ASTVผู้จัดการรายวัน - “ประยุทธ์”ลั่นอยู่แค่ไหนแค่นั้น ไม่เปลี่ยนแปลงโรดแม็ปตัวเอง ขอบคุณ“ป๋าเปรม”เชียร์อยู่ยาว ยันไม่เหลิง เชื่อกมธ.ยกร่างรธน.คงไม่โง่ เขียนเปิดทางให้ใครก็ได้เป็นนายกฯ ฮากลิ้ง บอกปีใหม่อยู่เคาท์ดาวน์บนเตียง ย้ำปฎิรูปทำปีเดียวไม่จบ สั่งฝ่ายยุติธรรม แจงคดีการเมืองไหนเข้าข่าย “นิรโทษกรรม” ด้าน “วรชัย” เย้ย “ป๋าเปรม-บิ๊กตู่” สร้างภาพสยบข่าวลือปฏิวัติซ้อน สวนดุสิตโพล ระบุ ประชาชนมีความสุขมากที่สุดในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว "บิ๊กตู่"เป็นนักการเมืองแห่งปี
เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมครม.ถึงกรณีที่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ส่งสัญญาณให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่ยาว ไม่มีวันเกษียณว่า ท่านพูดอย่างนั้นเหรอ ถ้าพูดกับนักข่าวอย่างนั้นก็พูดไป ไม่ได้พูดกับตน ก็ต้องขอบคุณ
“แต่ผมอยู่เท่าที่ผมอยู่ได้ ผมไม่ไปเปลี่ยนแปลงโรดแม็ปของผมอยู่แล้ว ขอบคุณ พณฯ องคมนตรี ซึ่งท่านก็หวังดีต่อประเทศอยู่แล้ว ขอสื่ออย่าไปเขียนให้เป็นปัญหาไปอีก อย่าไปเขียนว่าผมอยากอยู่ต่อ หรือทำอะไรอีก ไม่มี อยู่แค่ไหนก็แค่นั้น” นายกฯกล่าว
เมื่อถามต่อว่า ถ้าอยู่ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ไม่อยู่ ไม่มีถ้าอะไรทั้งนั้น ตนมองแต่เพียงว่าบ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนพึงพอใจวันนี้ วันหน้ากลับไปบ้านอย่างมีความสุข วางอนาคตไว้ให้พวกท่าน แล้วพวกท่านไปเปิดศึกกันใหม่ก็ว่ากันมา แต่ตนไม่เอาด้วย
เมื่อถามว่า ถ้ารัฐธรรมนูญเปิดช่องให้นายกฯมาจากคนนอกได้ จะมาหรือไม่ นายกฯ ย้อนว่า เขาเขียนให้มาตอนไหน ผมคิดว่า เขาคงไม่โง่ที่จะให้นายกฯมาอย่างไงก็ได้ แต่เท่าที่ฟังเป็นลักษณะคือ นายกฯคนนอกมาเมื่อมีเหตุการณ์ทางการเมือง ซึ่งกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญชี้แจงว่า ที่ผ่านมานายกฯไม่มีอำนาจเต็ม ไม่มีนายกฯก็ต้องหานายกฯมา ถ้าเอาส.ส.มาก็แก้ไขปัญหาไม่ได้ อย่าไปมองว่า เขาเตรียมเพื่อให้ตนหรือมา เขาจึงระบุว่า มาได้กรณีที่มีเหตุติดขัด กรณีที่นายกฯมาจากการเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจึงแก้ปัญหาตรงนี้
“ถ้าทุกคนบริสุทธิ์ใจ อย่างที่ผมบริสุทธ์ใจ ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ถ้าคนดีมันก็ต้องดี ถ้าคนดีก็ต้องเลือกตั้ง ถ้าคนบริสุทธิ์ใจนะ แผ่นดินนี้ผมว่าศักดิ์สิทธิ์นะ เชื่อผมสิ เป็นแผ่นดินที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะฉะนั้นใครที่ไม่จริงใจ ใครที่ทำร้ายประชาชน ใครที่ไม่ซื่อสัตย์ สุจริต ผมว่า ผมมีอันเป็นไปกันหมด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่พล.อ.เปรมระบุว่า คนๆหนึ่งที่บอกทหารทำเป็นแต่ถือปืน หมายถึงใคร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีคนพูดอยู่แล้ว ผู้หลักผู้ใหญ่มั้ง ตนก็ไม่ได้ฟัง อย่าไปสนใจเลย เขาว่าตนทำอะไรไม่เป็น แล้วสื่อว่าตนทำอะไรเป็นไหม ถ้าคิดว่าทำไม่เป็นก็ตามใจท่าน
เมื่อถามว่า พล.อ.เปรมชมการทำงาน ทำให้สบายใจขึ้นหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า สบายใจที่อย่างน้อยท่านก็เข้าใจตน เป็นเกียรติ ท่านเป็นคนละ ท่านไม่ใช่คนธรรมดา ท่านเป็นประธานองคมนตรี เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เป็นนายกฯหลายสมัย เพราะฉะนั้นคนระดับท่านมาชื่นชมเราก็ภูมิใจ แต่ไม่ใช่ว่าจะเหลิง ตนจะบอกให้ว่า ที่ตนยืนอยู่ทุกวันนี้ได้ คือการที่คนชมเรา แล้วเราดึงตัวเราเองไว้ อย่าลอย สำหรับตนมองไปข้างหน้าว่า จะเกิดอะไรขึ้น เผชิญกับอะไรไหม และการบริหารราชการแผ่นดินจะต้องมีเรื่องราวอะไรมาอีกหรือไม่ แต่ตรงนี้จะเป็นกำลังให้ตนเท่านั้นเอง จะให้ตนไปทำอะไรเลอะเทอะเปอะเปื้อน ตนไม่ทำ ตนทำไม่ได้ ตนทำอยู่ในกรอบกติกา ใช้กฎหมายเป็นหลัก ใช้อำนาจเท่าที่จำเป็น แล้วก็นึกถึงคนจนให้มากๆ อย่าไปพ่ายแพ้ต่ออำนาจต่างๆ ทุกคนรู้ดีว่าเข้าหาตนเรื่องนี้ไม่ได้อยู่แล้ว ทั้งการทุจริต ผิดกฎหมายต่างๆ เพราะตนประกาศออยู่ตลอดเวลา วันนี้กำชับทุกกระทรวง ทบวง กรม ดูลูกน้องด้วย เกี่ยวกับการใช้งบประมาณ ถ้าพบกระทำความผิดก็ต้องตรวจสอบ และลงโทษทันที เพราะไม่เช่นนั้นกระแสตีกลับมาที่ตน อย่างนั้นไม่ได้
***บิ๊กตู่ เคาท์ดาวน์ปีใหม่บนเตียง
เมื่อถามว่า นายกฯไปเคาท์ดาวท์ที่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เคาว์ดาวน์บนเตียง เคาวน์ดาวน์ทุกวัน” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายกฯพูดจบ นักข่าวต่างพากันตกใจและหัวเราะ นายกฯ เลยรีบบอกว่า อ้าวเที่ยงคืนก็ต้องนอนบนเตียง ก็ต้องนอนสิ จะบ้าปล่าว อะไรว๊ะไอ้นี้ ฉันผู้ใหญ่แล้ว ฉันไปคิดอย่างนั้นไม่ได้ อายุ 60 ปีแล้ว พอแล้ว เคาว์ดาวน์ทุกวันอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่ปีใหม่ มันก็ต้องถอยหลังทุกคน ทุกวัน อายุเราก็มากขึ้น ชีวิตมันก็สั้นลง เวลาทำความดีก็สั้นลง เวลาโกรธคนก็น้อยลง ตนก็พยายามไม่โกรธใคร รักคนมากๆขึ้น มันจะได้มีเวลาเหลือรักคนเยอะๆ ไม่อย่างนั้นจะโมโห ปวดหัว ปวดหู ไม่สบาย เพราะโมโหคนนี้แหละ ความทุกข์ก็อยู่ที่เรา แต่คนที่เราโมโหไม่รู้เรื่อง เผาไหม้ใจเราทุกๆวัน ไปอ่านหนังสือมาอารมณ์เย็นขึ้นเยอะแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ไม่เห็นจะต้องไปเคาดาวน์ที่ไหนเลย ก็นอนอยู่บ้าน ไม่เคยไปไหนนานหลายปีแล้ว ตนอยู่ฝ่ายความมั่นคง เป็น ผบ.ทบ.ก็ไม่ได้ไปไหน อยู่ กทม.รอแสตนบายด์เอาไว้ มีเรื่องอะไรก็ออกมาดูแลประชาชน ส่วนภริยาก็คงไม่ได้ไปไหนเช่นกัน ขอให้ทุกคนมีความสุขไปเที่ยวอย่างปลอดภัย กินเหล้าอย่าขับรถยนต์ ขับจักรยานยนต์ ให้สามีรักมากๆ ขึ้น ใครยังไม่มีสามีก็ขอให้ได้ในวันปีใหม่ อย่าให้เขาหลอก ผู้ชายเดี๋ยวนี้ก็ไม่เบา แต่ไม่รู้ว่าใครจะหลอกใคร ระวังตัวนะจ๊ะ
เมื่อถามว่า พอใจกับการแก้ไขปัญหาของประเทศที่ผ่านมาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทำงานได้แค่ 3 เดือนเอง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์คงได้แค่ 30เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
เมื่อถามว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่มีเป็นห่วงอะไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ห่วง เพราะเจ้าหน้าที่จะต้องเต็มที่ ประชาชนให้ความร่วมมือและใครที่คิดจะทำก็ขอให้คนทั้งประเทศเอาไปประณามลงโทษสถานหนัก เมื่อถามว่า มีอะไรที่จะดำเนินการอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ไม่มี ในที่ประชุมครม.ก็บอกให้ทุกคนไปพักผ่อนตามสมควรของแต่ละท่าน แต่ถ้ามีอะไรขึ้นมา ต้องพร้อมที่จะมาคุยแก้ปัญหาทุกกระทรวง ทบวง กรม เพราะเราเป็นข้าราชการ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการฝ่ายการเมือง หรือประจำ ถือเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นผู้ที่ดูแลต่างพระเนตรพระกรรณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการใช้อำนาจต้องดูแลประชาชนให้ปลอดภัย ตัวตนเองก็ไม่เคยไปเที่ยวไหน ตั้งแต่รับราชการ 38 ปี จำได้ว่าไม่เคยลาไปไหน ป่วยหนักๆก็ไม่เคย หวังจะเก็บวันฮอลิเดย์หรือวันพักร้อนไว้ ปีละ 10 วัน นี้ก็ได้ 300 กว่าวันแล้ว ก็ไม่รู้จะไปลาใครได้อีก
*** “ประยุทธ์” ย้ำปฎิรูปทำปีเดียวไม่จบ
เมื่อเวลา 13.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงสิ่งที่จะเข้ามาดำเนินการในเรื่องปฏิรูปประเทศคิดว่าในอนาคตจะสามารถแก้ไขปัญหาสีเสื้อได้หรือไม่ว่า เรื่องนี้จะต้องแยกออกจากกัน เพราะการแบ่งสีเสื้อว่าการแบ่งประชาชนจะแบ่งโดยอะไร งานการเมืองและการเข้าสู่ระบบประชาธิปไตยก็คือเสียงของประชาชน เมื่อประชาชนเป็นเจ้าของเสียงในการเลือกตั้ง ก็จะมีกลุ่มคนที่ถูกเลือกเข้ามา ซึ่งก็มีหลายพวกหลายฝ่ายบางประเทศมี 2 พรรค บางประเทศมี 3 พรรค แต่เรามีหลายพรรค มากบ้างน้อยบ้าง พรรคไหนใหญ่ก็มีคนสนับสนุนเยอะ ตรงนี้จะแก้ด้วยเสียงส่วนใหญ่ไม่ได้ เพราะเราจะต้องคำนึงเสียงส่วนน้อยด้วย อย่าไปหาวิธีการบีบเสียงส่วนน้อยให้เขาเลือกให้เขาแพ้มันเป็นไปไม่ได้จะมีคนที่ไม่พอใจ เพราะการเมืองมีความผูกพันกับประชาชน ซึ่งจะต้องดูทั้ง 3 อย่าง 1.พื้นฐานของประชาชนทำอย่างไรถึงจะเรียนรู้ 2.กฎระเบียบ กฎหมาย รัฐธรรมนูญจะต้องเขียนให้มีทางออก 3.พรรคการเมืองที่เข้ามาจะเป็นใครก็จะต้องย้อนไปดูว่าใครจะเข้ามา มีคนใหม่เท่าไหร่ คนเก่ามีบ้างหรือไม่จะต้องไปหาดู แต่จะให้ใช้วิธีป้องกันคนนั้นคนนี้มันยากถ้าไม่ใช้กฎหมาย ถ้าไม่มีความผิดก็กั้นยาก เขาจะกลับเข้ามาใหม่แล้วทำหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ วันนี้เราจะต้องทำเพื่อไม่ให้เกิดแบบนั้นขึ้นมาอีก
“สื่อจะต้องช่วยผมในการอธิบายว่ากลับมาอย่างนี้ไม่ได้แล้ว ที่ว่าผมเผด็จการ ต้องไปดูทั้ง 2 อย่าง ทั้งเผด็จการรัฐประหาร และ เผด็จการรัฐสภา มันมีหรือไม่ มีคำกล่าวมีตำราเขียนอยู่ ถ้าสภาทั้งสองสภา หรือกี่สภามีความเห็นอย่างเดียวกันหมดจะรับรองได้หรือไม่ว่าใช่หรือไม่ ถูกหรือไม่ถูก อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดก็ได้ ฉะนั้นจะทำอย่างไรให้มีกลไกลที่ถ่วงดุลกันทั้งระหว่าง ส.ส. และ ส.ว. ก็ต้องไปหามาว่าทำอย่างไรให้เกิดขบวนการปฏิรูปโดยที่ไม่ต้องใช้อำนาจที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยให้เขายอมรับการปฏิรูป ซึ่งการปฏิรูปไม่ใช่ทำปีเดียวแล้วจบ ผมเคยเล่าหลายครั้งแล้วว่าประธานาธิบดีจีนบอกว่าทำมา 30 ปียังไม่จบมีเรื่องที่ต้องทำอีกกว่า 300 เรื่อง วันนี้แค่เริ่มต้นการปฏิรูปเท่านั้น ซึ่งรัฐบาลหรือ คสช.ทำให้เกิดการปฏิรูปอย่างแท้จริง มีการถกแถลงหลายฝ่าย มีการตั้งเรื่อง 11 เรื่อง มีใครทำบ้าง ตอนนี้เราทำให้ทุกอย่างต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน วางระยะเวลากี่ปี รัฐบาลต่อไปจะต้องทำอะไร ตรงนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเวลานี้ ฉะนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับการยอมรับหรือจะสำเร็จทุกอย่าง แต่อย่างน้อยก็ยังได้เริ่มต้น หรือทำต่อไปอีก 30 ปี ก็ได้เพราะไม่ได้มีแค่ 11 เรื่อง รวมถึงคนที่จะมาร่วมกระบวนการเหล่านี้ได้รับการยอมรับหรือไม่ ซึ่งของเราไม่ค่อยยอมรับ เพราะไม่ค่อยใช้การบังคับกฎหมายทำอะไรก็ได้ อิสระเสรีตามวิสัยคนไทย แต่ต่างประเทศเขาทำไม่ได้ เขาจึงทำได้ เราเป็นอย่างเขาก็ลำบาก อะไรก็ไม่ได้สักอย่าง แต่จะให้เป็นอย่างนี้อย่างนั้นมันก็ไม่ได้ ประเทศเรามีความสุข เวลาผมไปต่างประเทศ คิดถึงประเทศไทยทุกที กลับมาก็สดชื่นสวยงามรื่นเริง แต่ทำไมจะต้องทะเลาะกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนเด็ก ๆ คิดหรือไม่ว่าจะมายืนในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เคยคิด แม้แต่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกก็ไม่เคย เพราะตอนนั้นที่เรียนจบนายร้อยมาทุกคนหวังว่าได้เป็นนายพลก็ดีแล้ว ก็ต้องทำงานเรื่อย ๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนเด็ก ๆ คิดหรือไม่ว่าจะมายืนในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เคยคิด แม้แต่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกก็ไม่เคย
*** “วรชัย” เย้ย “ป๋าเปรม-บิ๊กตู่” สร้างภาพ
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้ายเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำคณะรัฐมนตรี และผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าอวยพรปีใหม่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ว่า ตนมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังถอยหลังหนึ่งก้าว หลังจากโดนรุกมาตลอด เพราะจากการข่าวก่อนหน้านี้ว่า ฝ่ายคุมกำลังในบ้านเมืองเกิดความขัดแย้ง ทะเลาะกันเอง จนมีข่าวลือว่าจะเกิดการปฏิวัติซ้อน ประกอบกับสถานการณ์การเมืองโดยเฉพาะเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ ที่หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์จนส่อเค้าว่าจะเป็นปัญหา รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจ และปัญหาปากท้องที่ยังมีปัญหา เศรษฐกิจโตขึ้นไม่ถึง 1%
"ในสถานการณ์ที่เริ่มวิกฤติ ทำให้ฝ่ายคุมกำลังต้องจับมือกันให้แน่น เพื่อรักษาเสถียรภาพให้อยู่รอด สร้างภาพว่ายังเข้มแข็ง ไม่ได้แตกแยกอย่างที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ แต่สิ่งที่จะทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพอย่างมั่นคงที่สุด คือ การร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย เดินหน้าสู่การเลือกตั้งตามโรดแมป เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนและนานาประเทศ อย่าร่างรัฐธรรมนูญเพียงเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง" นายวรชัย กล่าว
ส่วนกรณีที่ พล.อ.เปรม กล่าวชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ ว่า การรัฐประหาร 22 พ.ค. เป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่ ตอบแทนบ้านเมืองนั้น นายวรชัย กล่าว่า "ป๋าเปรมก็ชมทุกคนที่อยู่ในเครือข่าย อยู่ในโอวาทป๋านั่นแหละ เหมือนตอนที่ป๋าชื่นชมว่าคนไทยโชคดี ตอนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นนายกฯ ส่วนใครออกนอกลู่นอกทาง ป๋าก็จะบอกว่า พอเถอะลูก หยุดเถอะลูก" นายวรชัย กล่าว
*** โพลยก"บิ๊กตู่"สุดยอดนักการเมือง
"สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชน กรณี “ที่สุดแห่งปี” ครอบคลุมทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ที่สะท้อนออกมาในด้านหน่วยงาน บุคคล ที่เกี่ยวพันกับชีวิตประจำวัน ตลอดปี 2557 โดยขั้นตอนแรกได้ทำการสำรวจเป็นคำถามปลายเปิดที่ให้แต่ละคนได้นำเสนอที่ตนเองชื่นชอบ จากนั้นจึงนำคำตอบที่ได้ที่มีคะแนนสูงสุด มาทำเป็นตัวเลือกให้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกอีกครั้งหนึ่ง และจะสรุปเป็นฐานข้อมูลซึ่งสะท้อนให้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ และความคาดหวังของคนไทย โดยในปี 2557 นี้ ได้สำรวจความคิดเห็นจากประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 6,318 คน ระหว่างวันที่ 10 – 29 ธ.ค.57 สรุปผลได้ดังนี้
1. เหตุการณ์ในประเทศไทยที่มี “ความสุข”มากที่สุด อันดับหนึ่ง ร้อยละ 43.20 ระบุ วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันดับสอง ร้อยละ 30.44 นักเตะทีมชาติไทย คว้าแชมป์ซูซูกิคัพ 2014 และอันดับ3 ร้อยละ26.36 วันหยุดตามเทศกาล เช่น ปีใหม่ สงกรานต์
ส่วนเหตุการณ์ที่"เศร้า"ที่สุด อันดับ 1 ร้อยละ 43.35 คือ สถานการณ์ทางการเมืองที่วุ่นวาย อันดับ 2 ร้อยละ 35.15 คดีน้องแก้มบนตู้นอนรถไฟ อันดับ 3 ร้อยละ 21.50 เหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้
2. นักร้องเพลงไทยสากล ชาย-หญิง ที่ “ชื่นชอบ”มากที่สุด โดยนักร้องเพลงไทยสากลชาย อันดับ1 ร้อยละ 54.33ยกให้ แสตมป์ อภิวัชร์ อันดับ 2 ร้อยละ 29.28 เบิร์ด ธงไชย อันดับ 3 ร้อยละ 16.39 สิงโต นำโชค
ส่วนนักร้องเพลงไทยสากลหญิง อันดับ 1 ร้อยละ 52.88 ดา เอ็นโดรฟิน อันดับ 2 ร้อยละ 30.05 นิว-จิ๋ว อันดับ 3 ร้อยละ 17.07 ฟิล์ม บงกช
3. นักร้องลูกทุ่งชาย-หญิง ที่ “ชื่นชอบ”มากที่สุด ฝ่ายชาย อันดับ 1 ร้อยละ 48.55 ไผ่ พงศธร อันดับ 2 ร้อยละ 27.17 ก๊อต จักรพรรณ์ อันดับ 3 ร้อยละ 24.28 บ่าววี
ส่วนนักร้องลูกท่งหญิง อันดับ 1 ร้อยละ 49.07หญิงลี อันดับ 2 ร้อยละ 30.84 ใบเตย อาร์สยาม อันดับ 3 ร้อยละ 20.09 จ๊ะ อาร์สยาม
4. ดาราชาย-หญิง ที่ “ชื่นชอบ”มากที่สุด โดย ดาราชาย อันดับ 1ร้อยละ 40.82 ติ๊ก เจษฎาภรณ์ อันดับ 2 ร้อยละ 32.28 ณเดชน์ คูกิมิยะ อันดับ 3 ร้อยละ 26.90 มาริโอ้ เมาเร่อ
ส่วนดาราหญิง อันดับ 1 ร้อยละ 57.06 อั้ม พัชราภา อันดับ 2 ร้อยละ 23.55 ชมพู่ อารยา อันดับ 3 ร้อยละ 19.39 พลอย เฌอมาลย์ 5. นักกีฬาชาย-หญิง ที่ “ชื่นชอบ”มากที่สุด ฝ่ายชาย อันดับ 1 ร้อยละ 54.43 ชาริล ชัปปุยส์ (ฟุตบอล) อันดับ 2 ร้อยละ 24.75 เมสซี่เจ ชนาธิป (ฟุตบอล) อันดับ 3 ร้อยละ 20.82 บัวขาว บัญชาเมฆ (นักมวย)
ส่วนนักกีฬาหญิง อันดับ 1 ร้อยละ 54.58 ปลื้มจิตร์ ถินขาว (วอลเลย์บอล) อันดับ 2 ร้อยละ 24.06 นุศรา ต้อมคำ (วอลเลย์บอล) อันดับ 3 ร้อยละ 21.36 อแมนด้า คาร์ (ปั่นจักรยาน)
6. นักการเมืองชาย-หญิง ที่ “ชื่นชอบ” มากที่สุด ฝ่ายชาย อันดับ 1 ร้อยละ 73.66 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อันดับ 2 ร้อยละ 13.94 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อันดับ 3 ร้อยละ 12.40 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นักการเมืองหญิง อันดับ 1 ร้อยละ 44.96 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อันดับ 2 ร้อยละ 33.40 ปวีณา หงสกุล อันดับ 3 ร้อยละ 21.64 ตั๊น จิตต์ภัสร์ ภิรมย์ภักดี
7. นักการศึกษา ที่ “ชื่นชอบ”มากที่สุด อันดับ 1 ร้อยละ 64.13 ท่าน ว. วชิรเมธี อันดับ 2 ร้อยละ 24.37 ดร.เสรี วงศ์มณฑา อันดับ 3 ร้อยละ 11.50 รศ.สุขุม นวลสกุล
8. ความหวังในปีหน้า 2558 อันดับ 1 ร้อยละ 56.07 ในหลวงทรงมีพลานามัยแข็งแรง อันดับ 2 ร้อยละ 22.63 เศรษฐกิจดีขึ้น ประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง อันดับ 3 ร้อยละ 21.30 คนไทยสามัคคีปรองดอง ประเทศชาติสงบสุข
9. “คำอธิษฐาน”ที่ตัวประชาชนเองอยากขอในวันปีใหม่ อันดับ 1 ร้อยละ 44.91 ขอให้การงานเจริญก้าวหน้า ร่ำรวย มีเงินมีทอง อันดับ 2 ร้อยละ 32.52 ขอให้ครอบครัวมีความสุขความเจริญ อันดับ 3 ร้อยละ 22.57 ขอให้บ้านเมืองสงบสุข เศรษฐกิจดี คนไทยรักและสามัคคีกัน
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่านโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ช่างสุขุม ลุ่มลึก และมองการณ์ไกล เป็นการคืนความสุขให้กับคนไทยทั้งชาติโดยแท้จริง ถือเป็นบุญคุณที่ประชาชนต้องตระหนัก และซาบซึ้งในวิสัยทัศน์ และการทำงานหนักของนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ท่านนี้
----
เมื่อเวลา 13.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมครม.ถึงกรณีที่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ส่งสัญญาณให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่ยาว ไม่มีวันเกษียณว่า ท่านพูดอย่างนั้นเหรอ ถ้าพูดกับนักข่าวอย่างนั้นก็พูดไป ไม่ได้พูดกับตน ก็ต้องขอบคุณ
“แต่ผมอยู่เท่าที่ผมอยู่ได้ ผมไม่ไปเปลี่ยนแปลงโรดแม็ปของผมอยู่แล้ว ขอบคุณ พณฯ องคมนตรี ซึ่งท่านก็หวังดีต่อประเทศอยู่แล้ว ขอสื่ออย่าไปเขียนให้เป็นปัญหาไปอีก อย่าไปเขียนว่าผมอยากอยู่ต่อ หรือทำอะไรอีก ไม่มี อยู่แค่ไหนก็แค่นั้น” นายกฯกล่าว
เมื่อถามต่อว่า ถ้าอยู่ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ไม่อยู่ ไม่มีถ้าอะไรทั้งนั้น ตนมองแต่เพียงว่าบ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนพึงพอใจวันนี้ วันหน้ากลับไปบ้านอย่างมีความสุข วางอนาคตไว้ให้พวกท่าน แล้วพวกท่านไปเปิดศึกกันใหม่ก็ว่ากันมา แต่ตนไม่เอาด้วย
เมื่อถามว่า ถ้ารัฐธรรมนูญเปิดช่องให้นายกฯมาจากคนนอกได้ จะมาหรือไม่ นายกฯ ย้อนว่า เขาเขียนให้มาตอนไหน ผมคิดว่า เขาคงไม่โง่ที่จะให้นายกฯมาอย่างไงก็ได้ แต่เท่าที่ฟังเป็นลักษณะคือ นายกฯคนนอกมาเมื่อมีเหตุการณ์ทางการเมือง ซึ่งกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญชี้แจงว่า ที่ผ่านมานายกฯไม่มีอำนาจเต็ม ไม่มีนายกฯก็ต้องหานายกฯมา ถ้าเอาส.ส.มาก็แก้ไขปัญหาไม่ได้ อย่าไปมองว่า เขาเตรียมเพื่อให้ตนหรือมา เขาจึงระบุว่า มาได้กรณีที่มีเหตุติดขัด กรณีที่นายกฯมาจากการเลือกตั้งปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจึงแก้ปัญหาตรงนี้
“ถ้าทุกคนบริสุทธิ์ใจ อย่างที่ผมบริสุทธ์ใจ ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ถ้าคนดีมันก็ต้องดี ถ้าคนดีก็ต้องเลือกตั้ง ถ้าคนบริสุทธิ์ใจนะ แผ่นดินนี้ผมว่าศักดิ์สิทธิ์นะ เชื่อผมสิ เป็นแผ่นดินที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะฉะนั้นใครที่ไม่จริงใจ ใครที่ทำร้ายประชาชน ใครที่ไม่ซื่อสัตย์ สุจริต ผมว่า ผมมีอันเป็นไปกันหมด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่พล.อ.เปรมระบุว่า คนๆหนึ่งที่บอกทหารทำเป็นแต่ถือปืน หมายถึงใคร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีคนพูดอยู่แล้ว ผู้หลักผู้ใหญ่มั้ง ตนก็ไม่ได้ฟัง อย่าไปสนใจเลย เขาว่าตนทำอะไรไม่เป็น แล้วสื่อว่าตนทำอะไรเป็นไหม ถ้าคิดว่าทำไม่เป็นก็ตามใจท่าน
เมื่อถามว่า พล.อ.เปรมชมการทำงาน ทำให้สบายใจขึ้นหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า สบายใจที่อย่างน้อยท่านก็เข้าใจตน เป็นเกียรติ ท่านเป็นคนละ ท่านไม่ใช่คนธรรมดา ท่านเป็นประธานองคมนตรี เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เป็นนายกฯหลายสมัย เพราะฉะนั้นคนระดับท่านมาชื่นชมเราก็ภูมิใจ แต่ไม่ใช่ว่าจะเหลิง ตนจะบอกให้ว่า ที่ตนยืนอยู่ทุกวันนี้ได้ คือการที่คนชมเรา แล้วเราดึงตัวเราเองไว้ อย่าลอย สำหรับตนมองไปข้างหน้าว่า จะเกิดอะไรขึ้น เผชิญกับอะไรไหม และการบริหารราชการแผ่นดินจะต้องมีเรื่องราวอะไรมาอีกหรือไม่ แต่ตรงนี้จะเป็นกำลังให้ตนเท่านั้นเอง จะให้ตนไปทำอะไรเลอะเทอะเปอะเปื้อน ตนไม่ทำ ตนทำไม่ได้ ตนทำอยู่ในกรอบกติกา ใช้กฎหมายเป็นหลัก ใช้อำนาจเท่าที่จำเป็น แล้วก็นึกถึงคนจนให้มากๆ อย่าไปพ่ายแพ้ต่ออำนาจต่างๆ ทุกคนรู้ดีว่าเข้าหาตนเรื่องนี้ไม่ได้อยู่แล้ว ทั้งการทุจริต ผิดกฎหมายต่างๆ เพราะตนประกาศออยู่ตลอดเวลา วันนี้กำชับทุกกระทรวง ทบวง กรม ดูลูกน้องด้วย เกี่ยวกับการใช้งบประมาณ ถ้าพบกระทำความผิดก็ต้องตรวจสอบ และลงโทษทันที เพราะไม่เช่นนั้นกระแสตีกลับมาที่ตน อย่างนั้นไม่ได้
***บิ๊กตู่ เคาท์ดาวน์ปีใหม่บนเตียง
เมื่อถามว่า นายกฯไปเคาท์ดาวท์ที่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เคาว์ดาวน์บนเตียง เคาวน์ดาวน์ทุกวัน” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายกฯพูดจบ นักข่าวต่างพากันตกใจและหัวเราะ นายกฯ เลยรีบบอกว่า อ้าวเที่ยงคืนก็ต้องนอนบนเตียง ก็ต้องนอนสิ จะบ้าปล่าว อะไรว๊ะไอ้นี้ ฉันผู้ใหญ่แล้ว ฉันไปคิดอย่างนั้นไม่ได้ อายุ 60 ปีแล้ว พอแล้ว เคาว์ดาวน์ทุกวันอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่ปีใหม่ มันก็ต้องถอยหลังทุกคน ทุกวัน อายุเราก็มากขึ้น ชีวิตมันก็สั้นลง เวลาทำความดีก็สั้นลง เวลาโกรธคนก็น้อยลง ตนก็พยายามไม่โกรธใคร รักคนมากๆขึ้น มันจะได้มีเวลาเหลือรักคนเยอะๆ ไม่อย่างนั้นจะโมโห ปวดหัว ปวดหู ไม่สบาย เพราะโมโหคนนี้แหละ ความทุกข์ก็อยู่ที่เรา แต่คนที่เราโมโหไม่รู้เรื่อง เผาไหม้ใจเราทุกๆวัน ไปอ่านหนังสือมาอารมณ์เย็นขึ้นเยอะแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ไม่เห็นจะต้องไปเคาดาวน์ที่ไหนเลย ก็นอนอยู่บ้าน ไม่เคยไปไหนนานหลายปีแล้ว ตนอยู่ฝ่ายความมั่นคง เป็น ผบ.ทบ.ก็ไม่ได้ไปไหน อยู่ กทม.รอแสตนบายด์เอาไว้ มีเรื่องอะไรก็ออกมาดูแลประชาชน ส่วนภริยาก็คงไม่ได้ไปไหนเช่นกัน ขอให้ทุกคนมีความสุขไปเที่ยวอย่างปลอดภัย กินเหล้าอย่าขับรถยนต์ ขับจักรยานยนต์ ให้สามีรักมากๆ ขึ้น ใครยังไม่มีสามีก็ขอให้ได้ในวันปีใหม่ อย่าให้เขาหลอก ผู้ชายเดี๋ยวนี้ก็ไม่เบา แต่ไม่รู้ว่าใครจะหลอกใคร ระวังตัวนะจ๊ะ
เมื่อถามว่า พอใจกับการแก้ไขปัญหาของประเทศที่ผ่านมาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทำงานได้แค่ 3 เดือนเอง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์คงได้แค่ 30เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
เมื่อถามว่า ช่วงเทศกาลปีใหม่มีเป็นห่วงอะไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ห่วง เพราะเจ้าหน้าที่จะต้องเต็มที่ ประชาชนให้ความร่วมมือและใครที่คิดจะทำก็ขอให้คนทั้งประเทศเอาไปประณามลงโทษสถานหนัก เมื่อถามว่า มีอะไรที่จะดำเนินการอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ไม่มี ในที่ประชุมครม.ก็บอกให้ทุกคนไปพักผ่อนตามสมควรของแต่ละท่าน แต่ถ้ามีอะไรขึ้นมา ต้องพร้อมที่จะมาคุยแก้ปัญหาทุกกระทรวง ทบวง กรม เพราะเราเป็นข้าราชการ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการฝ่ายการเมือง หรือประจำ ถือเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นผู้ที่ดูแลต่างพระเนตรพระกรรณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการใช้อำนาจต้องดูแลประชาชนให้ปลอดภัย ตัวตนเองก็ไม่เคยไปเที่ยวไหน ตั้งแต่รับราชการ 38 ปี จำได้ว่าไม่เคยลาไปไหน ป่วยหนักๆก็ไม่เคย หวังจะเก็บวันฮอลิเดย์หรือวันพักร้อนไว้ ปีละ 10 วัน นี้ก็ได้ 300 กว่าวันแล้ว ก็ไม่รู้จะไปลาใครได้อีก
*** “ประยุทธ์” ย้ำปฎิรูปทำปีเดียวไม่จบ
เมื่อเวลา 13.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงสิ่งที่จะเข้ามาดำเนินการในเรื่องปฏิรูปประเทศคิดว่าในอนาคตจะสามารถแก้ไขปัญหาสีเสื้อได้หรือไม่ว่า เรื่องนี้จะต้องแยกออกจากกัน เพราะการแบ่งสีเสื้อว่าการแบ่งประชาชนจะแบ่งโดยอะไร งานการเมืองและการเข้าสู่ระบบประชาธิปไตยก็คือเสียงของประชาชน เมื่อประชาชนเป็นเจ้าของเสียงในการเลือกตั้ง ก็จะมีกลุ่มคนที่ถูกเลือกเข้ามา ซึ่งก็มีหลายพวกหลายฝ่ายบางประเทศมี 2 พรรค บางประเทศมี 3 พรรค แต่เรามีหลายพรรค มากบ้างน้อยบ้าง พรรคไหนใหญ่ก็มีคนสนับสนุนเยอะ ตรงนี้จะแก้ด้วยเสียงส่วนใหญ่ไม่ได้ เพราะเราจะต้องคำนึงเสียงส่วนน้อยด้วย อย่าไปหาวิธีการบีบเสียงส่วนน้อยให้เขาเลือกให้เขาแพ้มันเป็นไปไม่ได้จะมีคนที่ไม่พอใจ เพราะการเมืองมีความผูกพันกับประชาชน ซึ่งจะต้องดูทั้ง 3 อย่าง 1.พื้นฐานของประชาชนทำอย่างไรถึงจะเรียนรู้ 2.กฎระเบียบ กฎหมาย รัฐธรรมนูญจะต้องเขียนให้มีทางออก 3.พรรคการเมืองที่เข้ามาจะเป็นใครก็จะต้องย้อนไปดูว่าใครจะเข้ามา มีคนใหม่เท่าไหร่ คนเก่ามีบ้างหรือไม่จะต้องไปหาดู แต่จะให้ใช้วิธีป้องกันคนนั้นคนนี้มันยากถ้าไม่ใช้กฎหมาย ถ้าไม่มีความผิดก็กั้นยาก เขาจะกลับเข้ามาใหม่แล้วทำหรือเปล่าเราก็ไม่รู้ วันนี้เราจะต้องทำเพื่อไม่ให้เกิดแบบนั้นขึ้นมาอีก
“สื่อจะต้องช่วยผมในการอธิบายว่ากลับมาอย่างนี้ไม่ได้แล้ว ที่ว่าผมเผด็จการ ต้องไปดูทั้ง 2 อย่าง ทั้งเผด็จการรัฐประหาร และ เผด็จการรัฐสภา มันมีหรือไม่ มีคำกล่าวมีตำราเขียนอยู่ ถ้าสภาทั้งสองสภา หรือกี่สภามีความเห็นอย่างเดียวกันหมดจะรับรองได้หรือไม่ว่าใช่หรือไม่ ถูกหรือไม่ถูก อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดก็ได้ ฉะนั้นจะทำอย่างไรให้มีกลไกลที่ถ่วงดุลกันทั้งระหว่าง ส.ส. และ ส.ว. ก็ต้องไปหามาว่าทำอย่างไรให้เกิดขบวนการปฏิรูปโดยที่ไม่ต้องใช้อำนาจที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยให้เขายอมรับการปฏิรูป ซึ่งการปฏิรูปไม่ใช่ทำปีเดียวแล้วจบ ผมเคยเล่าหลายครั้งแล้วว่าประธานาธิบดีจีนบอกว่าทำมา 30 ปียังไม่จบมีเรื่องที่ต้องทำอีกกว่า 300 เรื่อง วันนี้แค่เริ่มต้นการปฏิรูปเท่านั้น ซึ่งรัฐบาลหรือ คสช.ทำให้เกิดการปฏิรูปอย่างแท้จริง มีการถกแถลงหลายฝ่าย มีการตั้งเรื่อง 11 เรื่อง มีใครทำบ้าง ตอนนี้เราทำให้ทุกอย่างต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน วางระยะเวลากี่ปี รัฐบาลต่อไปจะต้องทำอะไร ตรงนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเวลานี้ ฉะนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับการยอมรับหรือจะสำเร็จทุกอย่าง แต่อย่างน้อยก็ยังได้เริ่มต้น หรือทำต่อไปอีก 30 ปี ก็ได้เพราะไม่ได้มีแค่ 11 เรื่อง รวมถึงคนที่จะมาร่วมกระบวนการเหล่านี้ได้รับการยอมรับหรือไม่ ซึ่งของเราไม่ค่อยยอมรับ เพราะไม่ค่อยใช้การบังคับกฎหมายทำอะไรก็ได้ อิสระเสรีตามวิสัยคนไทย แต่ต่างประเทศเขาทำไม่ได้ เขาจึงทำได้ เราเป็นอย่างเขาก็ลำบาก อะไรก็ไม่ได้สักอย่าง แต่จะให้เป็นอย่างนี้อย่างนั้นมันก็ไม่ได้ ประเทศเรามีความสุข เวลาผมไปต่างประเทศ คิดถึงประเทศไทยทุกที กลับมาก็สดชื่นสวยงามรื่นเริง แต่ทำไมจะต้องทะเลาะกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนเด็ก ๆ คิดหรือไม่ว่าจะมายืนในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เคยคิด แม้แต่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกก็ไม่เคย เพราะตอนนั้นที่เรียนจบนายร้อยมาทุกคนหวังว่าได้เป็นนายพลก็ดีแล้ว ก็ต้องทำงานเรื่อย ๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนเด็ก ๆ คิดหรือไม่ว่าจะมายืนในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่เคยคิด แม้แต่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกก็ไม่เคย
*** “วรชัย” เย้ย “ป๋าเปรม-บิ๊กตู่” สร้างภาพ
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้ายเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำคณะรัฐมนตรี และผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าอวยพรปีใหม่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ว่า ตนมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ กำลังถอยหลังหนึ่งก้าว หลังจากโดนรุกมาตลอด เพราะจากการข่าวก่อนหน้านี้ว่า ฝ่ายคุมกำลังในบ้านเมืองเกิดความขัดแย้ง ทะเลาะกันเอง จนมีข่าวลือว่าจะเกิดการปฏิวัติซ้อน ประกอบกับสถานการณ์การเมืองโดยเฉพาะเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ ที่หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์จนส่อเค้าว่าจะเป็นปัญหา รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจ และปัญหาปากท้องที่ยังมีปัญหา เศรษฐกิจโตขึ้นไม่ถึง 1%
"ในสถานการณ์ที่เริ่มวิกฤติ ทำให้ฝ่ายคุมกำลังต้องจับมือกันให้แน่น เพื่อรักษาเสถียรภาพให้อยู่รอด สร้างภาพว่ายังเข้มแข็ง ไม่ได้แตกแยกอย่างที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ แต่สิ่งที่จะทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพอย่างมั่นคงที่สุด คือ การร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย เดินหน้าสู่การเลือกตั้งตามโรดแมป เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนและนานาประเทศ อย่าร่างรัฐธรรมนูญเพียงเพื่อประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง" นายวรชัย กล่าว
ส่วนกรณีที่ พล.อ.เปรม กล่าวชื่นชม พล.อ.ประยุทธ์ ว่า การรัฐประหาร 22 พ.ค. เป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่ ตอบแทนบ้านเมืองนั้น นายวรชัย กล่าว่า "ป๋าเปรมก็ชมทุกคนที่อยู่ในเครือข่าย อยู่ในโอวาทป๋านั่นแหละ เหมือนตอนที่ป๋าชื่นชมว่าคนไทยโชคดี ตอนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นนายกฯ ส่วนใครออกนอกลู่นอกทาง ป๋าก็จะบอกว่า พอเถอะลูก หยุดเถอะลูก" นายวรชัย กล่าว
*** โพลยก"บิ๊กตู่"สุดยอดนักการเมือง
"สวนดุสิตโพล" มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชน กรณี “ที่สุดแห่งปี” ครอบคลุมทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ที่สะท้อนออกมาในด้านหน่วยงาน บุคคล ที่เกี่ยวพันกับชีวิตประจำวัน ตลอดปี 2557 โดยขั้นตอนแรกได้ทำการสำรวจเป็นคำถามปลายเปิดที่ให้แต่ละคนได้นำเสนอที่ตนเองชื่นชอบ จากนั้นจึงนำคำตอบที่ได้ที่มีคะแนนสูงสุด มาทำเป็นตัวเลือกให้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกอีกครั้งหนึ่ง และจะสรุปเป็นฐานข้อมูลซึ่งสะท้อนให้เห็นชีวิตความเป็นอยู่ และความคาดหวังของคนไทย โดยในปี 2557 นี้ ได้สำรวจความคิดเห็นจากประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 6,318 คน ระหว่างวันที่ 10 – 29 ธ.ค.57 สรุปผลได้ดังนี้
1. เหตุการณ์ในประเทศไทยที่มี “ความสุข”มากที่สุด อันดับหนึ่ง ร้อยละ 43.20 ระบุ วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันดับสอง ร้อยละ 30.44 นักเตะทีมชาติไทย คว้าแชมป์ซูซูกิคัพ 2014 และอันดับ3 ร้อยละ26.36 วันหยุดตามเทศกาล เช่น ปีใหม่ สงกรานต์
ส่วนเหตุการณ์ที่"เศร้า"ที่สุด อันดับ 1 ร้อยละ 43.35 คือ สถานการณ์ทางการเมืองที่วุ่นวาย อันดับ 2 ร้อยละ 35.15 คดีน้องแก้มบนตู้นอนรถไฟ อันดับ 3 ร้อยละ 21.50 เหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้
2. นักร้องเพลงไทยสากล ชาย-หญิง ที่ “ชื่นชอบ”มากที่สุด โดยนักร้องเพลงไทยสากลชาย อันดับ1 ร้อยละ 54.33ยกให้ แสตมป์ อภิวัชร์ อันดับ 2 ร้อยละ 29.28 เบิร์ด ธงไชย อันดับ 3 ร้อยละ 16.39 สิงโต นำโชค
ส่วนนักร้องเพลงไทยสากลหญิง อันดับ 1 ร้อยละ 52.88 ดา เอ็นโดรฟิน อันดับ 2 ร้อยละ 30.05 นิว-จิ๋ว อันดับ 3 ร้อยละ 17.07 ฟิล์ม บงกช
3. นักร้องลูกทุ่งชาย-หญิง ที่ “ชื่นชอบ”มากที่สุด ฝ่ายชาย อันดับ 1 ร้อยละ 48.55 ไผ่ พงศธร อันดับ 2 ร้อยละ 27.17 ก๊อต จักรพรรณ์ อันดับ 3 ร้อยละ 24.28 บ่าววี
ส่วนนักร้องลูกท่งหญิง อันดับ 1 ร้อยละ 49.07หญิงลี อันดับ 2 ร้อยละ 30.84 ใบเตย อาร์สยาม อันดับ 3 ร้อยละ 20.09 จ๊ะ อาร์สยาม
4. ดาราชาย-หญิง ที่ “ชื่นชอบ”มากที่สุด โดย ดาราชาย อันดับ 1ร้อยละ 40.82 ติ๊ก เจษฎาภรณ์ อันดับ 2 ร้อยละ 32.28 ณเดชน์ คูกิมิยะ อันดับ 3 ร้อยละ 26.90 มาริโอ้ เมาเร่อ
ส่วนดาราหญิง อันดับ 1 ร้อยละ 57.06 อั้ม พัชราภา อันดับ 2 ร้อยละ 23.55 ชมพู่ อารยา อันดับ 3 ร้อยละ 19.39 พลอย เฌอมาลย์ 5. นักกีฬาชาย-หญิง ที่ “ชื่นชอบ”มากที่สุด ฝ่ายชาย อันดับ 1 ร้อยละ 54.43 ชาริล ชัปปุยส์ (ฟุตบอล) อันดับ 2 ร้อยละ 24.75 เมสซี่เจ ชนาธิป (ฟุตบอล) อันดับ 3 ร้อยละ 20.82 บัวขาว บัญชาเมฆ (นักมวย)
ส่วนนักกีฬาหญิง อันดับ 1 ร้อยละ 54.58 ปลื้มจิตร์ ถินขาว (วอลเลย์บอล) อันดับ 2 ร้อยละ 24.06 นุศรา ต้อมคำ (วอลเลย์บอล) อันดับ 3 ร้อยละ 21.36 อแมนด้า คาร์ (ปั่นจักรยาน)
6. นักการเมืองชาย-หญิง ที่ “ชื่นชอบ” มากที่สุด ฝ่ายชาย อันดับ 1 ร้อยละ 73.66 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อันดับ 2 ร้อยละ 13.94 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อันดับ 3 ร้อยละ 12.40 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นักการเมืองหญิง อันดับ 1 ร้อยละ 44.96 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อันดับ 2 ร้อยละ 33.40 ปวีณา หงสกุล อันดับ 3 ร้อยละ 21.64 ตั๊น จิตต์ภัสร์ ภิรมย์ภักดี
7. นักการศึกษา ที่ “ชื่นชอบ”มากที่สุด อันดับ 1 ร้อยละ 64.13 ท่าน ว. วชิรเมธี อันดับ 2 ร้อยละ 24.37 ดร.เสรี วงศ์มณฑา อันดับ 3 ร้อยละ 11.50 รศ.สุขุม นวลสกุล
8. ความหวังในปีหน้า 2558 อันดับ 1 ร้อยละ 56.07 ในหลวงทรงมีพลานามัยแข็งแรง อันดับ 2 ร้อยละ 22.63 เศรษฐกิจดีขึ้น ประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง อันดับ 3 ร้อยละ 21.30 คนไทยสามัคคีปรองดอง ประเทศชาติสงบสุข
9. “คำอธิษฐาน”ที่ตัวประชาชนเองอยากขอในวันปีใหม่ อันดับ 1 ร้อยละ 44.91 ขอให้การงานเจริญก้าวหน้า ร่ำรวย มีเงินมีทอง อันดับ 2 ร้อยละ 32.52 ขอให้ครอบครัวมีความสุขความเจริญ อันดับ 3 ร้อยละ 22.57 ขอให้บ้านเมืองสงบสุข เศรษฐกิจดี คนไทยรักและสามัคคีกัน
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่านโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ช่างสุขุม ลุ่มลึก และมองการณ์ไกล เป็นการคืนความสุขให้กับคนไทยทั้งชาติโดยแท้จริง ถือเป็นบุญคุณที่ประชาชนต้องตระหนัก และซาบซึ้งในวิสัยทัศน์ และการทำงานหนักของนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ท่านนี้
----
