เบลล์ 206 หน่วยเฉพาะกิจอโณทัย ตกที่เมืองยะลา ขณะตรวจพื้นที่น้ำท่วม ทหารเจ็บ 4 นาย กรมอุตุฯประกาศ 22-24 ธ.ค. 6 จังหวัดใต้ตอนล่างระวังฝนตกหนัก อ่าวไทยคลื่นสูง 2-4 เมตร เรือเล็กตั้งแต่จ.ชุมพร ลงไปงดออกจากฝั่ง ด้าน"พัทลุง-ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส"ยังอ่วม ทะเลสาบสงขลาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองขุ่น ผู้เลี้ยงปลากะพงขาวหวั่นช๊อคตาย ขณะที่"ดอยอินทนนท์"ติดลบ 1 องศา นักท่องเที่ยวเนืองแน่นแห่ชม"เหมยขาบ" ส่วน"ซากุระเมืองไทย"เริ่มผลิดอกพร้อมเบ่งบานช่วงปีใหม่
เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (21 ธ.ค.) เกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์แบบใช้งานทั่วไป ฮท. 206 (เบลล์ 206) 4 ที่นั่ง ประสบอุบัติเหตุตกในสวนยางพาราบ้านปอเยาะ หมู่ 4 ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา หลังนักบินและเจ้าหน้าที่นำเครื่องออกบินตรวจสอบสภาพน้ำท่วม จากนั้นนักบินนำเครื่องขึ้นเพื่อกลับที่ตั้ง แต่เมื่อเครื่องยกตัวขึ้น 50-60 เมตร สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยเพราะฝนตกหนัก นักบินและผู้ช่วยพยายามประคองเครื่อง แต่ไม่สามารถทำได้ จึงร่อนลงฉุกเฉิน
ต่อมา ตำรวจ ทหาร และอาสาสมัครกู้ภัยบ้านลำพะยา เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ นำผู้บาดเจ็บ 4 นาย ส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ทราบชื่อร.อ.เสกสรร ภูริผล อายุ 33 ปี นับบินที่ 1 ร.ท.อภิสิทธิ์ พระหาชา อายุ 33 ปี นักบินที่ 2 จ.ส.อ.กิตติพงษ์ แสนทิช อายุ 37 ปี และจ.ส.อ.สงวน หมื่นคำเรือง อายุ 55 ปี ทั้ง 4 นายสังกัดหน่วยเฉพาะกิจยะลา ยังรู้สึกตัวดี
ตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบว่าเฮลิคอปเตอร์ตกลงบนยอดไม้ และกระแทกพื้นในสภาพตะแคงขวา ใบพัดและหางตัวเครื่องหัก แต่ด้วยสภาพฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการปิดกั้นพื้นที่ เพื่อรอตรวจสอบอีกครั้งหลังฝนหยุดตก โดยเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวเป็นของหน่วยเฉพาะกิจอโณทัย บินปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 16 และเป็นเครื่องจากร้อย.บิน พล.ร.2 รอ. มาปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนภาคใต้
ด้านนายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิบมวิทยา "ฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ตอนล่าง และคลื่นลมแรงในอ่าวไทย" ฉบับที่ 5 เวลา 17.00 น. ว่าบริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีน แผ่ปกคลุมประเทศลาวตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนวันที่ 21 ธ.ค. ส่งผลให้ช่วงวันที่ 22-24 ธ.ค. ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศเย็นลงกับมีลมแรง อุณหภูมิลดลงอีก 1-3 องศาเซลเซียส โดยภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส บริเวณยอดเขาสูงจะมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นในบางพื้นที่
ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ตอนล่างบริเวณจ.นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส มีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และปริมาณฝนตกสะสมไว้ด้วย
สำหรับอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้ชายฝั่งระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กตั้งแต่จ.ชุมพร ลงไปควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 24 ธ.ค.
จ.ยะลา ที่ต.บาลอ ต.กายูบอเกาะ ต.ตะโละหะลอ ต.อาซ่อง ต.ท่าธง และต.เกะรอ อ.รามัน ซึ่งเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำสายบุรี น้ำยังคงท่วมขังสวนยางพารา สวนผลไม้ สูงประมาณ 50 ซม. ชาวบ้านต้องนำสัตว์เลี้ยงไปไว้บนถนนหลวง ขณะที่วัวและแพะเริ่มขาดแคลนอาหาร ขณะที่ยางพาราเสี่ยงต่อการเป็นโรคเปลือกเน่าหากถูกน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน
ขณะที่ตำรวจสภ.เมือง รับแจ้งจากชาวบ้านหมู่ 4 ต.ตาเซะ พบศพลอยมาติดประตูระบายน้ำ เขื่อนปัตตานี จึงไปตรวจสอบพบว่าเป็นศพนายอับดุลเลาะ ยะโก๊ะ ครูโรงเรียนนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ 13 อ.บันนังสตา ซึ่งก่อนหน้านี้ 2 วันญาติแจ้งว่าหายตัวไป พบเพียงรถจักรยานยนต์จอดอยู่ที่สวนสาธารณะ ริมแม่น้ำปัตตานี เขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งทางญาตินำศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว สรุปล่าสุดมีผู้เสียเสียชีวิตจากปัญหาอุทกภัยในจ.ยะลา รวม 3 ศพ
จ.ปัตตานี น้ำในแม่น้ำปัตตานีเอ่อล้นตลิ่งเข้าเขตเทศบาลเมืองปัตตานี พื้นที่ต.จะบังติกอ ต.สะบารัง ต.รูสะมิแล ท่วมบ้านเรือนกว่า 100 หลัง ระดับน้ำสูง 30-50 ซม. ชาวบ้านต้องอพยพสิ่งของไว้บนที่สูง รถจักรยานยนต์ รถยนต์ ต้องนำไปจอดไว้บนถนนที่ระดับน้ำท่วมไม่ถึง ส่วนที่ถนน 418 ปัตตานี-ยะลา รถเล็กควรเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น เพราะน้ำล้นผ่านถนนแล้ว
ล่าสุดมีน้ำท่วมใน 7 อำเภอ ประกอบด้วย อ.แม่ลาน อ.ทุ่งยางแดง อ.เมือง อ.หนองจิก อ.ยะหริ่ง อ.สายบุรี อ.ยะรัง และอ.กะพ้อ ราษฎรเกือบ 2 หมื่นคน 4,356 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน โดยจังหวัดประชาสัมพันธ์แจ้งไปยังทุกอำเภอให้เฝ้าระวังระดับน้ำ เพราะคาดว่าจะสูงขึ้นอีก เนื่องจากมวลน้ำจากจ.ยะลา ยังคงไหล่ลงสู่แม่น้ำปัตตานี และแม่น้ำสายบุรี
จ.นราธิวาส ยังคงมีฝนตกปกคลุมพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ส่งผลทำให้ระดับน้ำที่ท่วมขังในอ.สุไหงโก-ลก อยู่ในภาวะวิกฤต โดยระดับน้ำในแม่น้ำสุไหงโก-ลก สูงกว่าตลิ่งประมาณ 2 เมตร ทำให้ 8 ชุมชนเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ยังอยู่ใภาวะวิกฤติ ชาวบ้านถูกอพยพไปอาศัยที่ศูนย์อพยพโรงเรียนเทศบาล 4 กว่า 300 คน ล่าสุดมวลน้ำก้อนนี้ไหลลงสู่ปากอ่าวด้านอ.ตากใบ ซึ่งลำน้ำที่ค่อนข้างคดเคี้ยว ทำให้การระบายลงสู่ทะเลเป็นไปด้วยความล่าช้า บ้านเรือนในพื้นที่ลุ่มและริมตลิ่งมีน้ำท่วมขังสูง 50-80 ซ.ม. ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำเต็นท์ไปกางไว้บนถนนให้พักอาศัยชั่วคราว โดยฝนยังไม่มีแนวโน้มว่าจะหยุดตก โดยเฉพาะที่อ.สุคิริน ที่น้ำป่าบนเทือกเขาสันกาลาคีรี จะไหลทะลักลงมา ทำให้ตกอยู่ในภาวะวิกฤตอีกครั้งแน่นอน
นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่ราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า คาดว่าภาวะน้ำท่วมในครั้งนี้ มีแนวโน้มคาบเกี่ยวถึงช่วงปีใหม่ จากเดิมที่คาดว่าจะกลับเข้าสู่สภาพปกติเพียงสัปดาห์เดียว เนื่องจากสถานีอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนจะมีฝนตกลงมาอย่างหนักอีกระลอกในช่วงวันที่ 22-24 ธ.ค.
ส่วนศพของจ.ส.อ.ชาญณรงค์ มะลิชื่น อายุ 34 ปี ทหารสังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1914 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 36 ที่ช่วยอพยพชาวบ้านชุมชนหัวสะพาน เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก แล้วเรือล่มจมหายไปกับกระแสน้ำเมื่อกลางดึกวันที่ 17 ธ.ค. และพบศพเย็นของวันที่ 20 ธ.ค. ผู้บังคับบัญชาจะเคลื่อนย้ายศพไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเลขที่ 31 หมู่ 16 ต.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร
จ.พัทลุง น้ำในคลองสาย 7 สายที่ไหลลงจากเทือกเขาบรรทัด เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้หลากเข้าท่วมต.ชะรัด อ.กงหรา ต.อ่างทอง อ.ศรีนครินทร์ ต.นาโหนด อ.เมือง โดยที่ฝายนาท่อม ต.นาท่อม อ.เมือง ระดับน้ำที่ไหลผ่านฝายสูง 150 เซนติเมตร(ซม.) ทำให้คันคลองชลประทาน หมู่ 6 ต.โคกชะงาย ขาดลงและน้ำหลากเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร สวนยางพารา บ้านเรือน และหลากเข้าสู่ต.เขาเจียก นอกจากนี้ยังท่วมขังถนนหลายสายในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง สูง 20-30 ซม. เจ้าหน้าที่เทศบาลต้องติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เพื่อระบายน้ำออก
ขณะที่ริมทะเลสาบสงขลา ต.พนางตุง ต.มะกอกเหนือ ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน ต.ชัยบุรี ต.ลำปำ ต.พญาขันต์ ต.นาโหนด อ.เมือง และต.หารโพธิ์ อ.เขาชัยสน ระดับน้ำยังทรงตัว ถนนยังมีน้ำท่วมสูง 30-40 ซม. ต้องใช้เรือในการเดินทาง
ด้านสำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัด แจ้งเตือนประชาชนริมเทือกเขาบรรทัด อ.กงหรา อ.ศรีนครินทร์ อ.ตะโหมด และอ.ศรีบรรพต ให้ระวังน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม พร้อมให้เฝ้าระวังพื้นที่เสียงภัยดินถล่มใน 28 หมู่บ้าน
จ.สงขลา น้ำท่วมใน 8 อำเภอ ประกอบด้วย อ.หาดใหญ่ อ.สะเดา อ.คลองหอยโข่ง อ.จะนะ อ.เทพา อ.นาทวี อ.รัตภูมิ และอ.ควนเนียง กลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่พบว่าเส้นทางหลายสายถูกน้ำกัดเซาะไม่สามารถใช้การได้ เช่น ทางลัดที่เชื่อมอ.หาดใหญ่ กับอ.สะเดา คอสะพานบ้านโคกม่วง ต.โคกม่วง อ.คลองหอยโข่ง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งนำเครื่องจักรมาซ่อมแซมเพื่อให้ใช้งานได้ตามปกติ
ส่วน อ.สะเดา มีบางโรงเรียนที่ยังถูกน้ำท่วมขัง เช่น ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอนุบาล 3 ขวบ หมู่ 1 ต.ท่าโพธิ์ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ลุ่มตลอดแนวลำคลอง 3 อำเภอ ตั้งแต่อ.สะเดา อ.คลองหอยโข่ง และอ.หาดใหญ่ ที่ยังมีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนบางส่วน
อย่างไรก็ตาม น้ำจากคลองอู่ตะเภา คลองระบายน้ำ ร.1 และคลองสาขา ไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลา ทำให้น้ำในทะเลสาบกลายเป็นสีเหลืองขุ่น ส่งผลกระทบกับผู้เลี้ยงปลากะพงขาวในกระชัง โดยเฉพาะต.เกาะยอ อ.เมือง ซึ่งเป็นแหล่งเลี้ยงปลากะพงใหญ่ที่สุดของจังหวัด เนื่องจากทำให้น้ำในทะเลสาบจืดสนิท ออกซิเจนน้อยลง ปลาช๊อคตายได้ตลอดเวา ซึ่งขณะนี้เริ่มกินอาหารน้อยลง เกษตรกรต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพราะปีที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุปลาช๊อคตายยกกระชังมาแล้ว
ส่วนที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ สภาพอากาศเย็นจัด โดยวัดอุณหภูมิได้ -1 องศาเซลเซียส ซึ่งต่ำที่สุดในรอบปีนี้ และต่ำกว่าเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ที่วัดได้ 0 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เกิดน้ำค้างแข็งหรือเหมยขาบเป็นบริเวณกว้างหลายจุดด้วย โดยเฉพาะ 2 ข้างทางตั้งแต่จุดชมวิวกิ่วแม่ปานถึงยอดดอยอินทนนท์ ที่ขาวโพลนเป็นระยะ สร้างความประทับใจและตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง
ขณะที่ต้นนางพญาเสือโคร่งหรือ"ซากุระเมืองไทย"เริ่มผลิดอกสีชมพู คาดว่าน่าจะเบ่งบานเต็มที่ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และบานต่อเนื่องไปในช่วงเดือนมกราคม ซึ่งเชื่อว่าจะดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยว จนทำให้บรรยากาศบนดอยอินทนนท์คึกคักมากขึ้นไปอีก.
เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (21 ธ.ค.) เกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์แบบใช้งานทั่วไป ฮท. 206 (เบลล์ 206) 4 ที่นั่ง ประสบอุบัติเหตุตกในสวนยางพาราบ้านปอเยาะ หมู่ 4 ต.ลำใหม่ อ.เมือง จ.ยะลา หลังนักบินและเจ้าหน้าที่นำเครื่องออกบินตรวจสอบสภาพน้ำท่วม จากนั้นนักบินนำเครื่องขึ้นเพื่อกลับที่ตั้ง แต่เมื่อเครื่องยกตัวขึ้น 50-60 เมตร สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยเพราะฝนตกหนัก นักบินและผู้ช่วยพยายามประคองเครื่อง แต่ไม่สามารถทำได้ จึงร่อนลงฉุกเฉิน
ต่อมา ตำรวจ ทหาร และอาสาสมัครกู้ภัยบ้านลำพะยา เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ นำผู้บาดเจ็บ 4 นาย ส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ทราบชื่อร.อ.เสกสรร ภูริผล อายุ 33 ปี นับบินที่ 1 ร.ท.อภิสิทธิ์ พระหาชา อายุ 33 ปี นักบินที่ 2 จ.ส.อ.กิตติพงษ์ แสนทิช อายุ 37 ปี และจ.ส.อ.สงวน หมื่นคำเรือง อายุ 55 ปี ทั้ง 4 นายสังกัดหน่วยเฉพาะกิจยะลา ยังรู้สึกตัวดี
ตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบว่าเฮลิคอปเตอร์ตกลงบนยอดไม้ และกระแทกพื้นในสภาพตะแคงขวา ใบพัดและหางตัวเครื่องหัก แต่ด้วยสภาพฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการปิดกั้นพื้นที่ เพื่อรอตรวจสอบอีกครั้งหลังฝนหยุดตก โดยเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวเป็นของหน่วยเฉพาะกิจอโณทัย บินปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของหน่วยเฉพาะกิจยะลาที่ 16 และเป็นเครื่องจากร้อย.บิน พล.ร.2 รอ. มาปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนภาคใต้
ด้านนายวันชัย ศักดิ์อุดมไชย อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิบมวิทยา "ฝนตกหนักบริเวณภาคใต้ตอนล่าง และคลื่นลมแรงในอ่าวไทย" ฉบับที่ 5 เวลา 17.00 น. ว่าบริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีน แผ่ปกคลุมประเทศลาวตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนวันที่ 21 ธ.ค. ส่งผลให้ช่วงวันที่ 22-24 ธ.ค. ประเทศไทยตอนบนจะมีอากาศเย็นลงกับมีลมแรง อุณหภูมิลดลงอีก 1-3 องศาเซลเซียส โดยภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส บริเวณยอดเขาสูงจะมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นในบางพื้นที่
ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ตอนล่างบริเวณจ.นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส มีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และปริมาณฝนตกสะสมไว้ด้วย
สำหรับอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้ชายฝั่งระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กตั้งแต่จ.ชุมพร ลงไปควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 24 ธ.ค.
จ.ยะลา ที่ต.บาลอ ต.กายูบอเกาะ ต.ตะโละหะลอ ต.อาซ่อง ต.ท่าธง และต.เกะรอ อ.รามัน ซึ่งเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำสายบุรี น้ำยังคงท่วมขังสวนยางพารา สวนผลไม้ สูงประมาณ 50 ซม. ชาวบ้านต้องนำสัตว์เลี้ยงไปไว้บนถนนหลวง ขณะที่วัวและแพะเริ่มขาดแคลนอาหาร ขณะที่ยางพาราเสี่ยงต่อการเป็นโรคเปลือกเน่าหากถูกน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน
ขณะที่ตำรวจสภ.เมือง รับแจ้งจากชาวบ้านหมู่ 4 ต.ตาเซะ พบศพลอยมาติดประตูระบายน้ำ เขื่อนปัตตานี จึงไปตรวจสอบพบว่าเป็นศพนายอับดุลเลาะ ยะโก๊ะ ครูโรงเรียนนิคมสร้างตนเองพัฒนาภาคใต้ 13 อ.บันนังสตา ซึ่งก่อนหน้านี้ 2 วันญาติแจ้งว่าหายตัวไป พบเพียงรถจักรยานยนต์จอดอยู่ที่สวนสาธารณะ ริมแม่น้ำปัตตานี เขตเทศบาลนครยะลา ซึ่งทางญาตินำศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว สรุปล่าสุดมีผู้เสียเสียชีวิตจากปัญหาอุทกภัยในจ.ยะลา รวม 3 ศพ
จ.ปัตตานี น้ำในแม่น้ำปัตตานีเอ่อล้นตลิ่งเข้าเขตเทศบาลเมืองปัตตานี พื้นที่ต.จะบังติกอ ต.สะบารัง ต.รูสะมิแล ท่วมบ้านเรือนกว่า 100 หลัง ระดับน้ำสูง 30-50 ซม. ชาวบ้านต้องอพยพสิ่งของไว้บนที่สูง รถจักรยานยนต์ รถยนต์ ต้องนำไปจอดไว้บนถนนที่ระดับน้ำท่วมไม่ถึง ส่วนที่ถนน 418 ปัตตานี-ยะลา รถเล็กควรเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น เพราะน้ำล้นผ่านถนนแล้ว
ล่าสุดมีน้ำท่วมใน 7 อำเภอ ประกอบด้วย อ.แม่ลาน อ.ทุ่งยางแดง อ.เมือง อ.หนองจิก อ.ยะหริ่ง อ.สายบุรี อ.ยะรัง และอ.กะพ้อ ราษฎรเกือบ 2 หมื่นคน 4,356 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน โดยจังหวัดประชาสัมพันธ์แจ้งไปยังทุกอำเภอให้เฝ้าระวังระดับน้ำ เพราะคาดว่าจะสูงขึ้นอีก เนื่องจากมวลน้ำจากจ.ยะลา ยังคงไหล่ลงสู่แม่น้ำปัตตานี และแม่น้ำสายบุรี
จ.นราธิวาส ยังคงมีฝนตกปกคลุมพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ส่งผลทำให้ระดับน้ำที่ท่วมขังในอ.สุไหงโก-ลก อยู่ในภาวะวิกฤต โดยระดับน้ำในแม่น้ำสุไหงโก-ลก สูงกว่าตลิ่งประมาณ 2 เมตร ทำให้ 8 ชุมชนเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ยังอยู่ใภาวะวิกฤติ ชาวบ้านถูกอพยพไปอาศัยที่ศูนย์อพยพโรงเรียนเทศบาล 4 กว่า 300 คน ล่าสุดมวลน้ำก้อนนี้ไหลลงสู่ปากอ่าวด้านอ.ตากใบ ซึ่งลำน้ำที่ค่อนข้างคดเคี้ยว ทำให้การระบายลงสู่ทะเลเป็นไปด้วยความล่าช้า บ้านเรือนในพื้นที่ลุ่มและริมตลิ่งมีน้ำท่วมขังสูง 50-80 ซ.ม. ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำเต็นท์ไปกางไว้บนถนนให้พักอาศัยชั่วคราว โดยฝนยังไม่มีแนวโน้มว่าจะหยุดตก โดยเฉพาะที่อ.สุคิริน ที่น้ำป่าบนเทือกเขาสันกาลาคีรี จะไหลทะลักลงมา ทำให้ตกอยู่ในภาวะวิกฤตอีกครั้งแน่นอน
นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่ราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า คาดว่าภาวะน้ำท่วมในครั้งนี้ มีแนวโน้มคาบเกี่ยวถึงช่วงปีใหม่ จากเดิมที่คาดว่าจะกลับเข้าสู่สภาพปกติเพียงสัปดาห์เดียว เนื่องจากสถานีอุตุนิยมวิทยาประกาศเตือนจะมีฝนตกลงมาอย่างหนักอีกระลอกในช่วงวันที่ 22-24 ธ.ค.
ส่วนศพของจ.ส.อ.ชาญณรงค์ มะลิชื่น อายุ 34 ปี ทหารสังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1914 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 36 ที่ช่วยอพยพชาวบ้านชุมชนหัวสะพาน เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก แล้วเรือล่มจมหายไปกับกระแสน้ำเมื่อกลางดึกวันที่ 17 ธ.ค. และพบศพเย็นของวันที่ 20 ธ.ค. ผู้บังคับบัญชาจะเคลื่อนย้ายศพไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเลขที่ 31 หมู่ 16 ต.ท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร
จ.พัทลุง น้ำในคลองสาย 7 สายที่ไหลลงจากเทือกเขาบรรทัด เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้หลากเข้าท่วมต.ชะรัด อ.กงหรา ต.อ่างทอง อ.ศรีนครินทร์ ต.นาโหนด อ.เมือง โดยที่ฝายนาท่อม ต.นาท่อม อ.เมือง ระดับน้ำที่ไหลผ่านฝายสูง 150 เซนติเมตร(ซม.) ทำให้คันคลองชลประทาน หมู่ 6 ต.โคกชะงาย ขาดลงและน้ำหลากเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร สวนยางพารา บ้านเรือน และหลากเข้าสู่ต.เขาเจียก นอกจากนี้ยังท่วมขังถนนหลายสายในเขตเทศบาลเมืองพัทลุง สูง 20-30 ซม. เจ้าหน้าที่เทศบาลต้องติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เพื่อระบายน้ำออก
ขณะที่ริมทะเลสาบสงขลา ต.พนางตุง ต.มะกอกเหนือ ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน ต.ชัยบุรี ต.ลำปำ ต.พญาขันต์ ต.นาโหนด อ.เมือง และต.หารโพธิ์ อ.เขาชัยสน ระดับน้ำยังทรงตัว ถนนยังมีน้ำท่วมสูง 30-40 ซม. ต้องใช้เรือในการเดินทาง
ด้านสำนักงานป้องกันบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัด แจ้งเตือนประชาชนริมเทือกเขาบรรทัด อ.กงหรา อ.ศรีนครินทร์ อ.ตะโหมด และอ.ศรีบรรพต ให้ระวังน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม พร้อมให้เฝ้าระวังพื้นที่เสียงภัยดินถล่มใน 28 หมู่บ้าน
จ.สงขลา น้ำท่วมใน 8 อำเภอ ประกอบด้วย อ.หาดใหญ่ อ.สะเดา อ.คลองหอยโข่ง อ.จะนะ อ.เทพา อ.นาทวี อ.รัตภูมิ และอ.ควนเนียง กลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่พบว่าเส้นทางหลายสายถูกน้ำกัดเซาะไม่สามารถใช้การได้ เช่น ทางลัดที่เชื่อมอ.หาดใหญ่ กับอ.สะเดา คอสะพานบ้านโคกม่วง ต.โคกม่วง อ.คลองหอยโข่ง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งนำเครื่องจักรมาซ่อมแซมเพื่อให้ใช้งานได้ตามปกติ
ส่วน อ.สะเดา มีบางโรงเรียนที่ยังถูกน้ำท่วมขัง เช่น ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอนุบาล 3 ขวบ หมู่ 1 ต.ท่าโพธิ์ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ลุ่มตลอดแนวลำคลอง 3 อำเภอ ตั้งแต่อ.สะเดา อ.คลองหอยโข่ง และอ.หาดใหญ่ ที่ยังมีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนบางส่วน
อย่างไรก็ตาม น้ำจากคลองอู่ตะเภา คลองระบายน้ำ ร.1 และคลองสาขา ไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลา ทำให้น้ำในทะเลสาบกลายเป็นสีเหลืองขุ่น ส่งผลกระทบกับผู้เลี้ยงปลากะพงขาวในกระชัง โดยเฉพาะต.เกาะยอ อ.เมือง ซึ่งเป็นแหล่งเลี้ยงปลากะพงใหญ่ที่สุดของจังหวัด เนื่องจากทำให้น้ำในทะเลสาบจืดสนิท ออกซิเจนน้อยลง ปลาช๊อคตายได้ตลอดเวา ซึ่งขณะนี้เริ่มกินอาหารน้อยลง เกษตรกรต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง เพราะปีที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุปลาช๊อคตายยกกระชังมาแล้ว
ส่วนที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ สภาพอากาศเย็นจัด โดยวัดอุณหภูมิได้ -1 องศาเซลเซียส ซึ่งต่ำที่สุดในรอบปีนี้ และต่ำกว่าเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ที่วัดได้ 0 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เกิดน้ำค้างแข็งหรือเหมยขาบเป็นบริเวณกว้างหลายจุดด้วย โดยเฉพาะ 2 ข้างทางตั้งแต่จุดชมวิวกิ่วแม่ปานถึงยอดดอยอินทนนท์ ที่ขาวโพลนเป็นระยะ สร้างความประทับใจและตื่นเต้นให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง
ขณะที่ต้นนางพญาเสือโคร่งหรือ"ซากุระเมืองไทย"เริ่มผลิดอกสีชมพู คาดว่าน่าจะเบ่งบานเต็มที่ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และบานต่อเนื่องไปในช่วงเดือนมกราคม ซึ่งเชื่อว่าจะดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยว จนทำให้บรรยากาศบนดอยอินทนนท์คึกคักมากขึ้นไปอีก.