รมว.มหาดไทย สั่ง ปภ.จับตาเฝ้าระวังมรสุมพื้นที่ภาคใต้และให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ถูกำน้ำท่วม ขณะที่หลายจังหวัดภาคใต้ยังถูกน้ำท่วม ที่ "พัทลุง"น้ำป่าเริ่มรุนแรงขยายวงกว้าง ส่วนที่ตรังน้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัดไหลท่วม 3 อำเภอชาวบ้านติดค้างอยู่ในบ้านเรือน
วานนี้ (10 พ.ย.) พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า จากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงเคลื่อนตัวเข้าปกคลุมภาคใต้ที่ผ่านมา ทำให้มีฝนตกหนักและเกิดน้ำท่วม ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ค่อนข้างรุนแรงใน 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ชุมพร นครศรีธรรมราช และ จ.ปัตตานี ซึ่งทางศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 (ศบภ.ทภ.4) ได้จัดกำลังพล เข้าช่วยเหลือประชาชน และปัจจุบันระดับน้ำลดลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า สำหรับในพื้นที่จังหวัดอื่นนั้นสถานการณ์ไม่รุนแรง ซึ่งทางพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ยังคงให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อม และติดตามข่าวสภาพอากาศเป็นระยะ เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนสามารถดำเนินการได้ทันทีในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น โดยเฉพาะศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก(ศบภ.ทบ.) และศบภ.ทภ.4 เตรียมความพร้อมทั้งกำลังพลและเครื่องมือเพื่อคอยให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยไว้จำนวน 17 กองร้อย
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ถึงผลกระทบจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคใต้ตอนล่าง โดยมีพื้นที่ประสบภัย 5 จังหวัด ได้แก่ จ.กระบี่ ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง และ จ.ปัตตานี อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้ ปภ.ประสานการปฏิบัติการแก้ไขปัญหากับจังหวัดอย่างใกล้ชิด ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยความรวดเร็วทั่วถึง ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยให้ความสำคัญกับการดูแลชีวิตความเป็นอยู่และความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก และเร่งสำรวจความเสียหายวางแผนแก้ไขปัญหาได้สอดคล้องกับสภาพปัญหา มุ่งเน้นการเร่งระบายน้ำ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำเปิดทางน้ำให้น้ำระบายลงสู่ทะเลโดยเร็วที่สุด ควบคู่กับการเตรียมพร้อมรับมือป้องกันน้ำท่วมพื้นที่สำคัญ
"ที่สำคัญได้เน้นย้ำให้ทุกจังหวัดภาคใต้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างเต็มกำลัง ให้สามารถแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที" รมว.มหาดไทย กล่าว
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ประชาชนยังคงได้รับความเดือดร้อนต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.พัทลุง เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ฝนได้เริ่มตกลงมาอีกรอบ ในขณะน้ำที่ท่วมบริเวณแยกโพธิ์ทองบนถนนสายเอเชียฝั่งขาขึ้นระดับน้ำเริ่มลดลง แต่ระดับน้ำที่ท่วมเส้นทางเข้า อ.ศรีบรรพต อ.ควนขนุน ยังทรงตัว
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวณชายแดนที่ 434 พัทลุงได้เร่งนำกระสอบทรายบรรจุเพื่อสร้างแนวตลิ่งป้องกันการกัดเซาะให้กับชาวบ้านท้องที่ ต.ชะมวง หลังคลองกั้นน้ำฝายท่าแนะกัดเซาะจนน้ำไหลทะลักและป้องกันน้ำกัดเซาะตลิ่งเข้าบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ติดลำคลอง
ส่วนมวลน้ำป่าที่ไหลลงมาจาก ต.ชะมวง ในช่วงเช้าได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนถนนในหมู่บ้าน ต.ควนขนุน ต.ปันแต ต.มะกอกเหนือ ต.พะนางตุง อ.ควนขนุน โดยระดับน้ำสูงบนถนนเฉลี่ย 30-40 เซนติเมตร ขณะที่ทาง จ.พัทลุง กำลังเร่งเข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้กว่า 1,800 ครัวเรือน
ส่วนในพื้นที่ จ.ตรัง หลังจากฝนตกหนักติดต่อกัน 3 วัน ทำให้เกิดเหตุน้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัด เขาน้ำพราย และน้ำป่าจาก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านอย่างรวดเร็วรวม 3 อำเภอของ จ.ตรังได้แก่ อ.ห้วยยอด อ.นาโยง และ อ.เมืองตรัง ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกว่า 20 หมู่บ้าน นับร้อยหลังคาเรือน โดยเฉพาะหมู่ที่ 7 ต.ลำภูรา อ.ห้วยยอด ระดับน้ำไหลเชี่ยวกรากและสูงกว่า 1.3 เมตร ทหารจากค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ร.15 พัน.4 จ.ตรัง ต้องนำเรือท้องแบนออกช่วยนางเจือ สิทธิชัย อายุ 67 ปี กับนางจันจิรา เย่าตัก อายุ 26 ปี สองแม่ลูกออกมาจากบ้านได้อย่างปลอดภัย ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวและเพิ่มสูงขึ้น
ที่หมู่ที่ 8 ต.นาโยงใต้ อ.เมือง จ.ตรัง ระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่งและไหลเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตร ถนนทางเข้าหมู่บ้านและบ้านเรือนชาวบ้านกว่า 20 หลังคาเรือน ส่วนที่ ต.ช่อง ต.ละมอ และ ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง น้ำได้ไหลท่วมบ้านเรือนชาวบ้านอีกกว่า 30 หลังคาเรือน คาดว่าช่วงเย็นน้ำไหลเข้าท่วม อ.เมืองตรัง
กระบี่ น้ำขยายวงกว้าง พบถนนในหมู่บ้านถูกตัดขาดอีกหลายสาย ด้านชาวบ้านทำแพเพื่อเดินทางไปมาแล้ว
ขณะที่ใน จ.กระบี่ ระดับน้ำในคลองสินปุนพื้นที่ ต.สินปุน อ.เขาพนม ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเนื่องจากรับน้ำมาจากพื้นที่ อ.คลองท่อม อ.ลำทับ จ.กระบี่ และ อ.บางขัน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ล่าสุดนายอนุรักษ์ สุดสาย ปลัดอาวุโสอำเภอเขาพนม ได้เข้าตรวจสอบพบว่า น้ำขยายวงกว้างไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร และถนนในหมู่บ้านเพิ่มเป็น 3 หมู่ ประกอบด้วยหมู่ 4, 5 และ 6 และไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลง ชาวบ้านเดือดร้อนกว่า 100 ครอบครัว โดยพบว่ามีถนนในหมู่บ้านถูกน้ำท่วมแล้ว 4 สาย และมีถนนเชื่อมต่อระหว่าง ต.สินปุน กับ ต.กุแระ น้ำสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านได้ทำแพเพื่อใช้ในการเดินทางซื้อสินค้าแล้ว
วานนี้ (10 พ.ย.) พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า จากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงเคลื่อนตัวเข้าปกคลุมภาคใต้ที่ผ่านมา ทำให้มีฝนตกหนักและเกิดน้ำท่วม ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ค่อนข้างรุนแรงใน 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ชุมพร นครศรีธรรมราช และ จ.ปัตตานี ซึ่งทางศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพภาคที่ 4 (ศบภ.ทภ.4) ได้จัดกำลังพล เข้าช่วยเหลือประชาชน และปัจจุบันระดับน้ำลดลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
พ.อ.วินธัย กล่าวว่า สำหรับในพื้นที่จังหวัดอื่นนั้นสถานการณ์ไม่รุนแรง ซึ่งทางพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ยังคงให้ทุกหน่วยเตรียมความพร้อม และติดตามข่าวสภาพอากาศเป็นระยะ เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนสามารถดำเนินการได้ทันทีในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น โดยเฉพาะศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก(ศบภ.ทบ.) และศบภ.ทภ.4 เตรียมความพร้อมทั้งกำลังพลและเครื่องมือเพื่อคอยให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยไว้จำนวน 17 กองร้อย
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ถึงผลกระทบจากหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคใต้ตอนล่าง โดยมีพื้นที่ประสบภัย 5 จังหวัด ได้แก่ จ.กระบี่ ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง และ จ.ปัตตานี อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้ ปภ.ประสานการปฏิบัติการแก้ไขปัญหากับจังหวัดอย่างใกล้ชิด ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยความรวดเร็วทั่วถึง ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยให้ความสำคัญกับการดูแลชีวิตความเป็นอยู่และความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก และเร่งสำรวจความเสียหายวางแผนแก้ไขปัญหาได้สอดคล้องกับสภาพปัญหา มุ่งเน้นการเร่งระบายน้ำ กำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำเปิดทางน้ำให้น้ำระบายลงสู่ทะเลโดยเร็วที่สุด ควบคู่กับการเตรียมพร้อมรับมือป้องกันน้ำท่วมพื้นที่สำคัญ
"ที่สำคัญได้เน้นย้ำให้ทุกจังหวัดภาคใต้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างเต็มกำลัง ให้สามารถแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที" รมว.มหาดไทย กล่าว
ด้านสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ประชาชนยังคงได้รับความเดือดร้อนต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.พัทลุง เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ฝนได้เริ่มตกลงมาอีกรอบ ในขณะน้ำที่ท่วมบริเวณแยกโพธิ์ทองบนถนนสายเอเชียฝั่งขาขึ้นระดับน้ำเริ่มลดลง แต่ระดับน้ำที่ท่วมเส้นทางเข้า อ.ศรีบรรพต อ.ควนขนุน ยังทรงตัว
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวณชายแดนที่ 434 พัทลุงได้เร่งนำกระสอบทรายบรรจุเพื่อสร้างแนวตลิ่งป้องกันการกัดเซาะให้กับชาวบ้านท้องที่ ต.ชะมวง หลังคลองกั้นน้ำฝายท่าแนะกัดเซาะจนน้ำไหลทะลักและป้องกันน้ำกัดเซาะตลิ่งเข้าบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ติดลำคลอง
ส่วนมวลน้ำป่าที่ไหลลงมาจาก ต.ชะมวง ในช่วงเช้าได้ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนถนนในหมู่บ้าน ต.ควนขนุน ต.ปันแต ต.มะกอกเหนือ ต.พะนางตุง อ.ควนขนุน โดยระดับน้ำสูงบนถนนเฉลี่ย 30-40 เซนติเมตร ขณะที่ทาง จ.พัทลุง กำลังเร่งเข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้กว่า 1,800 ครัวเรือน
ส่วนในพื้นที่ จ.ตรัง หลังจากฝนตกหนักติดต่อกัน 3 วัน ทำให้เกิดเหตุน้ำป่าจากเทือกเขาบรรทัด เขาน้ำพราย และน้ำป่าจาก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านอย่างรวดเร็วรวม 3 อำเภอของ จ.ตรังได้แก่ อ.ห้วยยอด อ.นาโยง และ อ.เมืองตรัง ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกว่า 20 หมู่บ้าน นับร้อยหลังคาเรือน โดยเฉพาะหมู่ที่ 7 ต.ลำภูรา อ.ห้วยยอด ระดับน้ำไหลเชี่ยวกรากและสูงกว่า 1.3 เมตร ทหารจากค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ร.15 พัน.4 จ.ตรัง ต้องนำเรือท้องแบนออกช่วยนางเจือ สิทธิชัย อายุ 67 ปี กับนางจันจิรา เย่าตัก อายุ 26 ปี สองแม่ลูกออกมาจากบ้านได้อย่างปลอดภัย ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวและเพิ่มสูงขึ้น
ที่หมู่ที่ 8 ต.นาโยงใต้ อ.เมือง จ.ตรัง ระดับน้ำเอ่อล้นตลิ่งและไหลเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตร ถนนทางเข้าหมู่บ้านและบ้านเรือนชาวบ้านกว่า 20 หลังคาเรือน ส่วนที่ ต.ช่อง ต.ละมอ และ ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง น้ำได้ไหลท่วมบ้านเรือนชาวบ้านอีกกว่า 30 หลังคาเรือน คาดว่าช่วงเย็นน้ำไหลเข้าท่วม อ.เมืองตรัง
กระบี่ น้ำขยายวงกว้าง พบถนนในหมู่บ้านถูกตัดขาดอีกหลายสาย ด้านชาวบ้านทำแพเพื่อเดินทางไปมาแล้ว
ขณะที่ใน จ.กระบี่ ระดับน้ำในคลองสินปุนพื้นที่ ต.สินปุน อ.เขาพนม ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเนื่องจากรับน้ำมาจากพื้นที่ อ.คลองท่อม อ.ลำทับ จ.กระบี่ และ อ.บางขัน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ล่าสุดนายอนุรักษ์ สุดสาย ปลัดอาวุโสอำเภอเขาพนม ได้เข้าตรวจสอบพบว่า น้ำขยายวงกว้างไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร และถนนในหมู่บ้านเพิ่มเป็น 3 หมู่ ประกอบด้วยหมู่ 4, 5 และ 6 และไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลง ชาวบ้านเดือดร้อนกว่า 100 ครอบครัว โดยพบว่ามีถนนในหมู่บ้านถูกน้ำท่วมแล้ว 4 สาย และมีถนนเชื่อมต่อระหว่าง ต.สินปุน กับ ต.กุแระ น้ำสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านได้ทำแพเพื่อใช้ในการเดินทางซื้อสินค้าแล้ว
