xs
xsm
sm
md
lg

ทีมเวิร์ก เป็นมากกว่าแชมป์ !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

00 แน่นอนว่าการที่ทีมฟุตบอลไทยสามารถไปคว้าแชมป์ เอเอฟเอฟซูซูกิคัพ ถึงถิ่นมาเลเซีย เมื่อค่ำวันที่ 20 ธ.ค. ด้วยผลประตูรวม 4-3 เป็นการคว้าแชมป์ครั้งที่ 4 และเป็นการกลับมาคว้าแชมป์ในรอบ 12 ปี จนสร้างความสุขให้กับคนไทยทั้งชาติ และเป็น"ของขวัญปีใหม่" อย่างแท้จริง อย่างไรก็ดี ผลจากชัยชนะดังกล่าวมันได้สร้างความรู้สึกและ "แง่คิด" ให้กับคนไทยหลายอย่างได้อย่างดี
00 ตลอดเกมการแข่งขันที่บีบคั้นหัวใจคนไทยทั้งชาติ นับตั้งแต่ที่ทีมไทยโดนจุดโทษตั้งแต่ 6 นาทีแรก จากนั้นก็ปลายครึ่งแรก โดนยิงนำเป็นสองประตู ถัดมาต้นครึ่งหลังอีกหนึ่งลูกเป็น 3-0 เป็นแบบนี้ประตูรวมก็แพ้ ความหวัง ความฝันพังทลาย สภาพเวลานั้นคนไทยส่วนใหญ่ต่างถอดใจ หลายคนแยกย้ายกันไป แม้ยังดูกันต่อด้วยอารมณ์ที่ซังกะตาย หมดหวังไปแล้ว แต่กลายเป็นว่าช่วงท้ายเกมเหลือเวลาอีกเพียง 16-15 นาที ที่เหลือเท่านั้น ทีมไทยก็สามารถยิงประตูตีไข่แตกไล่มาเป็น 3-1 ซึ่งถ้าสกอร์หยุดอยู่แค่นี้ ทีมโฆษกที่พากษ์อยู่ข้างสนามก็บอกว่า เราก็จะได้แชมป์ในฐานะกฏประตูทีมเยือน จนกระทั่งได้เพิ่มมาอีก1 ประตู เป็น 3-2 เป็นการฝังมาเลย์ด้วยผลประตูรวม (ไทย 4 มาเลย์ 3 ) คว้าแชมป์เป็นครั้งที่ 4 และเป็นการกลับมาคว้าแชมป์อีกครั้งในรอบ 12 ปี ที่นำผลการแข่งขันมาทบทวนอีกครั้ง ทั้งที่ทุกคนก็ได้เห็นได้ผ่านสายตากันไปแล้ว แต่ไม่เป็นไรถึงจะพูดซ้ำๆ กันอีกร้อยครั้งพันครั้งก็ไม่มีเบื่อ ไม่รำคาญแน่นอน มีแต่ความสุขจริงมั๊ย !!
00 อย่างไรก็ดี สิ่งที่อยากจะพูดและให้พิจารณาก็คือนี่คือ ผลจาก"ทีมเวิร์ก" เล่นกันเป็นทีมอย่างแท้จริง ไม่เป็นฮีโร่แบบโชว์เดี่ยวเหมือนเช่นที่ผ่านมา เป็นผลจากความมุ่งมั่น ทุ่มเท ร่วมกันตั้งแต่ต้นจนจบ ส่วนสำคัญก็ต้องให้เครดิต "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนที่สร้างทีมมาแบบนี้ ทุ่มเท ควบคุมอารมณ์ท่ามกลางบรรยากาศที่กดดันอย่างหนักได้ดี ผิดกับทุกครั้งที่ผ่านมาที่มักจะทนกับการยั่วยุไม่ค่อยได้ หรือไม่ก็มักจะมีเรื่องชกต่อยในสนาม ทำให้เกิดภาพลบมาอย่างต่อเนื่อง แต่คราวนี้ผิดไปจากทุกครั้ง นักฟุตบอลเล่นกันอย่างทุ่มเท มีสปิริต ที่สำคัญเป็นการ "เล่นแบบเป็มทีม" อย่างที่ว่า ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด จนนำมาสู่ชัยชนะและเป้าหมายในที่สุด !!
00 คำว่าทีมเวิร์กนี่แหละที่เป็นความหมายของ "ความสามัคคี" ซึ่งหากนำมาเปรียบเทียบกับความเป็นชาติที่กำลังต้องการ "ทีมเวิร์ก" เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายสูงสุดในวันข้างหน้า แต่การจะเกิดเรื่องราวแบบนี้ได้ก่อนอื่นก็ต้อง"สร้างศรัทธาร่วมกัน" ให้ได้เสียก่อน ดังนั้นหากเปรียบฟุตบอลทีมชาติไทยสามารถสร้างทีมเวิร์กขึ้นมาได้แล้ว ก็ถึงเวลาที่ประเทศไทยของเราต้องสร้างทีมเวิร์กมาแบบนี้ให้ได้โดยเร็ว แต่เหนืออื่นใดตัวผู้นำซึ่งก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องสร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นมาแบบสิ้นสงสัยขึ้นมาให้ได้ก่อน
00 กระบวนการปฏิรูป การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำลังเดินหน้าไปเรื่อยๆ แต่เท่าที่จับอาการจากปากของ ประธานกมธ.ยกร่าง บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ย้ำอยู่หลายครั้งว่า จะเทน้ำหนักไปที่ "การตรวจสอบและป้องกันทุจริต" ซึ่งแน่นอนว่ากลายเป็นกระแสหลักไปแล้ว อาจจะเรียกว่าเป็นการ "ตกผลึก" ทางความคิดในสังคมไปแล้ว รับรู้กันทั่วแล้วว่า สาเหตุที่บ้านเมืองไม่ไปไหนมาจากสาเหตุเรื่องนี้ตอนแรกอาจชี้หน้าไปที่นักการเมืองฝ่ายเดียว แต่ในความเป็นจริงก็ต้องรวมเอาพวกข้าราชการ และเอกชนเข้าไปด้วย ดังนั้นก็ต้องออกแบบการป้องกันปราบปรามอย่างเข้มงวด นั่นคือ "โกงได้แต่ ต้องติดคุกและหมดอนาคต"
00 สำหรับเป้าหมายของหน่วยงานที่ต้องโดนปฏิรูปแน่ๆ ทุกสายตาย่อมมองไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และวงการตำรวจที่กำลังเสื่อมศรัทธาถึงขีดสุดในเวลานี้ และอาจถึงคราวซวยที่เผือกร้อนมาอยู่ในมือของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. คนปัจจุบัน ที่ถึงอย่างไรก็ฝืนกระแสแบบนี้ไปไม่ได้ ต้องยอมรับชะตากรรมอย่างเดียว วงการอัยการ ก็น่าจะถึงเวลาที่จะต้องปฏิรูปเปลี่ยนแปลง"สถานะ" กันใหม่ ให้อิสระกว่าเดิม ซึ่งหากเป็นแบบนี้เชื่อว่าไม่น่ามีปัญหาโต้แย้ง เพียงแต่ว่าต้องนิยามว่าจะให้ "อิสระแบบไหน" ต่างหาก !!
กำลังโหลดความคิดเห็น