นายบุญเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการ กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้ง แถลงกรณีที่หัวหน้าคสช. ออกประกาศ เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. เรื่องการได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นชุดหลังสุดที่มาจากการเลือกตั้ง กลับเข้ามาทำหน้าที่แทนชุดที่มาจากการสรรหาว่า สำนักงานกกต. มีหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานกกต.จังหวัดทุกจังหวัดให้รับทราบคำสั่งคสช.ดังกล่าวแล้ว และให้ ผอ.กกต. จังหวัดร่วมประสานการตรวจสอบคุณสมบัติ เพื่อประกาศให้บุคคลดังกล่าว กลับมาดำรงตำแหน่ง
สำหรับสมาชิก และผู้บริหารท้องถิ่นเดิมที่มีกำหนดพ้นวาระ ในวันที่ 1 ม.ค. ซึ่งประกอบด้วยองค์กรปกครองท้องถิ่นที่ก่อนหน้านี้ มีการสรรหาแทนไปแล้ว 152 แห่ง และผู้บริหารท้องถิ่นที่มีการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนไปแล้ว 245 แห่งนั้น ให้ผู้ประสงค์กลับมาดำรงตำแหน่ง มารายงานตัวระหว่างวันที่ 1 –5 ม.ค. 58 แล้วให้ ผอ. กกต.จังหวัด ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้น จนถึงวันที่ 14 ม.ค. ก่อนจะส่งมายังกกต. เพื่อพิจารณาตรวจสอบ ระหว่าง 1 – 12 ก.พ. และจะมีหนังสือแจ้งกลับไปยังประธานคณะกรรมการสรรหา คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นๆ ภายในวันที่ 13 ก.พ. 58 ให้ดำเนินการ แต่งตั้งภายใน 3 วัน
นายบุญเกียรติ กล่าวอีกว่า กรณีที่จะพบว่ามีการขาดคุณสมบัติระหว่างที่มีการแต่งตั้งผู้ทำหน้าที่แทนนั้น จะเกิดขึ้น 2 สาเหตุ คือ มีการล้มละลาย หรือกรณีศาลสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เนื่องจากมีคำฟ้องทุจริตหรือทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งตามข้อเท็จจริงจะมีจำนวนน้อยมาก และหากเกิดกรณีผู้มารายงานตัวมีไม่ครบตามจำนวนสมาชิกสภาท้องถิ่น แต่มีจำนวนเกินกึ่งหนึ่ง ก็ให้สามารถทำหน้าที่ต่อไป แต่หากไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ก็ให้ชุดที่แต่งตั้งมาแทนทำหน้าที่แทน ส่วนผู้บริหารท้องถิ่น ก็เช่นเดียวกัน หากมีผู้สละสิทธิ์ หรือถูกตัดสิทธิ์ ก็ให้ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่แทน ทำหน้าที่ต่อไป
นอกจากนี้ รองเลขาธิการ กกต. ยังเปิดเผยว่า ในปี 2558 ก็จะมีสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารองค์กรปกครองท้องถิ่น ที่จะครบวาระอีก 940 แห่ง ก็จะให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่า กกต.จะกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่
สำหรับสมาชิก และผู้บริหารท้องถิ่นเดิมที่มีกำหนดพ้นวาระ ในวันที่ 1 ม.ค. ซึ่งประกอบด้วยองค์กรปกครองท้องถิ่นที่ก่อนหน้านี้ มีการสรรหาแทนไปแล้ว 152 แห่ง และผู้บริหารท้องถิ่นที่มีการแต่งตั้งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนไปแล้ว 245 แห่งนั้น ให้ผู้ประสงค์กลับมาดำรงตำแหน่ง มารายงานตัวระหว่างวันที่ 1 –5 ม.ค. 58 แล้วให้ ผอ. กกต.จังหวัด ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้น จนถึงวันที่ 14 ม.ค. ก่อนจะส่งมายังกกต. เพื่อพิจารณาตรวจสอบ ระหว่าง 1 – 12 ก.พ. และจะมีหนังสือแจ้งกลับไปยังประธานคณะกรรมการสรรหา คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นๆ ภายในวันที่ 13 ก.พ. 58 ให้ดำเนินการ แต่งตั้งภายใน 3 วัน
นายบุญเกียรติ กล่าวอีกว่า กรณีที่จะพบว่ามีการขาดคุณสมบัติระหว่างที่มีการแต่งตั้งผู้ทำหน้าที่แทนนั้น จะเกิดขึ้น 2 สาเหตุ คือ มีการล้มละลาย หรือกรณีศาลสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง เนื่องจากมีคำฟ้องทุจริตหรือทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งตามข้อเท็จจริงจะมีจำนวนน้อยมาก และหากเกิดกรณีผู้มารายงานตัวมีไม่ครบตามจำนวนสมาชิกสภาท้องถิ่น แต่มีจำนวนเกินกึ่งหนึ่ง ก็ให้สามารถทำหน้าที่ต่อไป แต่หากไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ก็ให้ชุดที่แต่งตั้งมาแทนทำหน้าที่แทน ส่วนผู้บริหารท้องถิ่น ก็เช่นเดียวกัน หากมีผู้สละสิทธิ์ หรือถูกตัดสิทธิ์ ก็ให้ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่แทน ทำหน้าที่ต่อไป
นอกจากนี้ รองเลขาธิการ กกต. ยังเปิดเผยว่า ในปี 2558 ก็จะมีสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารองค์กรปกครองท้องถิ่น ที่จะครบวาระอีก 940 แห่ง ก็จะให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่า กกต.จะกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่
