"ดอยอินทนนท์" เกิดน้ำค้างแข็งติดต่อกันเป็นวันที่สอง หลังอากาศยังคงหนาวเย็นต่อเนื่อง หัวหน้าอุทยานมั่นใจจะยังคงมีแม่คะนิ้งหรือเหมยขาบเกิดขึ้นอีกเป็นระยะแน่นอน แนะนักท่องเที่ยวรีบจองที่พักล่วงหน้า หลังยอดจองบ้านพักเต็มไปถึงสิ้นปีแล้ว แต่ยังมีเหลือจุดกางเต็นท์ ด้านหลายจังหวัดภาคอีสานเริ่มหนาวต่อเนื่อง ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดใต้ยังน่าห่วง
วานนี้ (23 พ.ย.) มีรายงานจาก จ.เชียงใหม่ แจ้งว่า ช่วงเช้าของวานนี้ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ยังคงเกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งหรือ "เหมยขาบ" (ภาษาพื้นเมืองเหนือ ส่วนอีสานเรียกแม่คะนิ้ง) ต่อเนื่องกันเป็นวันที่สอง หลังจากเมื่อวันที่ 22 พ.ย.เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของฤดูหนาวปีนี้ อย่างไรก็ตาม ปริมาณที่เกิดในวานนี้ยังไม่มากเท่าเมื่อวันที่ 22 พ.ย.โดยพบน้ำค้างแข็งตามยอดหญ้าบริเวณสถานีเรดาร์กองทัพอากาศ บนยอดดอยอินทนนท์ แต่ก็สร้างความตื่นเต้นและความประทับให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
นายพรเทพ เจริญสืบสกุล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศที่นาวเย็นต่อเนื่อง ทำให้ช่วงนี้ได้มีการเกิดปรากฎการณ์น้ำค้างแข็งตามยอดหญ้า ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีว่า อากาศทางภาคเหนือ โดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่ เริ่มหนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่องรับฤดูกาลท่องเที่ยวแล้ว ซึ่งหลังจากนี้คาดว่าจะได้พบเห็นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม คาดจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากในปีที่ผ่านมา
โดยยอดจองที่พักคิวเต็มยาวถึงช่วงมกราคมปีหน้าแล้ว ส่วนจุดกางเต็นท์มีการจองจนเกือบเต็มแล้ว โดยเฉพาะในช่วงวันหยุด มีคนแห่จองเป็นจำนวนมาก จึงอยากฝากเตือนให้ประชาชนที่ต้องการจะมาสัมผัสอากาศหนาว พร้อมทั้งชมความงามของปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง ควรรีบจองที่พักล่วงหน้า
ขณะที่นายวรพจน์ คุณาวิวัฒนางกูร เวรพยากรณ์อากาศ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ เปิดเผยว่า ช่วงนี้บริเวณความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป กับมีหมอกหนาบางพื้นที่ สำหรับภาคเหนือตอนบน อากาศค่อนข้างหนาวถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า โดยเฉพาะบริเวณยอดดอยจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีหมอกปกคลุม
นอกจากนี้ในช่วงวันที่ 25-28 พ.ย. มีลมตะวันตกในระดับบนจากประเทศอินเดียและประเทศพม่าพัดเข้าปกคลุมภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้จะทําให้บริเวณดังกล่าวยัง คงมีอากาศเย็นและอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา จึงขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพให้ดี และควรระวังระวังอันตรายงการใช้ยวดยานพาหนะในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย
**"เชียงราย"หมอกหนาเรือข้ามโขงไม่ได้
ส่วนสภาพอากาศในพื้นที่ จ.เชียงราย หนาวลงอย่างต่อเนื่องหลังมีอากาศเย็นตลอดช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา และยังมีฝนตกลงมาบางวันด้วย โดยอุณหภูมิพื้นราบเฉลี่ยอยู่ที่ต่ำกว่า 19 องศาเซลเซียส ขณะที่ตามยอดดอยสูงอุณหภูมิจะลดต่ำลงอยู่ที่ประมาณ 5-10 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะช่วงกลางคืนและเช้ามืดจะหนาวเย็นกว่ามาก
ด้วยสภาพดังกล่าวทำให้หลายพื้นที่มีหมอกลงจัด การสัญจรตามเส้นทางต่างๆ ต้องใช้ความระมัดระวังโดยเฉพาะจุดที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ ประชาชนต่างต้องนำเสื้อผ้าเครื่องกันหนาวมาสวมใส่เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายกันโดยถ้วนหน้า
ขณะที่สัญจรทางน้ำในแม่น้ำโขงซึ่งมีเรือสินค้าและเรือโดยสารจำนวนมาก ก็ประสบปัญหาเช่นกันเมื่อหมอกลงจัด ทำให้ทั้งเรือสินค้าและเรือโดยสารที่ชาว สปป.ลาว จำนวนมากจะข้ามมาใช้บริการซื้อสินค้าและอื่นๆ ในฝั่งตลาด อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ไม่สามารถเดินเรือได้ตามเวลาปกติ
นายหวัน กุนวงค์ อายุ 50 ปี ชาว สปป.ลาว อาชีพขับเรือข้ามฟากชายแดนไทย-สปป.ลาว ที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย กล่าวว่า หมอกที่ลงจัดในวันนี้ทำให้ไม่สามารถนำเรือออกรับผู้โดยสารได้ตามปกติ ต้องรอจนเวลาหลังประมาณ 09.00 น.อากาศจึงเปิด และสามารถนำเรือออกมารับผู้โดยสารได้ ถ้านำเรือออกเช้าตรู่เหมือนเคยก็เกรงว่าจะเกิดอันตรายชนกันได้เพราะมองไม่เห็นอะไรเลย
**นักท่องเที่ยวแห่ขึ้นชมวิวบนภูคึกคัก
ส่วนหลายจังหวัดทางภาคอีสานอากาศเริ่มหนาวเย้นลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เมื่อช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติในหลายจังหวัดมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนค่อนข้างหนาตา เนื่องจากสภาพอากาศเริ่มหนาวเย็น มีหมอกปกคลุมบางๆ โดยเฉพาะที่ อ.ภูเรือ จ.เลย นักท่องเที่ยวค่อนข้างมากเป็นพิเศษ
โดยเมื่อวานนี้ (23 พ.ย.) มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปสัมผัสอากาศหนาวยอดภูเรือกว่า 1,000 คน โดยเฉพาะที่ไปเฝ้าชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาโหล่นน้อย จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นภูหลวง ภูผาสาด ภูครั่ง และทะเลภูเขา ชัดเจนสวยงาม คาดว่าตลอดช่วงฤดูหนาวนี้จะมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปสัมผัสอากาศหนาวและชมวิวบนยอดภูเรือ หรือบนยอดภูอื่นๆ จำนวนมาก
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยารายงานลักษณะอากาศทั่วไปว่า บริเวณความกดอากาศสูงปกคลุมประเทศไทยตอนบน แต่ยังคงทำให้มีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ในขณะที่ลมตะวันตกเฉียงเหนือจากอินเดียและพม่าพัดปกคลุมภาคเหนือ ทำให้ภาคเหนืออุณหภูมิลดลง 1-2 องศาเซลเซียส ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังอ่อนพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนอยู่ในเกณฑ์กระจาย
**น้ำท่วมใต้หลายจังหวัดยังน่าห่วง
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้โดยร่วมเริ่มคลี่คลาย แต่ก็ยังคงน่าเป็นห่งอยู่อีกหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลา วานนี้เจ้าหน้าที่ได้นำรถแทรกเตอร์พาผู้สื่อข่าวลุยน้ำที่ท่วมสูงเกือบ 1 เมตรเข้าไปสำรวจสภาพพื้นที่หมู่ 4 และหมู่ 6 ต.ปริก ที่ถูกน้ำป่าจากคลองอู่ตะเภาไหลบ่าเข้าท่วม และถูกตัดขาด พบว่ามีบ้านเรือนชาวบ้านกว่า 300 ครัวเรือนที่ยังถูกน้ำท่วมและบางจุดกระแสน้ำไหลแรงเข้าท่วมบ้านเรือน สวนยางพารา และสวนผลไม้ ชาวบ้านบางส่วนที่ถูกน้ำท่วมยอมเสี่ยงขนข้าวของเดินฝ่าน้ำอพยพออกจากพื้นที่ไปอาศัยญาติ หรือเพื่อนบ้านชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย
ขณะที่หน่วยงานต่างๆ ทั้งกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายรัตนพล อ.คลองหอยโข่ง ได้จัดกำลังทหาร ร่วมกับ ตชด.ที่ 437 และฝ่ายปกครองอำเภอสะเดา นำเรือท้องแบนและอุปกรณ์กู้ชีพลงพื้นที่ช่วยเหลือเหลือประชาชนผู้ประสบภัยจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
เช่นเดียวกับพื้นที่ จ.พัทลุง เริ่มคลี่คลายในบางจุด แต่ที่ยังคงมีน้ำท่วมสูงในพื้นที่ริมทะเลสาบสงขลา เนื่องจากน้ำทะเลหนุน โดยเฉพาะพื้นที่ ม.4, 5 ต.พนางตุง อ.ควนขนุน ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 434 พัทลุง ต้องเร่งช่วยอพยพสิ่งของสัตว์เลี้ยงขึ้นที่สูงและปักแนวเขตถนนเพื่อป้องกันความปลอดภัย หลังมวลน้ำที่ไหลลงมาจากคลองท่าแนะ ก่อนไหลลงสู่ทะเลสาบเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน เส้นทางสัญจรเข้าหมู่บ้าน
ส่วนในพื้นที่ ต.นาโหนด ต.ปรางหมู่ ต.พญาขันต์ ต.ชัยบุรี ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง บ้านเรือนประชาชนยังคงมีน้ำท่วม และเส้นทางเข้าออกหมู่บ้านหลายสายยังมีน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ ต.โคกม่วง ต.ควนขนุน ต.หารโพธิ์ ต.จองถนน อ.เขาชัยสน ต.ท่ามะเดื่อ อ.บางแก้ว ระดับเริ่มน่าเป็นห่วงหลังฝนตกหนัก
ขณะที่ชาวบ้านหมู่ที่ 8 ต.หารโพธิ์ อ.เขาชัยสน กว่า 280 ครัวเรือนเร่งขนย้ายส่งของขึ้นที่สูงเป็นการด่วนหลังน้ำจากลำคลองหารโพธิ์ ที่รองรับน้ำจากเทือกเขาบรรทัด อ.กงหรา ไหลผ่านคลองบ้านหัวหมอน ต.นาโหนค ต.ท่าแค อ.เมืองพัทลุง หลากเข้าท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร สวนยางพารา และนาข้าว และกระแสน้ำมีความแรงขึ้น.
วานนี้ (23 พ.ย.) มีรายงานจาก จ.เชียงใหม่ แจ้งว่า ช่วงเช้าของวานนี้ที่อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ยังคงเกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งหรือ "เหมยขาบ" (ภาษาพื้นเมืองเหนือ ส่วนอีสานเรียกแม่คะนิ้ง) ต่อเนื่องกันเป็นวันที่สอง หลังจากเมื่อวันที่ 22 พ.ย.เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของฤดูหนาวปีนี้ อย่างไรก็ตาม ปริมาณที่เกิดในวานนี้ยังไม่มากเท่าเมื่อวันที่ 22 พ.ย.โดยพบน้ำค้างแข็งตามยอดหญ้าบริเวณสถานีเรดาร์กองทัพอากาศ บนยอดดอยอินทนนท์ แต่ก็สร้างความตื่นเต้นและความประทับให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
นายพรเทพ เจริญสืบสกุล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศที่นาวเย็นต่อเนื่อง ทำให้ช่วงนี้ได้มีการเกิดปรากฎการณ์น้ำค้างแข็งตามยอดหญ้า ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีว่า อากาศทางภาคเหนือ โดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่ เริ่มหนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่องรับฤดูกาลท่องเที่ยวแล้ว ซึ่งหลังจากนี้คาดว่าจะได้พบเห็นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม คาดจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากในปีที่ผ่านมา
โดยยอดจองที่พักคิวเต็มยาวถึงช่วงมกราคมปีหน้าแล้ว ส่วนจุดกางเต็นท์มีการจองจนเกือบเต็มแล้ว โดยเฉพาะในช่วงวันหยุด มีคนแห่จองเป็นจำนวนมาก จึงอยากฝากเตือนให้ประชาชนที่ต้องการจะมาสัมผัสอากาศหนาว พร้อมทั้งชมความงามของปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง ควรรีบจองที่พักล่วงหน้า
ขณะที่นายวรพจน์ คุณาวิวัฒนางกูร เวรพยากรณ์อากาศ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคเหนือ เปิดเผยว่า ช่วงนี้บริเวณความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป กับมีหมอกหนาบางพื้นที่ สำหรับภาคเหนือตอนบน อากาศค่อนข้างหนาวถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า โดยเฉพาะบริเวณยอดดอยจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีหมอกปกคลุม
นอกจากนี้ในช่วงวันที่ 25-28 พ.ย. มีลมตะวันตกในระดับบนจากประเทศอินเดียและประเทศพม่าพัดเข้าปกคลุมภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้จะทําให้บริเวณดังกล่าวยัง คงมีอากาศเย็นและอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา จึงขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพให้ดี และควรระวังระวังอันตรายงการใช้ยวดยานพาหนะในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย
**"เชียงราย"หมอกหนาเรือข้ามโขงไม่ได้
ส่วนสภาพอากาศในพื้นที่ จ.เชียงราย หนาวลงอย่างต่อเนื่องหลังมีอากาศเย็นตลอดช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา และยังมีฝนตกลงมาบางวันด้วย โดยอุณหภูมิพื้นราบเฉลี่ยอยู่ที่ต่ำกว่า 19 องศาเซลเซียส ขณะที่ตามยอดดอยสูงอุณหภูมิจะลดต่ำลงอยู่ที่ประมาณ 5-10 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะช่วงกลางคืนและเช้ามืดจะหนาวเย็นกว่ามาก
ด้วยสภาพดังกล่าวทำให้หลายพื้นที่มีหมอกลงจัด การสัญจรตามเส้นทางต่างๆ ต้องใช้ความระมัดระวังโดยเฉพาะจุดที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ ประชาชนต่างต้องนำเสื้อผ้าเครื่องกันหนาวมาสวมใส่เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายกันโดยถ้วนหน้า
ขณะที่สัญจรทางน้ำในแม่น้ำโขงซึ่งมีเรือสินค้าและเรือโดยสารจำนวนมาก ก็ประสบปัญหาเช่นกันเมื่อหมอกลงจัด ทำให้ทั้งเรือสินค้าและเรือโดยสารที่ชาว สปป.ลาว จำนวนมากจะข้ามมาใช้บริการซื้อสินค้าและอื่นๆ ในฝั่งตลาด อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ไม่สามารถเดินเรือได้ตามเวลาปกติ
นายหวัน กุนวงค์ อายุ 50 ปี ชาว สปป.ลาว อาชีพขับเรือข้ามฟากชายแดนไทย-สปป.ลาว ที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย กล่าวว่า หมอกที่ลงจัดในวันนี้ทำให้ไม่สามารถนำเรือออกรับผู้โดยสารได้ตามปกติ ต้องรอจนเวลาหลังประมาณ 09.00 น.อากาศจึงเปิด และสามารถนำเรือออกมารับผู้โดยสารได้ ถ้านำเรือออกเช้าตรู่เหมือนเคยก็เกรงว่าจะเกิดอันตรายชนกันได้เพราะมองไม่เห็นอะไรเลย
**นักท่องเที่ยวแห่ขึ้นชมวิวบนภูคึกคัก
ส่วนหลายจังหวัดทางภาคอีสานอากาศเริ่มหนาวเย้นลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เมื่อช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติในหลายจังหวัดมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนค่อนข้างหนาตา เนื่องจากสภาพอากาศเริ่มหนาวเย็น มีหมอกปกคลุมบางๆ โดยเฉพาะที่ อ.ภูเรือ จ.เลย นักท่องเที่ยวค่อนข้างมากเป็นพิเศษ
โดยเมื่อวานนี้ (23 พ.ย.) มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปสัมผัสอากาศหนาวยอดภูเรือกว่า 1,000 คน โดยเฉพาะที่ไปเฝ้าชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ผาโหล่นน้อย จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นภูหลวง ภูผาสาด ภูครั่ง และทะเลภูเขา ชัดเจนสวยงาม คาดว่าตลอดช่วงฤดูหนาวนี้จะมีนักท่องเที่ยวขึ้นไปสัมผัสอากาศหนาวและชมวิวบนยอดภูเรือ หรือบนยอดภูอื่นๆ จำนวนมาก
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยารายงานลักษณะอากาศทั่วไปว่า บริเวณความกดอากาศสูงปกคลุมประเทศไทยตอนบน แต่ยังคงทำให้มีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ในขณะที่ลมตะวันตกเฉียงเหนือจากอินเดียและพม่าพัดปกคลุมภาคเหนือ ทำให้ภาคเหนืออุณหภูมิลดลง 1-2 องศาเซลเซียส ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังอ่อนพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้ภาคใต้มีฝนอยู่ในเกณฑ์กระจาย
**น้ำท่วมใต้หลายจังหวัดยังน่าห่วง
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้โดยร่วมเริ่มคลี่คลาย แต่ก็ยังคงน่าเป็นห่งอยู่อีกหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลา วานนี้เจ้าหน้าที่ได้นำรถแทรกเตอร์พาผู้สื่อข่าวลุยน้ำที่ท่วมสูงเกือบ 1 เมตรเข้าไปสำรวจสภาพพื้นที่หมู่ 4 และหมู่ 6 ต.ปริก ที่ถูกน้ำป่าจากคลองอู่ตะเภาไหลบ่าเข้าท่วม และถูกตัดขาด พบว่ามีบ้านเรือนชาวบ้านกว่า 300 ครัวเรือนที่ยังถูกน้ำท่วมและบางจุดกระแสน้ำไหลแรงเข้าท่วมบ้านเรือน สวนยางพารา และสวนผลไม้ ชาวบ้านบางส่วนที่ถูกน้ำท่วมยอมเสี่ยงขนข้าวของเดินฝ่าน้ำอพยพออกจากพื้นที่ไปอาศัยญาติ หรือเพื่อนบ้านชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย
ขณะที่หน่วยงานต่างๆ ทั้งกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายรัตนพล อ.คลองหอยโข่ง ได้จัดกำลังทหาร ร่วมกับ ตชด.ที่ 437 และฝ่ายปกครองอำเภอสะเดา นำเรือท้องแบนและอุปกรณ์กู้ชีพลงพื้นที่ช่วยเหลือเหลือประชาชนผู้ประสบภัยจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
เช่นเดียวกับพื้นที่ จ.พัทลุง เริ่มคลี่คลายในบางจุด แต่ที่ยังคงมีน้ำท่วมสูงในพื้นที่ริมทะเลสาบสงขลา เนื่องจากน้ำทะเลหนุน โดยเฉพาะพื้นที่ ม.4, 5 ต.พนางตุง อ.ควนขนุน ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 434 พัทลุง ต้องเร่งช่วยอพยพสิ่งของสัตว์เลี้ยงขึ้นที่สูงและปักแนวเขตถนนเพื่อป้องกันความปลอดภัย หลังมวลน้ำที่ไหลลงมาจากคลองท่าแนะ ก่อนไหลลงสู่ทะเลสาบเอ่อล้นเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน เส้นทางสัญจรเข้าหมู่บ้าน
ส่วนในพื้นที่ ต.นาโหนด ต.ปรางหมู่ ต.พญาขันต์ ต.ชัยบุรี ต.ลำปำ อ.เมืองพัทลุง บ้านเรือนประชาชนยังคงมีน้ำท่วม และเส้นทางเข้าออกหมู่บ้านหลายสายยังมีน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ ต.โคกม่วง ต.ควนขนุน ต.หารโพธิ์ ต.จองถนน อ.เขาชัยสน ต.ท่ามะเดื่อ อ.บางแก้ว ระดับเริ่มน่าเป็นห่วงหลังฝนตกหนัก
ขณะที่ชาวบ้านหมู่ที่ 8 ต.หารโพธิ์ อ.เขาชัยสน กว่า 280 ครัวเรือนเร่งขนย้ายส่งของขึ้นที่สูงเป็นการด่วนหลังน้ำจากลำคลองหารโพธิ์ ที่รองรับน้ำจากเทือกเขาบรรทัด อ.กงหรา ไหลผ่านคลองบ้านหัวหมอน ต.นาโหนค ต.ท่าแค อ.เมืองพัทลุง หลากเข้าท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร สวนยางพารา และนาข้าว และกระแสน้ำมีความแรงขึ้น.