เมื่อเวลา 11.00 น. วานนี้ (17ธ.ค.) บริเวณห้องโถง อาคารรัฐสภา 1 นายประยงค์ ดอกลำไย ที่ปรึกษาและกองเลขาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมเป็นธรรม พร้อมด้วยตัวแทนเครือข่ายขบวนการประชาชนเพื่อสังคมเป็นธรรม เข้ายื่นหนังสือต่อ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) นพ.อำพล จินดาวัฒนะ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ปฎิรูปสังคม ชุมชน เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส สภาปฎิรูปแห่งชาติ เพื่อเรียกร้องให้เยียวยา แก้ไขปัญหาผู้ดับผลกระทบจากคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 64 เรื่องการปราบปราม และหยุดยั้งการบุกรุก ทำลายทรัพยากรป่าไม้ และคำสั่งคสช. ฉบับที่ 66 เรื่อง เพิ่มเติมหน่วยงานสำหรับการปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุก ทำลายทรัพยากรป่าไม้ และนโยบายในการปฏิบัติงานเป็นการชั่วคราวในสภาวะปัจจุบัน ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้มีประชาชนถูกดำเนินคดีจากคำสั่งทั้ง 2 ฉบับ กว่า 500 คน และมีการยึดพื้นที่คืนจาก1,300 ครอบครัว ทั้งที่กว่าร้อยละ 80 เป็นผู้ที่อยู่ในพื้นที่มาก่อน มีประกาศคำสั่งคสช.
นายประยงค์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการร่างรัฐธรรมนูญที่สปช. กำลังพิจารณานำเสนอต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พบว่า ไม่มีการบรรจุเรื่องสิทธิชุมชนอยู่ในหมวดสิทธิ แต่กลับไปอยู่ในหมวดนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ซึ่งทางเครือข่ายฯ ยืนยันว่าเรื่องสิทธิชุมชนต้องบรรจุอยู่ในหมวดสิทธิ เพื่อที่จะได้รับการคุ้มครองมากกว่าไปอยู่ในหมวดนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ซึ่งจะทำหรือไม่ทำก็ได้ รวมทั้งขอเสนอให้ สปช.มีการผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 4 ฉบับ ดังนี้ 1.พ.ร.บ.ภาษีที่ดินก้าวหน้า ซึ่งไม่ใช่กฎหมายฉบับเดียวกับที่รัฐบาลกำลังผลักดัน เพราะ พ.ร.บ.ฉบับนี้จะเป็นการผลักดันการกระจายเข้าถึงที่ดินของประชาชน 2. พ.ร.บ.สิทธิชุมชน 3. พ.ร.บ.ธนาคารที่ดิน 4. พ.ร.บ.กองทุนยุติธรรม
ด้านน.ส.วุฒฒิพร ทิพย์วงศ์ เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฎิรูปสังคมได้อ่านแถลงการณ์เรียกร้อง ให้มีการยุติปฎิบัติการที่สร้างผลกระทบและความเดือดร้อนให้กับประชาชน รวมทั้งเยียวยาให้ความช่วยเหลือและชะลอคดีออกไป ส่วนในระดับนโยบายให้มีการแก้ปัญหาสิทธิชุมชนในที่ดินให้บรรจุอยู่ในรัฐธรรมนูญ มีแผนแม่บทป่าไม้โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม รวมถึงให้มีการพัฒนาผลักดันกลไกกฎหมายเพื่อการปฎิรูป
ด้านนายเทียนฉาย กล่าวภายหลังการรับหนังสือว่า ทุกเรื่องทีรับมาจะดำเนินการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะดำเนินการได้
นายประยงค์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการร่างรัฐธรรมนูญที่สปช. กำลังพิจารณานำเสนอต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พบว่า ไม่มีการบรรจุเรื่องสิทธิชุมชนอยู่ในหมวดสิทธิ แต่กลับไปอยู่ในหมวดนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ซึ่งทางเครือข่ายฯ ยืนยันว่าเรื่องสิทธิชุมชนต้องบรรจุอยู่ในหมวดสิทธิ เพื่อที่จะได้รับการคุ้มครองมากกว่าไปอยู่ในหมวดนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ซึ่งจะทำหรือไม่ทำก็ได้ รวมทั้งขอเสนอให้ สปช.มีการผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 4 ฉบับ ดังนี้ 1.พ.ร.บ.ภาษีที่ดินก้าวหน้า ซึ่งไม่ใช่กฎหมายฉบับเดียวกับที่รัฐบาลกำลังผลักดัน เพราะ พ.ร.บ.ฉบับนี้จะเป็นการผลักดันการกระจายเข้าถึงที่ดินของประชาชน 2. พ.ร.บ.สิทธิชุมชน 3. พ.ร.บ.ธนาคารที่ดิน 4. พ.ร.บ.กองทุนยุติธรรม
ด้านน.ส.วุฒฒิพร ทิพย์วงศ์ เครือข่ายชุมชนเพื่อการปฎิรูปสังคมได้อ่านแถลงการณ์เรียกร้อง ให้มีการยุติปฎิบัติการที่สร้างผลกระทบและความเดือดร้อนให้กับประชาชน รวมทั้งเยียวยาให้ความช่วยเหลือและชะลอคดีออกไป ส่วนในระดับนโยบายให้มีการแก้ปัญหาสิทธิชุมชนในที่ดินให้บรรจุอยู่ในรัฐธรรมนูญ มีแผนแม่บทป่าไม้โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม รวมถึงให้มีการพัฒนาผลักดันกลไกกฎหมายเพื่อการปฎิรูป
ด้านนายเทียนฉาย กล่าวภายหลังการรับหนังสือว่า ทุกเรื่องทีรับมาจะดำเนินการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะดำเนินการได้
