ASTVผู้จัดการรายวัน - ตำรวจภูธรภาค 5 ตามรวบ "แฮกเกอร์หนุ่ม" ช่างเทคนิคทีวีดาวเทียมคาหอพักย่านธัญบุรี หลังปลอมเป็นหญิงแฮกเฟซบุ๊กลวงสาวถ่ายภาพเปลือยส่งให้แลกเงิน 2-4 หมื่น อ้างเรียนปริญญาเอก กำลังทำวิจัยสรีระร่างกาย สุดท้ายแบล็กเมล์บังคับแก้ผ้าสไกป์เป็นเดือน เจ้าตัวยอมรับผิดพร้อมเตือน รหัสเฟซบุ๊กใช้ตัวอักษรด้วย อย่าใช้ตัวเลขอย่างเดียว เพราะเจาะง่าย
วานนี้ (14 ต.ค.) พล.ต.ต.ประจวบ วงศ์สุข ผบก.สส.ภ. 5 เปิดเผยว่า ตำรวจได้จับกุมนายชัยธวัช ลอยล่อง อายุ 25 ปี ช่างเทคนิคสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องหนึ่ง ได้ที่หอพักย่านอ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พร้อมของกลางอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หลายรายการ ควบคุมตัวมาดำเนินคดีที่จ.เชียงใหม่ หลังมีพยาบาลสาวคนหนึ่งมาแจ้งความร้องทุกข์ว่าถูกนายชัยธวัชหลอกล่อให้ส่งภาพเปลือยกายไปให้ แล้วถุกแบล็กเมล์
พล.ต.ต.ประจวบ ผู้ต้องหามีความสามารถในการเจาะข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือเป็นแฮกเกอร์ ใช้ชื่อ “ปพิชญา ทองดี” เจาะข้อมูลเฟซบุ๊กของผู้อื่น แล้วติดต่อกับหญิงสาวอ้างว่าเรียนปริญญาเอก กำลังทำวิจัยสรีระร่างกายผู้หญิง หลอกลวงผู้เสียหายที่เป็นหญิงสาวหลายราย โดยเฉพาะพยาบาลสาวในเชียงใหม่ ถ่ายภาพเปลือยให้เห็นสรีระส่งมาให้ โดยให้ค่าตอบแทนเป็นเงิน 2 หมื่นบาทหากไม่เห็นหน้า หากเห็นใบหน้า 4 หมื่นบาท ซึ่งจะเก็บข้อมูลเป็นความลับ
ซึ่งมีผู้เสียหายหลงเชื่อถ่ายภาพส่งไปให้ แต่กลับถูกข่มขู่ แถมยังไม่ได้เงินค่าจ้างตามที่ตกลง ทั้งยังถูกบังคับให้ทำตามคำสั่งทุกอย่าง เมื่อไม่ทำตามก็นำภาพไปเผยแพร่ตามเว็บไซต์จนทำให้ได้รับความอับอาย และเสื่อมเสียชื่อเสียง นอกจากนั้นยังบังคับข่มขู่ผู้เสียหายให้เปิดเผยร่างกายผ่านโปรแกรมสไกป์ต่อเนื่องเป็นเวลา 30 วัน และสำเร็จความใคร่ต่อหน้าผู้เสียหายด้วย แต่ส่วนใหญ่ไม่กล้าแจ้งความเนื่องจากอับอาย และยอมทำตามจนผู้ต้องหาพอใจลบภาพออก ขณะที่พยาบาลสาวเชียงใหม่คนหนึ่งไม่ทำตามคำสั่ง จึงถูกนำภาพเปลือยไปเผยแพร่ ผู้เสียหายอับอายจึงเข้าแจ้งความ จนกระทั่งติดตามจับกุมนายชัยธวัชได้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งดำเนินคดีข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้านนายชัยธวัชรับสารภาพว่า มีหญิงสาวตกเป็นเหยื่อมากกว่า 6 ราย และยอมรับผิด พร้อมทั้งบอกว่าเป็นความท้าทายของกลุ่มแฮกเกอร์ ซึ่งยังมีอีกหลายคนที่ทำในลักษณะนี้ พร้อมฝากเตือนด้วยว่าการใส่รหัสเฟซบุ๊กควรใช้ตัวอักษรด้วย ไม่ควรใช้เฉพาะตัวเลขอย่างเดียว เพราะทำให้แฮกเกอร์เจาะเข้าไปหาข้อมูลส่วนตัวง่าย ใช้เวลาไม่เกิน 15 วันก็ล้วงข้อมูลได้หมด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถของกลุ่มแฮกเกอร์รุ่นใหม่.
วานนี้ (14 ต.ค.) พล.ต.ต.ประจวบ วงศ์สุข ผบก.สส.ภ. 5 เปิดเผยว่า ตำรวจได้จับกุมนายชัยธวัช ลอยล่อง อายุ 25 ปี ช่างเทคนิคสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมช่องหนึ่ง ได้ที่หอพักย่านอ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พร้อมของกลางอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หลายรายการ ควบคุมตัวมาดำเนินคดีที่จ.เชียงใหม่ หลังมีพยาบาลสาวคนหนึ่งมาแจ้งความร้องทุกข์ว่าถูกนายชัยธวัชหลอกล่อให้ส่งภาพเปลือยกายไปให้ แล้วถุกแบล็กเมล์
พล.ต.ต.ประจวบ ผู้ต้องหามีความสามารถในการเจาะข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือเป็นแฮกเกอร์ ใช้ชื่อ “ปพิชญา ทองดี” เจาะข้อมูลเฟซบุ๊กของผู้อื่น แล้วติดต่อกับหญิงสาวอ้างว่าเรียนปริญญาเอก กำลังทำวิจัยสรีระร่างกายผู้หญิง หลอกลวงผู้เสียหายที่เป็นหญิงสาวหลายราย โดยเฉพาะพยาบาลสาวในเชียงใหม่ ถ่ายภาพเปลือยให้เห็นสรีระส่งมาให้ โดยให้ค่าตอบแทนเป็นเงิน 2 หมื่นบาทหากไม่เห็นหน้า หากเห็นใบหน้า 4 หมื่นบาท ซึ่งจะเก็บข้อมูลเป็นความลับ
ซึ่งมีผู้เสียหายหลงเชื่อถ่ายภาพส่งไปให้ แต่กลับถูกข่มขู่ แถมยังไม่ได้เงินค่าจ้างตามที่ตกลง ทั้งยังถูกบังคับให้ทำตามคำสั่งทุกอย่าง เมื่อไม่ทำตามก็นำภาพไปเผยแพร่ตามเว็บไซต์จนทำให้ได้รับความอับอาย และเสื่อมเสียชื่อเสียง นอกจากนั้นยังบังคับข่มขู่ผู้เสียหายให้เปิดเผยร่างกายผ่านโปรแกรมสไกป์ต่อเนื่องเป็นเวลา 30 วัน และสำเร็จความใคร่ต่อหน้าผู้เสียหายด้วย แต่ส่วนใหญ่ไม่กล้าแจ้งความเนื่องจากอับอาย และยอมทำตามจนผู้ต้องหาพอใจลบภาพออก ขณะที่พยาบาลสาวเชียงใหม่คนหนึ่งไม่ทำตามคำสั่ง จึงถูกนำภาพเปลือยไปเผยแพร่ ผู้เสียหายอับอายจึงเข้าแจ้งความ จนกระทั่งติดตามจับกุมนายชัยธวัชได้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งดำเนินคดีข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ด้านนายชัยธวัชรับสารภาพว่า มีหญิงสาวตกเป็นเหยื่อมากกว่า 6 ราย และยอมรับผิด พร้อมทั้งบอกว่าเป็นความท้าทายของกลุ่มแฮกเกอร์ ซึ่งยังมีอีกหลายคนที่ทำในลักษณะนี้ พร้อมฝากเตือนด้วยว่าการใส่รหัสเฟซบุ๊กควรใช้ตัวอักษรด้วย ไม่ควรใช้เฉพาะตัวเลขอย่างเดียว เพราะทำให้แฮกเกอร์เจาะเข้าไปหาข้อมูลส่วนตัวง่าย ใช้เวลาไม่เกิน 15 วันก็ล้วงข้อมูลได้หมด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถของกลุ่มแฮกเกอร์รุ่นใหม่.