.พ. นี้จะเริ่มใช้นโยบายการลอยตัวราคาแอลพีจีซึ่งหากดูจากภาวะราคาแอลพีจีตลาดโลกที่ลดลงและอยู่ในภาวะทรงตัวจึงมีแนวโน้มว่าราคาแอลพีจีขายปลีกในไทยที่ปัจจุบันอยู่ระดับ 24.16 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) จะมีโอกาสทรงตัวในระดับดังกล่าวไปถึงเดือนมีนาคม-เมษายนเนื่องจากระยะแรกคาดว่ารัฐจะต้องใช้แนวทางการเก็บเงินสะมสมเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่แยกบัญชีออกมาเป็นแอลพีจีโดยเฉพาะเพื่อไว้รับมือแอลพีจีตลาดโลกขาขึ้น
“ แอลพีจีราคาโลกลดลงเล็กน้อยหากน้ำมันโลกเฉลี่ย 40-50 เหรียญฯต่อบาร์เรลก็เชื่อว่าแอลพีจีน่าจะไต่ระดับเช่นนี้อย่างต่ำถึงมี.ค.-เม.ย. ซึ่งคงจะต้องติดตามภาวะราคาแอลพีจีตลาดโลกอย่างใกล้ชิดอีกครั้งเพราะไม่มีใครคาดเดาอะไรได้แอลพีจีเองก็เคยขึ้นมาแล้วถึง1,000เหรียญฯต่อตัน
สำหรับราคาแอลพีจีที่รัฐประกาศลอยตัวที่จะเริ่มนำร่องในเดือนแรกคือวันที่ 2 ก.พ.นี้โดยการกำหนดราคาหน้าโรงแยกก๊าซที่ 488 เหรียญสหรัฐต่อตันแต่จากราคาแอลพีจีตลาดโลก(CP) มีการปรับลดลงอยู่ที่ระดับประมาณ 442 เหรียญฯต่อตันจึงทำให้มีเงินส่วนต่างจากราคาโลกที่ลดลง80 สตางค์ต่อกก. ไหลเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงโดยจะส่งผลให้เงินไหลเข้าประมาณเดือนละ 300 ล้านบาทหรือปีละประมาณ 3,600 ล้านบาท
นายทวารัฐ สูตะบุตร รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กุมภาพันธ์2558 ที่จะถึงนี้นโยบายการลอยตัวแอลพีจีก็จะเริ่มมีผลแต่ราคาขายปลีกไม่มีการเปลี่ยนแปลงโดยกระทรวงพลังงานขอยืนยันว่า ประชาชนกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่ถึง 90 หน่วย และกลุ่มหาบเร่ รถเข็นอาหาร ร้านอาหารแบบคูหาชั้นเดียว จะได้รับการดูแลให้ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากการปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้มครั้งนี้
“ กลุ่มครัวเรือนจะได้รับการช่วยเหลือไม่เกิน 18 กิโลกรัมต่อ 3เดือน และกลุ่มหาบเร่ รถเข็นอาหาร ร้านอาหารแบบคูหาชั้นเดียวจะได้รับการช่วยเหลือไม่เกิน 150 กิโลกรัมต่อเดือน หรือ 10 ถังต่อเดือน ส่วนขั้นตอนก็เหมือนเดิมยืนยันว่าไม่ได้ยาก”นายทวารัฐกล่าว