การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 22 ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 9-11 พ.ย.57 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เข้าร่วมประชุมเสร็จสิ้นลงแล้ว โดยที่ประชุมออกแถลงการณ์ร่วม เนื่องในโอกาสก่อตั้งเอเปกครบ 25 ปี สร้างอนาคตด้วยความเป็นหุ้นส่วนของเอเชีย-แปซิฟิก แถลงการณ์ดังกล่าว ระบุว่า การทำงานตลอด 25 ปีที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จหลายด้าน การเปิดเสรี และอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน และลดความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจระหว่างเขตเศรษฐกิจ เอเปกและเขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก กำลังอยู่ในจุดเริ่มต้นสำคัญของประวัติศาสตร์ และกำลังเผชิญกับโอกาสและความท้าทายต่างๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เขตเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก มีพัฒนาการโดยรวมที่เข้มแข็งและมั่นคง ด้วยความพยายามจากหลายฝ่ายในการปฏิรูปรูปแบบการพัฒนา ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
การรวมตัวกันวันนี้ เป็นการให้คำมั่นที่จะสร้างความต่อเนื่องจากความสำเร็จในอดีตของเอเปก และสร้างอนาคตด้วยความเป็นหุ้นส่วนของเอเชีย-แปซิฟิก ด้วยความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน ความครอบคลุมรอบด้านอย่างมีนวัตกรรม โดยความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ทุกฝ่าย ยืนยันจะบรรลุข้อตกลงโบกอร์ ภายในปี ค.ศ. 2020(2563) และจัดทำการศึกษาความเป็นไปได้ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการก่อตั้งเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิกภายในปี พ.ศ.2568 และมุ่งมั่นจะปฏิบัติตามพิมพ์เขียวด้านการสร้างความเชื่อมโยง และบรรลุเป้าหมายที่ครอบคลุมในการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง โดยเชื่อว่า ความพยายามต่างๆ เหล่านี้จะนำพาเอเชีย-แปซิฟิกสู่อนาคตอันสดใส จะเกิดการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นขึ้น มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนอันเกิดจากนวัตกรรม และการปฏิรูป และจะทำหน้าที่เป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกต่อไป
หลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ และคณะได้เดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่ง โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ ไปยังกรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 25 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 12-13 พ.ย.ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวถึงการร่วมงานเลี้ยงผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ว่า ได้พบผู้นำทุกประเทศ รวมถึงได้พุดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายบารัก โอบามา นายวลาดิเมียร์ ปูติน นายกรัฐมนตรีรัสเซีย ซึ่งทุกประเทศสอบถามถึงสถานการณ์ในประเทศไทย ว่ามีความสุขกันหรือยัง ซึ่งได้บอกไปว่า บรรยากาศดีแล้ว แต่ขอเวลาปฏิรูปประเทศระยะหนึ่งก่อน
"ได้พูดกับประธานาธิบดีโอบามาด้วย เขาแสดงความเป็นห่วง ผมก็ขอบคุณที่เป็นห่วง และยืนยันจะทำให้ดีที่สุด ได้พบกับ 'ปูติน' ก็ถามว่า ประเทศไทยเป็นไง เรียบร้อยหรือยัง ผมก็บอกเรียบร้อยดี ขอเวลาเราระยะหนึ่ง ทุกคนก็ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้พูดเรื่องความขัดแย้ง ผมบอกทุกประเทศว่า ประเทศไทยสงบสุขพอสมควรแล้ว การท่องเที่ยวก็ดีขึ้น ได้เชิญชวนให้ทุกประเทศมาเที่ยวเมืองไทยด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นและจีน บอกว่าจะยกเลิกประกาศเตือนเพื่อให้คนมาเที่ยว ทุกประเทศกล่าวขวัญถึงประเทศไทยในทางที่ดีหมด" นายกรัฐมนตรี กล่าว
การรวมตัวกันวันนี้ เป็นการให้คำมั่นที่จะสร้างความต่อเนื่องจากความสำเร็จในอดีตของเอเปก และสร้างอนาคตด้วยความเป็นหุ้นส่วนของเอเชีย-แปซิฟิก ด้วยความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน ความครอบคลุมรอบด้านอย่างมีนวัตกรรม โดยความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ทุกฝ่าย ยืนยันจะบรรลุข้อตกลงโบกอร์ ภายในปี ค.ศ. 2020(2563) และจัดทำการศึกษาความเป็นไปได้ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการก่อตั้งเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิกภายในปี พ.ศ.2568 และมุ่งมั่นจะปฏิบัติตามพิมพ์เขียวด้านการสร้างความเชื่อมโยง และบรรลุเป้าหมายที่ครอบคลุมในการเสริมสร้างความแข็งแกร่ง โดยเชื่อว่า ความพยายามต่างๆ เหล่านี้จะนำพาเอเชีย-แปซิฟิกสู่อนาคตอันสดใส จะเกิดการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นขึ้น มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนอันเกิดจากนวัตกรรม และการปฏิรูป และจะทำหน้าที่เป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกต่อไป
หลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ และคณะได้เดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติกรุงปักกิ่ง โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ ไปยังกรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 25 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 12-13 พ.ย.ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวถึงการร่วมงานเลี้ยงผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ว่า ได้พบผู้นำทุกประเทศ รวมถึงได้พุดคุยกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายบารัก โอบามา นายวลาดิเมียร์ ปูติน นายกรัฐมนตรีรัสเซีย ซึ่งทุกประเทศสอบถามถึงสถานการณ์ในประเทศไทย ว่ามีความสุขกันหรือยัง ซึ่งได้บอกไปว่า บรรยากาศดีแล้ว แต่ขอเวลาปฏิรูปประเทศระยะหนึ่งก่อน
"ได้พูดกับประธานาธิบดีโอบามาด้วย เขาแสดงความเป็นห่วง ผมก็ขอบคุณที่เป็นห่วง และยืนยันจะทำให้ดีที่สุด ได้พบกับ 'ปูติน' ก็ถามว่า ประเทศไทยเป็นไง เรียบร้อยหรือยัง ผมก็บอกเรียบร้อยดี ขอเวลาเราระยะหนึ่ง ทุกคนก็ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้พูดเรื่องความขัดแย้ง ผมบอกทุกประเทศว่า ประเทศไทยสงบสุขพอสมควรแล้ว การท่องเที่ยวก็ดีขึ้น ได้เชิญชวนให้ทุกประเทศมาเที่ยวเมืองไทยด้วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นและจีน บอกว่าจะยกเลิกประกาศเตือนเพื่อให้คนมาเที่ยว ทุกประเทศกล่าวขวัญถึงประเทศไทยในทางที่ดีหมด" นายกรัฐมนตรี กล่าว