วานนี้ (13พ.ย.) นายดุษฎี พรสุขสวัสดิ์ รองเลขาธิการ กกต. ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย เปิดเผยถึงความคืบหน้าสำนวนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งส.ส.ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพวก กรณีเดินทางลงพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน โดยใช้ทรัพยากรของรัฐ และเจ้าหน้าที่รัฐไปหาเสียง ระหว่างที่มีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า ขณะนี้ได้รับรายงานว่าคณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนได้ขอขยายระยะเวลาออกไปอีก 30 วัน เป็นครั้งที่ 3 เนื่องจากทางพยานฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ขอเลื่อน เพื่อรวบรวมเอกสารหลักฐานพยานให้ ครบถ้วนก่อน
นอกจากนี้ กกต.ยังได้ขยายระยะเวลาออกไปอีก 30 วัน กรณีคำร้องอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย ไปออกรายการสถานีโทรทัศน์และวิทยุแห่งประเทศไทย เช่นเดียวกันด้วย
"ยืนยันว่ากระบวนการสอบสวนต้องทำตามกฎหมายที่กำหนด ไม่มีใครมาแทรกแซงการทำงานได้ เข้าใจว่าทางอนุกรรมการฯ คงมีเหตุผลที่ขอเลื่อนระยะเวลาออกไปก่อน" นายดุษฎี กล่าว
ด้านนายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่าตนยังไม่ได้รับรายงานจากนายดุษฎี แต่ทราบว่า มีการขยายเวลาออกไปอีก 30 วัน เนื่องจากรายละเอียดต่างๆยังไม่เรียบร้อย ซึ่งอยู่ในกระบวนการของคณะอนุกรรมการสอบสวน ทั้งนี้การขยายเวลาดังกล่าว เป็นอำนาจของคณะอนุกรรมการ และสามารถดำเนินการได้ อยู่ซึ่งการกำหนดวันเวลาต่างๆ มีแนวทางปฏิบัติอยู่แล้ว ทางกกต. ไม่สามารถก้าวก่ายการทำงานได้
เมื่อถามว่า การขยายเวลาออกไปอีกเป็นครั้งที่ 3 แล้ว จะเป็นการยื้อเวลาหรือไม่ นายภุชงค์ กล่าวว่าเราต่างทำตามอำนาจหน้าที่ ไม่ได้ยื้ออะไร เพราะเราทำขั้นตอนและกฎหมาย ทั้งนี้ทางกกต.ไม่ได้จะปัดความรับผิดชอบ หรือไม่ติดตามเรื่องดังกล่าว แต่กระบวนการสอบสวนเป็นการแยกส่วนกัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
**ป.ป.ช.ถกสำนวนถอดถอน39อดีต ส.ว.
ในวันเดียวกันนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) นัดประชุมพิจารณาสำนวนคดีถอดถอนอดีตสมาชิกวุฒิสภา 39 ราย จากกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาส.ว.โดยมิชอบ หลังมีมติเลื่อนส่งสำนวนให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาออกไปก่อน เนื่องจากการประชุมครั้งก่อน คณะกรรมการฯ ยังเห็นว่าข้อมูลบางส่วนยังไม่สมบูรณ์พอที่จะพิจารณาได้ จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลับไปทำรายงานข้อมูลมาเพิ่มเติม และกลับมารายงานกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาอีกครั้ง โดยการประชุมครั้งนี้ เป็นขั้นตอนการพิจารณารายงานข้อมูลเพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่ ซึ่งต้องรอดูว่าป.ป.ช.จะมีข้อสรุปในเรื่องนี้อย่างไร
ส่วนสำนวนถอดถอน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และ นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา จากกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปมที่มาส.ว.โดยมิชอบ จะเข้าสู่การพิจารณาของสนช.ในวันที่ 27 พ.ย.นี้
นอกจากนี้ กกต.ยังได้ขยายระยะเวลาออกไปอีก 30 วัน กรณีคำร้องอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย ไปออกรายการสถานีโทรทัศน์และวิทยุแห่งประเทศไทย เช่นเดียวกันด้วย
"ยืนยันว่ากระบวนการสอบสวนต้องทำตามกฎหมายที่กำหนด ไม่มีใครมาแทรกแซงการทำงานได้ เข้าใจว่าทางอนุกรรมการฯ คงมีเหตุผลที่ขอเลื่อนระยะเวลาออกไปก่อน" นายดุษฎี กล่าว
ด้านนายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่าตนยังไม่ได้รับรายงานจากนายดุษฎี แต่ทราบว่า มีการขยายเวลาออกไปอีก 30 วัน เนื่องจากรายละเอียดต่างๆยังไม่เรียบร้อย ซึ่งอยู่ในกระบวนการของคณะอนุกรรมการสอบสวน ทั้งนี้การขยายเวลาดังกล่าว เป็นอำนาจของคณะอนุกรรมการ และสามารถดำเนินการได้ อยู่ซึ่งการกำหนดวันเวลาต่างๆ มีแนวทางปฏิบัติอยู่แล้ว ทางกกต. ไม่สามารถก้าวก่ายการทำงานได้
เมื่อถามว่า การขยายเวลาออกไปอีกเป็นครั้งที่ 3 แล้ว จะเป็นการยื้อเวลาหรือไม่ นายภุชงค์ กล่าวว่าเราต่างทำตามอำนาจหน้าที่ ไม่ได้ยื้ออะไร เพราะเราทำขั้นตอนและกฎหมาย ทั้งนี้ทางกกต.ไม่ได้จะปัดความรับผิดชอบ หรือไม่ติดตามเรื่องดังกล่าว แต่กระบวนการสอบสวนเป็นการแยกส่วนกัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
**ป.ป.ช.ถกสำนวนถอดถอน39อดีต ส.ว.
ในวันเดียวกันนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) นัดประชุมพิจารณาสำนวนคดีถอดถอนอดีตสมาชิกวุฒิสภา 39 ราย จากกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาส.ว.โดยมิชอบ หลังมีมติเลื่อนส่งสำนวนให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาออกไปก่อน เนื่องจากการประชุมครั้งก่อน คณะกรรมการฯ ยังเห็นว่าข้อมูลบางส่วนยังไม่สมบูรณ์พอที่จะพิจารณาได้ จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลับไปทำรายงานข้อมูลมาเพิ่มเติม และกลับมารายงานกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาอีกครั้ง โดยการประชุมครั้งนี้ เป็นขั้นตอนการพิจารณารายงานข้อมูลเพิ่มเติมของเจ้าหน้าที่ ซึ่งต้องรอดูว่าป.ป.ช.จะมีข้อสรุปในเรื่องนี้อย่างไร
ส่วนสำนวนถอดถอน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และ นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา จากกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปมที่มาส.ว.โดยมิชอบ จะเข้าสู่การพิจารณาของสนช.ในวันที่ 27 พ.ย.นี้