จากกรณีที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลการใช้งบประมาณพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) อดีตประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช จำนวน 67 ล้านบาท ต่อพระพรหมสุธี (เสนาะ ปญฺญาวชิโร) หรือ เจ้าคุณเสนาะ เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เจ้าคณะภาค 12 กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และผู้ที่เกี่ยวข้องนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 7 ม.ค. นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เปิดเผยว่า ทางสตง.ได้ส่งหนังสือรายงานถึงความผิดปกติของการใช้งบ 67 ล้านบาท ถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แล้ว อย่างไรก็ดี ทราบว่า พศ. ได้นำหนังสือดังกล่าวถวายแด่ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชแล้ว และในวันที่ 8 ม.ค. จะมีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) จึงขอให้นำเข้าสู่การประชุม มส.พิจารณาด้วย เนื่องจากเป็นเรื่องของการปกครองคณะสงฆ์ ที่ไม่เหมือนฆราวาสทั่วไป
นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า สิ่งที่ สตง.ได้กราบถวายรายงานต่อผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช คือ เรื่องของโต๊ะหมู่บูชา ซึ่งพบว่า มีเจ้าภาพเป็นผู้อุปถัมภ์ทั้งหมดโดยไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวน 11 ล้านบาท ดังนั้น จึงจะขอให้เจ้าอาวาสดำเนินการส่งเงินงบประมาณแผ่นดินคืน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบงบประมาณ ยังพบเงินที่เหลือจ่ายของวัดอีกกว่า 10 ล้านบาท ไม่ได้มีการเบิกจ่าย ก็อาจจะต้องคืนมาให้แก่รัฐบาลด้วยเช่นกัน และยังพบอีก 2 รายการ ที่มีรายงานเบื้องต้นว่า ทางวัดจะมีการเบิกค่าจ้างทำปกประวัติสมเด็จเกี่ยว และปกหนังสือพระไตรปิฎก หากมีการเบิก ก็ต้องมีตรวจพิสูจน์ว่ามีการใช้จ่ายจริงหรือไม่ด้วย
“ตามหลักการของเงินอุดหนุนหากใช้ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ ก็ควรจะคืนให้แก่รัฐบาลมาใช้ในกิจการที่มีความจำเป็น ทั้งนี้ กระบวนการตรวจสอบจากนี้ เป็นไปเพื่อความชัดเจน สตง.ขอความร่วมมือกับทางวัด และเจ้าอาวาสแสดงบัญชีทุกบัญชีที่มีอยู่ รวมถึงบัญชีเงินบริจาคงานศพให้สตง.ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ไม่ได้ทำใบสำคัญการรับเงินจากบัญชีอื่นมาเบิกจากบัญชีนี้ เพื่อป้องกันปัญหาความซ้ำซ้อนของการใช้เงิน และเพื่อความโปร่งใสด้วย อย่างไรก็ตาม การคืนเงินที่เหลือจ่ายให้แก่รัฐบาลเป็นสิ่งที่ดี แต่ปัญหาจะอยู่ตรงที่หากมีการเบิกจ่ายไปแล้ว มีการตรวจสอบพบว่า ทำไม่ถูกต้อง ผิดวัตถุประสงค์ตามที่ขออุดหนุนจากรัฐบาล ก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย ” ผู้ว่าการสตง. กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการหาทางออกให้แก่เจ้าคุณเสนาะ ด้วยการคืนเงิน จะทำได้หรือไม่ นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า ทางออกใดที่ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเงินหลวง เป็นการบรรเทา ก็จะเป็นการดีกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะเงินหลวง ก็ต้องใช้ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ หากไม่ใช้ ก็ต้องคืน ส่วนเงินบริจาคของพุทธศาสนิกชนที่ให้ใช้กับงานศพจริงๆ ก็จะได้ใช้ตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค หากมีการผิดพลาดในการเบิกจ่าย ก็ต้องดูที่เจตนา ซึ่งการดำเนินคดีนั้น คงต้องดูว่า อะไรที่เป็นความผิดสำเร็จ โดยขณะนี้สตง. คงต้องตรวจทุกบัญชีของวัด และรวบรวมข้อมูลเพื่อสรุปผลเกี่ยวกับการใช้เงินงบประมาณดังกล่าว เมื่อผลออกมาเช่นไรคงต้องว่ากันอย่างตรงไปตรงมา
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 7 ม.ค. นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เปิดเผยว่า ทางสตง.ได้ส่งหนังสือรายงานถึงความผิดปกติของการใช้งบ 67 ล้านบาท ถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แล้ว อย่างไรก็ดี ทราบว่า พศ. ได้นำหนังสือดังกล่าวถวายแด่ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชแล้ว และในวันที่ 8 ม.ค. จะมีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) จึงขอให้นำเข้าสู่การประชุม มส.พิจารณาด้วย เนื่องจากเป็นเรื่องของการปกครองคณะสงฆ์ ที่ไม่เหมือนฆราวาสทั่วไป
นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า สิ่งที่ สตง.ได้กราบถวายรายงานต่อผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช คือ เรื่องของโต๊ะหมู่บูชา ซึ่งพบว่า มีเจ้าภาพเป็นผู้อุปถัมภ์ทั้งหมดโดยไม่ได้ใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวน 11 ล้านบาท ดังนั้น จึงจะขอให้เจ้าอาวาสดำเนินการส่งเงินงบประมาณแผ่นดินคืน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบงบประมาณ ยังพบเงินที่เหลือจ่ายของวัดอีกกว่า 10 ล้านบาท ไม่ได้มีการเบิกจ่าย ก็อาจจะต้องคืนมาให้แก่รัฐบาลด้วยเช่นกัน และยังพบอีก 2 รายการ ที่มีรายงานเบื้องต้นว่า ทางวัดจะมีการเบิกค่าจ้างทำปกประวัติสมเด็จเกี่ยว และปกหนังสือพระไตรปิฎก หากมีการเบิก ก็ต้องมีตรวจพิสูจน์ว่ามีการใช้จ่ายจริงหรือไม่ด้วย
“ตามหลักการของเงินอุดหนุนหากใช้ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ ก็ควรจะคืนให้แก่รัฐบาลมาใช้ในกิจการที่มีความจำเป็น ทั้งนี้ กระบวนการตรวจสอบจากนี้ เป็นไปเพื่อความชัดเจน สตง.ขอความร่วมมือกับทางวัด และเจ้าอาวาสแสดงบัญชีทุกบัญชีที่มีอยู่ รวมถึงบัญชีเงินบริจาคงานศพให้สตง.ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ไม่ได้ทำใบสำคัญการรับเงินจากบัญชีอื่นมาเบิกจากบัญชีนี้ เพื่อป้องกันปัญหาความซ้ำซ้อนของการใช้เงิน และเพื่อความโปร่งใสด้วย อย่างไรก็ตาม การคืนเงินที่เหลือจ่ายให้แก่รัฐบาลเป็นสิ่งที่ดี แต่ปัญหาจะอยู่ตรงที่หากมีการเบิกจ่ายไปแล้ว มีการตรวจสอบพบว่า ทำไม่ถูกต้อง ผิดวัตถุประสงค์ตามที่ขออุดหนุนจากรัฐบาล ก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย ” ผู้ว่าการสตง. กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการหาทางออกให้แก่เจ้าคุณเสนาะ ด้วยการคืนเงิน จะทำได้หรือไม่ นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า ทางออกใดที่ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเงินหลวง เป็นการบรรเทา ก็จะเป็นการดีกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะเงินหลวง ก็ต้องใช้ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ หากไม่ใช้ ก็ต้องคืน ส่วนเงินบริจาคของพุทธศาสนิกชนที่ให้ใช้กับงานศพจริงๆ ก็จะได้ใช้ตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค หากมีการผิดพลาดในการเบิกจ่าย ก็ต้องดูที่เจตนา ซึ่งการดำเนินคดีนั้น คงต้องดูว่า อะไรที่เป็นความผิดสำเร็จ โดยขณะนี้สตง. คงต้องตรวจทุกบัญชีของวัด และรวบรวมข้อมูลเพื่อสรุปผลเกี่ยวกับการใช้เงินงบประมาณดังกล่าว เมื่อผลออกมาเช่นไรคงต้องว่ากันอย่างตรงไปตรงมา