00 ต้องหงายหลังกลับไปอีกรอบกับความพยายามแบบ "โยนหินหยั่งเชิง" อารมณ์สังคมเรื่องการออก กม.นิรโทษกรรม คราวนี้มาในแนวของนักวิชาการ อย่าง เอนก เหล่าธรรมทัศน์ สปช. แม้ว่าความคิดเบื้องต้นจะนำร่องออกมาแบบแนวทางน่าสนใจ นั่นคือ จะนิรโทษกรรมให้กับระดับชาวบ้านที่เข้าร่วมชุมนุม ที่ไม่เกี่ยวกับพวกระดับแกนนำที่ทำผิดอาญา แม้ว่าหากมองในแง่บวก ถือว่ามีความตั้งใจดี แต่สิ่งที่ต้องพิจารณากันก็คือ ทำไมถึงต้องรีบนำเสนอออกมาก่อน ทั้งที่เรื่องหลักๆ การปฏิรูปเรื่องอื่นที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ต้องการยังไม่เป็นรูปเป็นร่างกันเลย ดังนั้น จึงช่วยไม่ได้ที่จะต้องโดนรุมตำหนิจนต้องหงายหลังกลับไปโดยฉับพลัน ความหมายก็คือ ไม่รู้กาละเทศะ นั่นแหละ
00 เชื่อหรือไม่ว่า เรื่อง"นิรโทษกรรม" กลายเป็นของแสลง เป็นเรื่อง "แหยง" กันไปแล้วสำหรับสังคมไทย ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดก็คือ ปล่อยให้เป็นเรื่องของกาลเวลาให้มัน "ตกผลึก" ด้วยตัวของมันเอง ปล่อยให้สังคมได้หันไปคิดเรื่องอื่นกันอีกสักพักใหญ่ๆ ถึงตอนนั้นค่อยมาว่ากัน เพราะหากเจตนาดีต่อบ้านเมือง ต้องการเห็นการสงบสันติเกิดขึ้นอย่างยั่งยืนก็ต้องปล่อยวางไปก่อน ยกเว้นเสียแต่ว่า "มีวาระซ่อนเร้น" มีเจตนาคิดที่จะ "ปรองดองกับโจร" อยู่ตลอดเวลา อย่างนั้นมันก็ต้องเจอกันอีก ความหมายตรงๆ ก็คือ หากยังคิดช่วยเหลือให้ ทักษิณ ชินวัตร ได้พ้นผิด มันก็เตรียมใจไว้เลยต้อง "ลุกเป็นไฟ" ขึ้นมาอีก และคราวนี้ถ้าจะเกิดก็จะหนักกว่าเดิม เชื่อว่าคนอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ น่าจะมี "กุนซือ" ดีๆอ่านอารมณ์ของสังคมได้ทะลุ จะได้ไม่มีปัญหา ทำให้การปฏิรูปทุกด้านเดินหน้าตามเป้าหมาย
00 ไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเข้าใจความหมายในเรื่อง "ปรองดอง" เป็นแบบไหน เพราะการพูดในช่วงจังหวะวันมหามงคล เรียกร้องให้ "ทุกพวก" ปรองดองต่อกัน โดยอ้างเพียงว่าเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าได้ ฟังเผินๆ ก็ไม่ผิด เป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องแบบนี้มันมีรายละเอียด มีหลักการตามธรรมชาติในตัวของมันอยู่แล้ว และทางที่ดีที่สุดก็คือ ปล่อยไปตามกระบวนการยุติธรรมที่ว่ากันไป ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ ระหว่างนี้ก็ปฏิรูป ยกร่างรัฐธรรมนูญในเรื่องสำคัญไปเรื่อยๆ ควบคู่กันไป ซึ่งทุกอย่างต้องฟังเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ หลักการคร่าวๆ มันก็ต้องเป็นแบบนี้ อย่านอกลู่นอกทางเป็นอันขาด เพราะชาวบ้านเขารู้ทัน และไม่มีทางยอม
00 วกมาเรื่องปัญหาชายแดนใต้กันบ้าง ล่าสุด เริ่มมีความคืบหน้าชัดเจนกันมากขึ้นจากคำพูดของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะ ผบ.ทบ. ที่บอกว่าจะเริ่มมีการพูดคุย "สันติสุข" ในกลางเดือนนี้ โดยหัวหน้าทีมเจรจาฝ่ายไทยก็เป็น พล.อ.อักษรา เกิดผล ประธานที่ปรึกษากองทัพบก ที่น่าสนใจก็คือฝ่าย"ผู้ก่อการ" จะมีตัวแทนจากหลายกลุ่มเพื่อให้การพูดคุยมีความคืบหน้าและสร้างสันติสุขได้จริง เพราะต้องคุยกันถึงตัวจริงๆ !!
00 เชื่อหรือไม่ว่า เรื่อง"นิรโทษกรรม" กลายเป็นของแสลง เป็นเรื่อง "แหยง" กันไปแล้วสำหรับสังคมไทย ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดก็คือ ปล่อยให้เป็นเรื่องของกาลเวลาให้มัน "ตกผลึก" ด้วยตัวของมันเอง ปล่อยให้สังคมได้หันไปคิดเรื่องอื่นกันอีกสักพักใหญ่ๆ ถึงตอนนั้นค่อยมาว่ากัน เพราะหากเจตนาดีต่อบ้านเมือง ต้องการเห็นการสงบสันติเกิดขึ้นอย่างยั่งยืนก็ต้องปล่อยวางไปก่อน ยกเว้นเสียแต่ว่า "มีวาระซ่อนเร้น" มีเจตนาคิดที่จะ "ปรองดองกับโจร" อยู่ตลอดเวลา อย่างนั้นมันก็ต้องเจอกันอีก ความหมายตรงๆ ก็คือ หากยังคิดช่วยเหลือให้ ทักษิณ ชินวัตร ได้พ้นผิด มันก็เตรียมใจไว้เลยต้อง "ลุกเป็นไฟ" ขึ้นมาอีก และคราวนี้ถ้าจะเกิดก็จะหนักกว่าเดิม เชื่อว่าคนอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ น่าจะมี "กุนซือ" ดีๆอ่านอารมณ์ของสังคมได้ทะลุ จะได้ไม่มีปัญหา ทำให้การปฏิรูปทุกด้านเดินหน้าตามเป้าหมาย
00 ไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเข้าใจความหมายในเรื่อง "ปรองดอง" เป็นแบบไหน เพราะการพูดในช่วงจังหวะวันมหามงคล เรียกร้องให้ "ทุกพวก" ปรองดองต่อกัน โดยอ้างเพียงว่าเพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าได้ ฟังเผินๆ ก็ไม่ผิด เป็นเรื่องที่ดี แต่เรื่องแบบนี้มันมีรายละเอียด มีหลักการตามธรรมชาติในตัวของมันอยู่แล้ว และทางที่ดีที่สุดก็คือ ปล่อยไปตามกระบวนการยุติธรรมที่ว่ากันไป ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ ระหว่างนี้ก็ปฏิรูป ยกร่างรัฐธรรมนูญในเรื่องสำคัญไปเรื่อยๆ ควบคู่กันไป ซึ่งทุกอย่างต้องฟังเสียงของประชาชนส่วนใหญ่ หลักการคร่าวๆ มันก็ต้องเป็นแบบนี้ อย่านอกลู่นอกทางเป็นอันขาด เพราะชาวบ้านเขารู้ทัน และไม่มีทางยอม
00 วกมาเรื่องปัญหาชายแดนใต้กันบ้าง ล่าสุด เริ่มมีความคืบหน้าชัดเจนกันมากขึ้นจากคำพูดของ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะ ผบ.ทบ. ที่บอกว่าจะเริ่มมีการพูดคุย "สันติสุข" ในกลางเดือนนี้ โดยหัวหน้าทีมเจรจาฝ่ายไทยก็เป็น พล.อ.อักษรา เกิดผล ประธานที่ปรึกษากองทัพบก ที่น่าสนใจก็คือฝ่าย"ผู้ก่อการ" จะมีตัวแทนจากหลายกลุ่มเพื่อให้การพูดคุยมีความคืบหน้าและสร้างสันติสุขได้จริง เพราะต้องคุยกันถึงตัวจริงๆ !!
